ตอนที่ 388 เจ้าหมอนี่ปีนกำแพงอีกแล้ว / ตอนที่ 389 อยากแต่งงาน

(Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์

ตอนที่ 388 เจ้าหมอนี่ปีนกำแพงอีกแล้ว

 

 

           เจียงมู่เฉินโกรธจนใกล้จะกระอักเลือดแล้ว เขาเป็นคนมีชีวิตจิตใจ หรือว่ายังต้องถูกแม่เขาควบคุมจนตายเชียวเหรอ

 

 

           ‘ยังต้องการอุ้มหลาน?’

 

 

           ตัดใจเรื่องนี้ไปเสียเถอะ ทั้งชีวิตนี้เขาไม่มีทางจะมีลูกได้

 

 

           คนอื่นจะมีได้ไหม เขาไม่รู้ ถึงอย่างไรตัวเองกับซือเหยี่ยนก็มีลูกกันไม่ได้อยู่แล้วตลอดชีวิต

 

 

           เขาโกรธจนอีกนิดจะเตรียมสารภาพออกมาตรงๆ แล้ว บอกเรื่องราวทั้งหมดของซือเหยี่ยนกับตัวเองให้คุณแม่เจียงมู่เฉินฟัง จะได้ไม่ต้องมาทำให้ซือเหยี่ยนน้อยใจด้วย

 

 

           “แม่ครับ ความจริงคือผม…” เจียงมู่เฉินหลับตาพร้อมเอ่ยด้วยความใจกล้า

 

 

           ซือเหยี่ยนเห็นสถานการณ์แล้ว ก็รีบลุกขึ้นยืนทันที “จู่ๆ ผมนึกขึ้นมาได้ว่าผมยังมีธุระต่อ ขอตัวก่อนไม่รบกวนแล้วครับ”

 

 

           เจียงมู่เฉินตะลึงงัน นี่ซือเหยี่ยนคิดอะไรอยู่กันแน่    

 

 

“เฉินเฉิน คุณอยู่บ้านเป็นเพื่อนน้าจีนดีๆ รอพักผ่อนอีกสองวัน แล้วค่อยมาทำงานเถอะ”

 

 

เขาพูดจบประโยค ก็เดินออกจากคฤหาสน์ของตระกูลเจียงไปในทันใด เจียงมู่เฉินมองตามแผ่นหลังของซือเหยี่ยนไป ในใจอึดอัดกลัดกลุ้มไม่เบา

 

 

‘เป็นซือเหยี่ยนที่ยืนกรานจะกลับมากับเขาให้ได้ แล้วตอนนี้ก็เป็นซือเหยี่ยนอีกที่ต้องการให้เขาพักผ่อนอยู่ที่บ้าน?’

 

 

‘อะไรกัน เขาคิดเหมือนครั้งก่อนอีกใช่ไหม เพราะแม่เขา เลยจะอยากเลิกกับเขาอีกครั้งเหรอ’

 

 

เจียงมู่เฉินยิ่งคิด สีหน้ายิ่งดูไม่ได้ หลังจากซือเหยี่ยนออกไป เจียงมู่เฉินก็ลุกขึ้นยืนทันที “ผมไม่สบาย ขอตัวขึ้นไปพักก่อน”

 

 

จี้ฉิงอยู่วงการบันเทิงมาตั้งนานขนาดนี้ เป็นเหมือนคนเจนโลกมาตั้งแต่เนิ่นๆ แล้ว ชัดเจนมากว่าความสัมพันธ์ระหว่างสามคนนี้ไม่ปกติ

 

 

เธอที่ยืนอยู่ตรงกลางกลับไม่ต่างอะไรจากตัวรับกระสุน

 

 

เธอรีบพูดปลอบใจคุณแม่เจียงสักสองสามประโยค แล้วหาข้ออ้างที่เข้าท่า ขอตัวออกจากบ้านตระกูลเจียงไป

 

 

หลังจากจี้ฉิงไป สีหน้าคุณแม่เจียงก็สลดลงมา เธอนั่งถอนหายใจเงียบๆ อยู่ในห้องรับแขก

 

 

‘ระหว่างซือเหยี่ยนกับเฉินเฉิน…’

 

 

สรุปแล้วเธอต้องทำอย่างไรกันแน่

 

 

