“สนามรบของหมอผีและปีศาจ?”
หินก่อให้เกิดระลอกคลื่นหลายระดับ
ชั่วขณะที่เฟิงหลินพูดคลื่นอารมณ์ก็เพิ่มขึ้นในใจของทุกคน
การคาดเดาถึงอารยธรรมของเผ่าปีศาจคือข้อสรุปของจ้าว เยวี่ยเอ๋อร์ แต่เฟิงหลินเพียงแค่มองอย่างรวดเร็วและปฏิเสธมัน
(แม้ว่าเทคนิคการปรุงแต่งยาของนายจะยอดเยี่ยม แต่ความสามารถในตำนานของนายจะลึกซึ้งขนาดนั้นได้ยังไง)
(ยังไงเขาก็เป็นเพียงผู้บ่มเพาะระดับสูง … )
พวกเขาไม่เชื่อเฟิงหลินจริงๆ แต่เนื่องจากพวกเขาต้องการให้เฟิงหลินปรุงยาผลึกให้จึงไม่มีใครพูดอะไร
แต่ทัศนคติของพวกเขาที่ไม่เชื่อนั้นชัดเจนมาก
อย่างไรก็ตามจ้าว เยวี่ยเอ๋อร์นั้นกลับไตร่ตรองอีกครั้ง เธอดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างแล้วหันมามองเฟิงหลิน“ นายได้ข้อสรุปนี้ได้ยังไง?”
เฟิงหลินหัวเราะเบา ๆ “ปีศาจปรากฏขึ้นเพราะสัตว์ป่าและพืชได้รับการบ่มเพาะและบรรลุเต๋า เปลี่ยนพวกมันกลายเป็นมนุษย์นี่เป็นเพียงกระบวนการบ่มเพาะ สำหรับเผ่าหมอผี เรื่องราวนั้นแตกต่าง พวกเขาเป็นมนุษย์ที่แท้จริง ในสมัยโบราณ มนุษย์อ่อนแออย่างไม่มีที่เปรียบและต้องต่อสู้เพื่อทุกสิ่งด้วยตัวเองเพื่อยึดสิ่งที่ต้องการ พวกเขาสังเวยต่อสวรรค์ และบรรพบุรุษพวกเขา พวกเขาถือเป็นผู้วิเศษและเลี้ยงสัตว์ป่ามากมายขณะดูดซับแก่นแท้ขิงสวรรค์และโลกเพื่อพัฒนาร่างกายพวกเขา รูปแบบของพวกเขาอาจคล้ายกับเทพหรือปีศาจ ถ้ามองไม่ดีมันจะสับสนได้ง่าย แต่ระหว่างปีศาจกับหมอผี หนึ่งสามารถแปลงร่างเป็นมนุษย์โดยการบ่มเพาะ ในขณะที่อีกหนึ่งต้องทำให้สัตว์เชื่องเพื่อป้องกันการทำร้ายมนุษย์ พวกมันเกิดมาเป็นศัตรูมนุษย์ทำให้เกิดสงครามที่ยิ่งใหญ่มากมายระหว่างสองเผ่าพันธุ์ ดูที่งูยักษ์ซึ่งขดรอบยักษ์สิ!แม้มันจะดูเหมือนเป็นการผสานของทั้งสอง จริงๆแล้วมันคือร่างกายของหมอผี ยิ่งไปกว่านั้น มีร่องรอยการต่อสู้อยู่ทั่ว จากมุมมองฉัน นี่ไม่ได้เกิดจากหายนะแต่เป็นสงครามระหว่างหมอผีและปีศาจ…”
เขาพูดอย่างใจเย็นแบ่งปันการวิเคราะห์ของเขาที่มีเหตุผลยืนยัน
ทุกคนมองตากันและรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก
ใจของพวกเขาสงบลงขณะพวกเขาไตร่ตรองจากคำพูด จากนั้นค้นพบว่าคำพูดของเฟิงหลินมีความเป็นไปได้สูงมาก!
