เทพสงครามพิทักษ์โลก บทที่ 499
ไม่ใช่ส่งเสียงหัวเราะลั่น อย่างตอนนี้!
หยางเฟิงมองเฉินเป่ยเหออย่างเยาะเย้ยพร้อมกล่าวว่า : “ฉันหัวเราะนายน่ะสิ กบในกะลาจริงๆ ไม่รู้จักประมาณตน! ตอนนั้นที่เมืองกาสิโน เหอเซิ่งหงก็รวบรวมสิบปรมามจารย์ใหญ่มาต่อสู้กับฉันแบบนี้แหละ นายรู้ไหมว่าจุดจบของพวกเขาเป็นอย่างไร?”
ได้ยินดังนั้น
ทันใดนั้นในใจของเฉินเป่ยเหอก็มีลางสังหรณ์ถึงลางร้าย
ตอนนั้นที่เมืองกาสิโนตระกูลเหอถูกทำลายสิ้น
คนตระกูลเหอบ้างก็ตาย บ้างก็หนีไป
โดยเฉพาะ
ต่อมาลั่วเจิ้นตงผู้ว่าการเมืองกาสิโนก็ออกคำสั่งปิดปาก
ปิดกั้นความจริงทั้งหมดเกี่ยวกับการที่ตระกูลเหอถูกทำลายสิ้น
ดังนั้นเฉินเป่ยเหอจึงไม่รู้ว่า
คืนนั้นที่ตระกูลเหอโดนทำลาย มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น
เฉินเป่ยเหอถามไปตามสัญชาตญาณ : “จุดจบของพวกเขาเป็นอย่างไร?”
ทันใดนั้น
รังสีสังหารที่เยือกเย็นดุจน้ำแข็งแผ่ซ่านออกมาจากกายของหยางเฟิง
อุณหภูมิโดยรอบ ลดลงสู่จุดเยือกแข็งในชั่วพริบตา
ทุกคนตัวสั่นอย่างอดไม่ได้
หยางเฟิงกล่าวเน้นออกมาทีละคำ : “พวกเขาถูกฆ่าตายหมดด้วยดาบเดียวของฉัน!”
“อะไรนะ?”
ได้ยินดังนั้น
สีหน้าของเฉินเป่ยเหอตระหนกตกใจใหญ่
เขาตะโกนลั่นอย่างไม่อยากเชื่อ : “เป็นไปไม่ได้! นี่มันเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!”
สิบปรมาจารย์ใหญ่ผู้แข็งแกร่ง ถูกหยางเฟิงฆ่าหมดในดาบเดียว นี่มันแปลกประหลาดไปแล้ว!
เฉินเป่ยเหอไม่เชื่ออย่างเด็ดขาด!
“หยางเฟิง ฉันรู้นะ ที่แกจงใจพูดแบบนี้ แกต้องการทำให้ฉันกลัว!”
“ฉันจะบอกแกให้ วันนี้ไม่ว่าแกจะพูดอะไร แกก็ต้องตายอบ่างไม่ต้องสงสัย!”
“พวกแก ฆ่ามันซะ!”
เฉินเป่ยเหอจ้องไปที่หยางเฟิง คำรามด้วยสีหน้าซีดเผือด
ความรู้สึกที่เป็นลางไม่ดีในใจนั้น ยังคงหลงเหลืออยู่ไม่ไปไหน
มีเพียงการฆ่าหยางเฟิงให้สิ้นซาก
ในใจของเขาถึงจะผ่อนคลายลงได้จริงๆ
“ฆ่ามัน!”
สิ้นคำสั่ง
สิบปรมาจารย์ผู้แข็งแกร่งชักดาบออกมา แล้วพุ่งตัวไปทางหยางเฟิงพร้อมๆกัน
ชั่วครู่เดียว
รังสีสังหารแผ่กระจายออกมา
แสงดาบผสานกัน
เกิดเป็นตาข่ายดาบที่ผนึกแน่น พุ่งไปบีบรัด พันรอบตัวหยางเฟิง!