เดิมทีคิดว่าก่อนไปอเมริกา เฉินเฉินหาจี้ฉิงมาเป็นแฟนได้แล้ว จะเป็นการตัดบัวไม่เหลือใยกับซือเหยี่ยนเด็กคนนั้นไปแล้ว

 

 

ใครจะรู้ว่าไม่เจอกันช่วงเวลาหนึ่ง คิดไม่ถึงว่าจะมาอยู่ด้วยกันอีกจนได้

 

 

คุณแม่เจียงเอามือกดที่หัว ‘ไม่ได้’ ต้องให้จี้ฉิงกับเฉินเฉินแต่งงานกันให้เร็วที่สุด พอทั้งสองคนแต่งงานกันแล้ว ระหว่างเฉินเฉินกับซือเหยี่ยนก็จะไม่มีเรื่องอะไรกันอย่างอื่นอีกแล้ว

 

 

‘ใช่ แต่งงาน!’

 

 

เธอจำเป็นพูดเกลี้ยกล่อมให้ทั้งสองคนนี้แต่งงานกันให้เร็วที่สุด

 

 

……

 

 

เจียงมู่เฉินกลับห้องมา ก็ทิ้งตัวเองลงไปกับเตียง เขากุมหัวด้วยความหงุดหงิด นี่เขาเพิ่งจะกลับมายังไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำ ทำไมถึงไม่ทำให้จิตใจเขาสงบขนาดนี้

 

 

เขาคิดไม่ตกจริงๆ ว่าซือเหยี่ยนกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่

 

 

คิดจะถอยอีกครั้งจริงๆ หรือว่ามีแผนการอย่างอื่น

 

 

เจียงมู่เฉินกุมขมับ รู้สึกว่าเป็นไปได้มากที่ซือเหยี่ยนจะมีแผนการอย่างอื่น

 

 

ตามความเข้าใจของเขาที่มีต่อซือเหยี่ยน ซือเหยี่ยนไม่ใช่คนที่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ ขนาดนั้น

 

 

อีกอย่าง ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ เขาไม่มีวิธีจะตัดสินความรักของซือเหยี่ยนที่มีให้ตัวเองได้

 

 

แต่ตอนนี้เขาฟื้นคืนความทรงจำกลับมาแล้ว

 

 

เขารู้ว่าตัวเองกับซือเหยี่ยนกว่าจะเดินเส้นทางนี้มาได้ยากเย็นมากแค่ไหน

 

 

อีกอย่าง ซือเหยี่ยนทำเพื่อเขาตั้งมากมายขนาดนั้น ไม่มีทางจะมาเลิกกับเขาง่ายๆ แบบนี้

 

 

ดังนั้น ซือเหยี่ยนจะต้องมีแผนการอย่างอื่นแน่นอน

 

 

เจียงมู่เฉินตัดสินใจ เตรียมจะโทรหาซือเหยี่ยน ถามไถ่ถึงสถานการณ์

 

 

ผลปรากฏว่ามือถือยังไม่ทันได้กดโทรออก กระจกตรงระเบียงก็มีเสียงเคาะสะท้อนออกมา

 

 

จิตใต้สำนึกสั่งให้เจียงมู่เฉินเงยหน้ามองตามไป ก็เห็นซือเหยี่ยนยืนอยู่ตรงระเบียง เจียงมู่เฉินตะลึงงัน ความดีใจแทบบ้าพรั่งพรูในทันใด เขารีบเดินเข้าไปเปิดประตู

 

 

“นายออกไปแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมยังอยู่ที่นี่กัน”

 

 

เจียงมู่เฉินทั้งๆ ที่รู้ก็ยังจงใจเอ่ยถาม

 

 

ซือเหยี่ยนยกยิ้มมุมปากขึ้นอย่างขำขัน “คุณอยู่ที่นี่ ผมจะทำใจไปที่อื่นได้ที่ไหนกัน”

 

 

“นายแม่งวันๆ ปีนกำแพงขึ้นห้องฉัน นายไม่รู้สึกว่าขายหน้าบ้างหรือไง”

 

 

นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่ซือเหยี่ยนเจ้าหมอนี่ปีนกำแพงมา

 

 

ซือเหยี่ยนส่ายหัวด้วยสีหน้าเอาจริงเอาจัง “ไม่ขายหน้า”

 

 

‘เขามีอะไรให้ให้น่าขายหน้ากัน มาหาแฟน จะขายหน้าตรงไหน’

 

 

 

 

ตอนที่ 389 อยากแต่งงาน

 