ไม่นาน กระสวยอวกาศก็ขยายสว่านและเริ่มเก็บเกี่ยว DNA ของโครงกระดูกยักษ์ ในขณะที่เริ่มทำการวิเคราะห์หลังจากนั้นไม่นานก็พบว่านี่เป็น DNA ของมนุษย์โบราณอย่างแท้จริง
แม้ว่ามนุษย์ระหว่างดวงดาวจะมียีนหลายเผ่าพันธุ์ แต่ก็ยังมีความคล้ายคลึงกันในหมู่พวกเขากับมนุษย์โบราณ
สิ่งนี้พิสูจน์ได้อย่างไม่ต้องสงสัยว่าการคาดเดาของเฟิงหลินนั้นถูกต้อง
“น่าทึ่ง! ไม่คิดเลยว่าท่านเฟิงจะมีความสามารถลึกซึ้งในเรื่องของตำนานด้วย” หลังจากตรวจสอบผลลัพธ์แล้วการแสดงออกของทุกคนก็เปลี่ยนไป พวกเขาไม่กล้าสบประมาทเฟิงหลินอีกต่อไป และปรับสภาพจิตใจเพื่อปฏิบัติต่อเขาเหมือนเดิม
“สนามรบระหว่างหมอผีและปีศาจ?” แซทท์ไตร่ตรองอย่างเงียบ ๆ หลังจากนั้นเขาก็เริ่มตื่นเต้น “สุดยอดกำแพงหมายเลยA3 เพิ่มระบบการสแกน หาร่องรอยของการต่อสู้ในซากปรักหักพังนี้ให้มากที่สุด ลองคืนค่าลักษณะดั้งเดิมของสนามรบ”
“รับทราบ กัปตัน!” กระสวยอวกาศสั่นสะเทือน ยานสำรวจนับไม่ถ้วนแผ่ขยายออกไปรอบ ๆ โดยส่งรังสีที่ไม่มีรูปร่างซึ่งกลายเป็นความผันผวนของความถี่ ไม่ว่าร่องรอยนั้นจะมีขนาดเล็กแค่ไหน มันก็ไม่มีทางหลบการตรวจจับได้
จี้ด~
กระแสข้อมูลทำให้ภาพโฮโลแกรมปรากฏ อักขระตัวเลขกะพริบทำให้รู้สึกว่าหัวของพวกเขาจะหมุนถ้าจ้องมองมัน
ภาพแสดงทีละภาพ ร่องรอยของไฟไหม้ ผลกระทบจากการโจมตีพลังงาน ร่องรอยจากอาวุธ – ทุกอย่างปรากฏขึ้น!
ปัญญาประดิษฐ์เริ่มใช้พลังการประมวลผลที่กว้างใหญ่เพื่อเรียกคืนทิศทางของการโจมตี, ร่องรอยจากการใช้กำลัง บันทึกทุกอย่างและเริ่มวิเคราะห์
ซากโครงกระดูกได้รับการฟื้นฟูให้มีความเป็นไปได้มากที่สุดก่อนที่จะตาย
สัตว์ประหลาดสีเขียว สัตว์ประหลาดหัวเสือ งูแดงยักษ์ แมวปีศาจสามหาง … ซากโครงกระดูกที่ถูกกู้คืนด้วยการคืนค่าทั้งหมดราวกับว่าสิ่งมีชีวิตเหล่านี้จากยุคดึกดำบรรพ์ได้ข้ามมายุคระหว่างดวงดาว
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของยุคดวงดาวสูงแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน อย่างน้อยการฟื้นฟูนี้ก็ต้องมีความคล้ายคลึงถึง70%
เฟิงหลิน จ้าว เยวี่ยเอ๋อร์และคนอื่น ๆ รอผลอย่างเงียบ ๆ
ดิ้ง ดิ้ง ดิ้ง!
แสงกะพริบของปัญญาประดิษฐ์ดังขึ้น หลังจากสองชั่วโมงสามสิบเจ็ดนาทีผ่านไป ผลลัพธ์ก็ออกมาในที่สุด
“การฟื้นฟูสนามรบเสร็จสิ้นแล้ว ท่านต้องการดูเลยหรือไม่?” ปัญญาประดิษฐ์ถาม
“ แน่นอน” แซทท์ไม่ลังเล
ในทันใดแสงในกระสวยอวกาศก็หรี่ลง ทำให้พวกเขาอยู่ในความมืด
ฉากโฮโลกราฟฟิกเริ่มปรากฏให้เห็น ดวงดาวเริ่มปรากฏขึ้นในความมืดรอบตัวพวกเขา มันเหมือนตอนนี้พวกเขาอยู่ในอวกาศ
บูม บูม บูม!
เสียงระเบิดดังกึกก้องอย่างไม่หยุดหย่อน
เกิดภาพความป่าเถื่อนดุร้ายขึ้น พวกมันมาจากยุคโบราณ
ในอีกด้านหนึ่งเสียงหอนของสัตว์ป่าดังอย่างไม่ลดละ เงาร่างคล้ายมนุษย์สามารถเห็นได้ แต่ดวงตาพวกมันกลับเลือดเย็นอย่างมาก มีลักษณะของสัตว์ป่าสามารถเห็นได้บนตัวพวกมัน
ในอีกด้านหนึ่งร่างมหึมาจำนวนมากปรากฏขึ้นร่างกายของพวกเขาเต็มไปด้วยรอยสัก และมีอาวุธทุกประเภท พวกเขาคำรามเสียงดัง
นี่เป็นฉากที่บรรพชนมนุษย์โบราณต่อสู้กับเผ่าพันธุ์ปีศาจ?