เห็นดังนั้น
หม่าตงตระหนกตกใจมาก ตะโกนลั่นทันใด : “ปกป้องท่านแม่ทัพ!”
เกิดเสียงฝีเท้าและเสียงเตรียมอาวุธ!
สิ้นเสียงนั้น
บอดี้การ์ดนับไม่ถ้วนมายืนขวางอยู่ด้านหน้าหยางเฟิง
“หลีกไป!”
ทันใดนั้น
หยางเฟิงยืนขึ้น คำรามเสียงเย็น
“ท่านแม่ทัพ…”
ได้ยินดังนั้น หม่าตงก็มองไปที่หยางเฟิงอย่างร้อนรน
หยางเฟิงจ้องหม่าตงอย่างเยือกเย็นพร้อมกล่าวว่า : “ฉันสั่ง ให้แกหลีกไป!”
หม่าตงตกใจทันใด
บอดี้การ์ดทั้งหมด ถอยร่นราวกับกระแสน้ำก็มิปาน
“ท่านแม่ทัพ ทำไมไม่ให้ผมลงมือฆ่าสวะพวกนี้ล่ะครับ?”
ในตอนนี้
เสือขาวที่อยู่ด้านข้างเลียริมฝีปาก ดวงตาของเขาฉายแววโหดร้าย
หยางเฟิงปัดมือพร้อมกล่าว : “ไม่จำเป็น! ฉันนั่งนานเกินไปแล้ว พอดีเลยจะได้ผ่อนคล้ายกล้ามเนื้อสักหน่อย”
“กระบี่!”
เสียงคำรามลั่น!
แสงเย็นเยียบปรากฏขึ้น
กระบี่หลงเฉวียนอันแหลมคม ก็ปรากฏขึ้นในมือของหยางเฟิง
ฟี้วว!
ในวินาทีถัดมา
หยางเฟิงหายตัวไปจากที่เดิม
ร่างวาบผ่านไปอย่างรวดเร็ว บินข้ามผ่านไปทางสิบปรมาจารย์ใหญ่
“ท่านเสือขาว ท่านแม่ทัพจะเป็นอันตรายไหม?”
เมื่อเห็นหยางเฟิงเข้าไปใส่เดี่ยวกับสิบปรมาจารย์ใหญ่
หม่าตงกล่าวอย่างเป็นห่วงกังวล
“เหอะๆ!”
เสือขาวหัวเราะเบาๆ กล่าวอย่างไม่ยี่หระ “สบายใจได้ พวกเราแค่ชมการแสดงอยู่ตรงนี้ก็พอ แค่พวกเศษขยะสิบคน คงจะทำอันตรายท่านแม่ทัพไม่ได้แม้แต่ปลายเส้นขน”
“หา?”
ได้ยินดังนั้น หม่าตงก็อึ้งไป
เสือขาวพูดโอ้อวดหยางเฟิงอย่างใหญ่โต
เป็นถึงสิบปรมาจารย์ใหญ่
แต่สำหรับเขาแล้ว เป็นแค่เศษขยะสิบชิ้น?
เมื่อเทียบกับความเป็นห่วงกังวลของหม่าตง
ใบหน้าของเสือขาวกลับสงบนิ่ง
เวลาที่หม่าตงมาอยู่กับหยางเฟิงนั้นช่างแสนสั้น
เขายังไม่เคยได้สัมผัสพลานุภาพที่แท้จริงของหยางเฟิง
จะกังวลใจก็เป็นเรื่องปกติ
แต่เสือขาวเห็นมากับตาตัวเองแล้ว
หยางเฟิงเพียงคนเดียว ท่ามกลางกองทัพศัตรูนับล้าน โจมตีกันไปมา จะฆ่าเขาให้มลายสิ้นไม่เหลือแม้แต่เศษเสี้ยว
เมื่อเทียบกันแล้ว