 

           เจียงมู่เฉินอดจะมองบนใส่ไม่ได้ แต่ในใจกลับเหมือนได้น้ำผึ้งชะโลมใจ หวานชื่นฉ่ำ

 

 

           เขาออกแรงดึงตัวคนเข้ามา แล้วกดอัดเข้ากับผนังห้อง ไม่ถามสักคำก็กดจูบซือเหยี่ยนไปทั้งอย่างนี้

 

 

           แฟนเป็นฝ่ายมาส่งให้ถึงที่เองทั้งที นี่ถ้าเขายังทำเป็นพระอิฐพระปูน ก็จะเป็นเขาเองที่ผิดแล้ว

 

 

           ซือเหยี่ยนส่งมือไปล็อคเอวเขาไว้ เปลี่ยนมาเป็นฝ่ายรุกกลับบ้าง

 

 

           ผ่านไปเนิ่นนาน ในที่สุดก็หยุดลง

 

 

           ซือเหยี่ยนมองดูใบหน้าเล็กของเจียงมู่เฉินที่ค่อนข้างจะแดงจัด “ยังไงกัน จู่ๆ คุณมาจูบผมทำอะไร”

 

 

           เวลานี้เองเจียงมู่เฉินถึงรู้สึกว่าเมื่อกี้ตัวเองจะดูคลุ้มคลั่งไปสักหน่อย

 

 

           แต่ว่าต่อให้ดูคลุ้มคลั่งไปสักหน่อย เจียงมู่เฉินก็จะไม่ยอมรับอยู่ดี

 

 

           เขาเชิดหน้ามองซือเหยี่ยนด้วยความเย่อหยิ่ง “อะไรกัน คุณชายอยากจูบนาย ยังต้องถามนายว่าได้ไหมด้วยเหรอ”

 

 

           ซือเหยี่ยนเชิดมุมปากด้วยความตลกขบขัน โน้มเข้าไปกัดเขา “ไม่ต้องอยู่แล้ว ถ้าคุณอยากจูบ ก็จูบได้เสมอ”

 

 

           เจียงมู่เฉินมองเขา “นายยังไม่ได้ตอบฉันเลยว่าเมื่อกี้นายไปแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงกลับมาอีก”

 

 

           ซือเหยี่ยนถอนหายใจ “น้าเจียงสุขภาพไม่ดี อย่าให้ท่านโมโห เพราะผมเลย”

 

 

           “งั้นนายคิดจะทำแบบนี้ตลอดเลยเหรอ”

 

 

           ยอมให้แม่เขาตลอด ทำลับๆ ล่อๆ หลบๆ ซ่อนๆ แบบนี้ตลอด?

 

 

           “ไม่หรอก เพียงแต่ว่าพวกเราค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปกันดีไหม”

 

 

           ถ้ายึดตามนิสัยของเจียงมู่เฉิน คงพูดออกมาอย่างชัดเจนเสร็จสรรพโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้นไปตั้งแต่แรกแล้ว

 

 

           ถึงจะไม่สนใจมากขนาดนี้ได้

 

 

           แต่เรื่องนี้ ซือเหยี่ยนคิดไม่เหมือนกัน

 

 

           สำหรับซือเหยี่ยนแล้ว คุณแม่เจียงไม่ใช่แค่เป็นคุณแม่ของคนที่เขารัก ยังเป็นคุณน้าที่เห็นเขามาตั้งแต่เล็กจนโต

 

 

           เขากับเจียงมู่เฉินต้องอยากจะคบกันอยู่แล้ว

 

 

           แต่เขาก็ไม่อยากจะทำให้เจียงมู่เฉินผิดใจกับคุณแม่เจียงเพราะตัวเขาเอง

 

 

           เป็นเขาที่อยากจะได้ตัวเจียงมู่เฉิน ดังนั้นเขาควรจะรับผิดชอบเรื่องทุกอย่างนี้เอง

 

 

           อีกอย่างนิสัยความเลือดร้อนของเจียงมู่เฉิน จุดนี้ก็เหมือนกับคุณแม่เจียง ทั้งสองคนหัวแข็งไม่แพ้กัน

 

 

           ถ้าหากสุดท้ายไม่มีใครยอมใคร ก็จะบอบช้ำกันทั้งสองฝ่าย

 

 

           แล้วเขาจะคบกันกับเจียงมู่เฉินได้อย่างไรอีก

 