เฟิงหลินและคนอื่น ๆ อดไม่ได้ที่จะกลั้นหายใจ
เผ่าพันธุ์ปีศาจนั้นป่าเถื่อนอย่างมาก พวกมันเปลี่ยนมาเป็นมนุษย์โดยการบ่มเพาะ
ในฝั่งของมนุษย์พวกเขาต้องสำรวจเส้นทางการบ่มเพาะช้าๆ ความรู้ของพวกเขานั้นเกิดจากการสะสมของคนรุ่นก่อนหน้า ในที่สุดพวกเขาก็ปราบปีศาจและกลายเป็นขุนนางของโลก
เมื่อฉากโฮโลกราฟิกเริ่มชัดเจนขึ้น ความลับของการต่อสู้โบราณก็ปรากฏต่อหน้าพวกเขา
ทุกคนกลั้นหายใจ ไม่กล้าหายใจ
หวด, หวด, หวด ~
ลูกศรตกลงมาเหมือนสายฝน ด้วยความเร็วและแรงเหมือนดาวตก
อีกาทองสามขาร้องโหยหวนขึ้นไปในอากาศ พวกมันเป็นเหมือนแสงตะวันที่ตกลงมา เรียงกันเป็นเกลียวคลื่นไฟและต้องการเผาโลกทั้งใบให้กลายเป็นเถ้าถ่าน
มนุษย์ปีศาจที่มีงูบนแขนทั้งสองข้างโผล่ขึ้นจากน้ำ ทำให้เกิดคลื่นสูงยกตัว อยากดับไฟ
นกฟีนิกซ์น้ำแข็งกระพือปีกของพวกมัน เผยให้เห็นฝนน้ำแข็งเหมือนพายุน้ำค้างแข็ง มันแช่แข็งคลื่นน้ำเป็นภูเขาน้ำแข็ง!
โฮก!
โบร๋ว~
…
ทั้งสองฝ่ายต่างโจมตีกันโดยปราศจากความเมตตา ราวกับว่าไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้หากอีกฝ่ายรอดชีวิต!
เลือดสดกระเซ็นผ่านอากาศ ขณะที่เปลวไฟแห่งสงครามลุกฮือ
เป็นการสังหารหมู่ที่ยิ่งใหญ่มาก!
ทั้งสองฝ่ายมีคนที่คล้ายกับเทพเจ้าและปีศาจ พลังของพวกเขาดูเหมือนกว้างใหญ่ไร้ขอบเขต
อีกด้านหนึ่งมียักษ์สูงหมื่นฟุต พร้อมด้วยมังกรตะวันตก มังกรตะวันออก งู…สิ่งมีชีวิตที่ยิ่งใหญ่ทุกประเภทคืออาวุธพวกเขา หมอผีเหล่านี้สร้างพายุลม พายุน้ำแข็ง สายฟ้า…ระเบิดพลังงานใส่ศัตรูพวกเขา
ในอีกด้านหนึ่งปีศาจแผดเสียงดังราวกับปราณปีศาจพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าทำให้เกิดฉากมืดไร้แสงอาทิตย์
อีกาทองที่ลุกไหม้ด้วยไฟบินรอบอากาศ เต่าที่แบกภูเขาน้ำแข็งบนหลัง แขนขาของพวกมันมีความหนาประดุจเสาและทุกก้าวที่มันเดินทำให้พื้นดินแตก ชีวิตนับไม่ถ้วนถูกอัดแน่นเป็นฝุ่น นอกจากนี้ยังมีลิงมากมายที่ควงกระบองโลหะ
เผ่าพันธุ์ทั้งสองนี้ต่อสู้เพื่อปกครองโลก ดำเนินการสังหารหมู่ที่จะไม่หยุดจนกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะถูกทำลายอย่างสมบูรณ์
คลื่นไร้ขีดจำกัดของการทำลายล้างบดขยี้กันเป็นระลอกคลื่นที่กระจายออกไปด้านนอก ทุกๆระลอกพลังที่กวาดผ่านจะทำให้เกิดการทำลายล้างมหาศาล
การต่อสู้ระหว่างหมอผีและปีศาจได้ทำลายสวรรค์และโลก
คชา คชา!
เฟิงหลินและคนอื่น ๆ เบิกตากว้าง พวกเขาค้นพบว่าพื้นดินเริ่มสั่นสะเทือน รอยแตกกว้างขึ้น เปลี่ยนเป็นเศษซากนับไม่ถ้วนที่กระจัดกระจาย เผยให้เห็นอวกาศมืดมิดที่ด้านล่าง
พื้นดินส่วนใหญ่เริ่มตกลง
ปรากฎว่าซากปรักหักพังของเอกภพนี้ไม่ได้เกิดจากการทำลายของระบบดวงดาว แต่เกิดจากการล่มสลายของทวีปลอยฟ้าขนาดยักษ์!