บทที่ 455
มีคนจำนวนมากเฝ้าดูการต่อสู้อยู่รอบ ๆ เมื่อเห็นหลินจื่อเฟิงเอาชนะราชายุทธ์แห่งตระกูลหยูทั้ง12คนด้วยตัวเอง อีกทั้งยังทำให้ราชายุทธ์ขั้น7ที่ผลการฝึกตนสูงที่สุดบาดเจ็บสาหัสได้ ต่างก็มีสีหน้าซับซ้อนบรรยายไม่ถูก

“เฮียหลินแข็งแกร่งจริงเชียว” หลัวซิวเอ่ยชม หลินจื่อเฟิงถือเป็นคนที่เกลียดคนเลวและสิ่งเลวร้ายราวกับเป็นศัตรู อีกทั้งพลังยังแข็งแกร่ง และยังเป็นนักยุทธ์อิสระอีกด้วย หากสามารถดึงปรมาจารย์รุ่นเยาว์เหล่านี้เข้าสู่สำนักไท่เสวียนได้ จะสามารถช่วยในเรื่องการเติบโตได้มาก

“ศิษย์พี่หลัวล้อเล่นแล้ว ข้าทำเรื่องน่าอายเสียแล้ว” หลินจื่อเฟิงแกล้งหัวเราะ ดูไม่เหมือนชายผู้โหดเหี้ยมและเด็ดขาดเมื่อครู่เลย

“ข้าทำร้ายคนตระกูลหยู เมื่อครู่ทำร้ายผู้น้อยไป อีกครู่พวกคนแก่ ๆ ก็น่าจะมากัน ศิษย์พี่หลัวร่วมทางไปกับข้า เกรงว่าท่านจะถูกหางเลขไปด้วย” หลินจื่อเฟิงพูด

หลัวซิวได้ยินดังนั้น ก็เลิกคิ้วขึ้นอย่างด้วยไม่ได้ พร้อมกับหัวเราะเสียงดัง “เฮียหลินพูดเช่นนี้ หรือว่ากำลังดูถูกข้าหลัวซิว เมื่อครู่หยูมู่เหลียงจงใจมาหาเรื่องข้า เจ้าเป็นคนออกตัว สิ่งนี้ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บ หากจะมีปัญหา แล้วข้าตีตัวออกห่างจากเจ้า เช่นนั้นข้าจะเป็นคนเช่นไรล่ะ?”

“ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น …” หลินจื่อเฟิงหัวเราะเบา ๆ

“ซีโรว่ มานี่”

ในเวลานี้เอง ทางฝั่งสำนักไป๋ซิงกู่ ไป๋หุ้ยเหลียนกวักมือเรียกเหยียนซีโรว่ที่ยืนอยู่ข้างกายหลัวซิว

หลัวซิวขมวดคิ้ว สำหรับไป๋หุ้ยเหลียนคนนี้ เขาไม่มีความรู้สึกดี ๆ ด้วยเลยแม้เพียงเศษฝุ่น

ต่อให้ใช้หัวแม่เท้าคิดเขาก็สามารถรู้ได้ว่า ที่ไป๋หุ้ยเหลียนเรียกเหยียนซีโรว่ไปนั้น แน่นอนว่าต้องการให้นางแยกตัวออกจากเขา หลีกเลี่ยงไม่ให้ไปสร้างปัญหากับตระกูลหยู

“อาจารย์ของเจ้าเรียกน่ะ” หลัวซิวมองไปทางเหยียนซีโรว่ที่อยู่ข้างกาย

“เฮียหลัว ข้า…” เหยียนซีโรว่ดูเหมือนลำบากใจเล็กน้อย แต่ไม่รู้จะอธิบายให้หลัวซิวฟังอย่างไร

แต่หลัวซิวไม่อยากจะพูดถึงเรื่องนี้อีก เขาจึงหันหลังเดินจากไป ปล่อยให้เหยียนซีโรว่อยู่คนเดียวในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกท้ายที่สุดแล้ว ด้านหนึ่งคือหลัวซิวซึ่งนางชื่นชม และอีกด้านหนึ่งคืออาจารย์ของนางเอง

จากใจจริง หลัวซิวมีความต้านทานต่อความหลงใหลในเหยียนซีโรว่ของตนอยู่บ้าง บางครั้งก็ต้องการแยกตัวออกจากเธอ แต่ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องบังเอิญของโชคชะตา ทำให้ระหว่างคนทั้งสองต้องมาเกี่ยวข้องครั้งแล้วครั้งเล่า

“เทพแห่งวัฏจักรชีวิตบอกว่า เมื่อผลการฝึกตนของข้าบรรลุถึงระดับที่แน่นอนแล้ว จะสามารถรู้อดีตและชีวิตปัจจุบันผ่านวัฏจักร ข้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างข้ากับนาง จะมีความหลงใหลเช่นนั้นหรือไม่?”

หลัวซิวส่ายศีรษะ ไม่คิดมากอีกต่อไป หันไปหาหลินจื่อเฟิง แผงลอยที่ตั้งขึ้นโดยนักยุทธ์หลายคน พวกเขาเดินเตร่ไปทุกหนทุกแห่ง

ทันใดนั้น ฝีเท้าของหลัวซิวก็หยุดกะทันหัน แล้วรีบเดินไปที่แผงลอยที่ข้างหน้าอยู่ไม่ไกล

เจ้าของแผงนั้นเป็นชายวัยกลางคนที่มีใบหน้าเคร่งขรึม สวมชุดสีเขียวอ่อน สันกรามชัดเจน นัยน์ตาเย็นชา

แตกต่างจากสมบัติอันหลากหลายที่แผงอื่น ๆ คือเจ้าของแผงลอยท่านนี้ บนแผงนั้นมีเพียงแค่ป้ายหนึ่งวางไว้เท่านั้น ด้านบนเขียนไว้ว่า วัตถุดิบระดับ7ดินเหลืองเสวียน แลกเปลี่ยนสิ่งของ!

หลินจื่อเฟิงเมื่อเห็นป้ายนี้ ก็ตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัดเช่นกัน เขาเพิ่งจะพูดดกับหลัวซิวว่าที่งานประมูลยามีความเป็นไปได้อย่างมากที่จะพบดินเหลืองเสวียน แต่คิดไม่ถึงว่าในตอนที่งานประมูลยายังไม่ได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ ก็ปรากฏขึ้นที่นี่แล้ว

“ดินเหลืองเสวียนของท่าน จะแลกอย่างไร?” หลัวซิวเดินตรงเข้าไปถาม

ในสถานการณ์ปกตินั้น โดยเฉพาะการทำข้อตกลงกันระหว่างนักยุทธ์ระดับสูง การแลกเปลี่ยนส่วนใหญ่จะใช้การแลกเปลี่ยนด้วยสิ่งของ ส่วนหินพลังจิตนั้นนอกเสียจากชั้นสูงแล้ว หินพลังจิตชั้นล่างและชั้นกลางในการฝึกตนไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลยสำหรับนักยุทธ์ระดับจักรพรรดิยุทธ์ขึ้นไป

สมบัติอันล้ำค่าส่วนใหญ่ ต่างก็มีน้อยและหายาก ใช้หินพลังจิตซื้อได้ยาก

เจ้าของแผงลอยวัยกลางคน เงยหน้ามองหลัวซิวด้วยแววตาไม่แยแส แล้วตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ข้าจะแลกแค่เพียงกับดอกแท้สามเท่านั้น”

“ดอกแท้สาม?”

หลัวซิวได้ยินเช่นนั้น ก็อดขมวดคิ้วไม่ได้