 

           ซือเหยี่ยนคนนี้เป็นคนทำอะไรสุขุมรอบคอบ ถ้าไม่มั่นใจถึงแปดสิบเปอร์เซ็นต์ ก็จะไม่ลงมือเด็ดขาด

 

 

           ดังนั้นเขาจำเป็นต้องรับประกันว่าระหว่างตัวเองกับเจียงมู่เฉินจะต้องคบกันได้อย่างแน่นอน

 

 

           “ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป นายคิดจะยืดไปนานแค่ไหน รอให้แม่ฉันจับฉันแต่งงานกับจี้ฉิง รอให้ลูกของฉันกับเธอคลอดออกมา หรือต้องรอหลังจากที่ลูกฉันโตแล้ว”

 

 

           เจียงมู่เฉินขมวดคิ้วเอ่ยเน้นคำต่อคำ

 

 

           นัยน์ตาซือเหยี่ยนเก็บซ่อนความเจ็บปวดที่บาดลึก

 

 

           “ไม่มีทาง ผมไม่มีทางจะให้คุณไปแต่งงานกับคนอื่น แล้วก็ยิ่งไม่มีทางจะให้คุณไปมีลูกกับคนอื่นด้วย”

 

 

           เขายื่นมือไปกดเจียงมู่เฉินไว้ “คุณเป็นของผม เป็นได้แค่ของผม”

 

 

           “เฉินเฉิน ผมไม่ได้ใจกว้างเหมือนที่คิดไว้ขนาดนั้น ผมคนนี้โคตรจะเห็นแก่ตัว นอกจากผมแล้ว ใครก็คบกับคุณไม่ได้ทั้งนั้น”

 

 

           คำพูดของซือเหยี่ยนทำให้เจียงมู่เฉินโล่งใจ ถ้าสิ่งที่ซือเหยี่ยนกล้าพูดออกมาคือเรื่องโกหก เขาต้องเด็ดหัวซือเหยี่ยนทันทีแน่

 

 

           “นายลองยอมให้ไปคบคนอื่นดูสิ” เจียงมู่เฉินกระชากคอเสื้อเขา “ถึงยังไงทั้งชีวิตนี้ของนายก็เป็นของคุณชาย และทั้งชีวิตนี้คุณชายก็ไม่มีทางจะให้นายไปแต่งงานมีลูกด้วยเช่นกัน”

 

 

           แววตาซือเหยี่ยนประกายรอยยิ้ม “แต่งงานก็ไม่ให้แต่งเหรอ”

 

 

           เจียงมู่เฉินโมโหแล้ว “ยังไงกัน นายยังอยากแต่งงานหรือไง”

 

 

           ซือเหยี่ยนพยักหน้าอย่างจริงใจ “ต้องอยากอยู่แล้ว”

 

 

           “ฉันจะบอกนายนะซือเหยี่ยน นายเอาหัวใจมาให้ฉันวางไว้อยู่ในท้องนี้ตลอดชีวิตแล้ว ทางให้ไปแต่งงานก็ไม่มีทั้งนั้น”

 

 

           ซือเหยี่ยนก้มหน้าลงจูบเขา “อยากแต่งงานกับคุณ ก็ไม่มีทางเลยเหรอ”

 

 

           เขาถอนหายใจเล็กน้อย “ที่แท้เฉินเฉินไม่อยากแต่งงานกับผมนี่เอง”

 

 

           “เดี๋ยวก่อน…” เจียงมู่เฉินชะงักค้าง เมื่อครู่ซือเหยี่ยนพูดว่าอะไร “นายอยากแต่งงานกับฉันเหรอ”

 

 

           “ใช่สิ หลายประเทศก็แต่งงานกันได้แล้ว ถ้าคุณยอมตกลงแต่งงานกับผม พวกเราเลือกมาสักประเทศที่คุณชอบไปแต่งงานกันเป็นยังไงบ้าง”

 

 

           ในใจเจียงมู่เฉินดีใจแทบบ้า วอแวกันมาตั้งนาน ซือเหยี่ยนอยากจะแต่งงานกับเขาแล้ว?

 

 

           ในใจเขาเบิกบานในทุ่งดอกไม้แล้ว แต่กลับแกล้งทำเหมือนไม่เป็นอะไร ครุ่นคิดอย่างจริงจัง “แต่งงานกับนาย…งั้นฉันยังต้องคิดทบทวนๆ ดู”