ตอนที่ 687

The Divine Nine Dragon Cauldron

687 – ยึดดินแดนกลับคืน

 

“ทัพทมิฬของข้าผ่านสงครามมาไม่รู้กี่ครั้ง แม้แต่จ้าวเทวะก็ตายด้วยมือพวกเรา ความสูญเสียไม่เคยมากไปกว่าร้อยคน แต่ทัพข้าเกือบตายหมดเพราะใต้เท้า ท่านจะแสดงตัวออกมาได้หรือไม่ ข้าอยากจะรู้ว่าข้ากําลังต่อสู้อยู่กับบุรุษผู้ยิ่งใหญ่คนใด”

 

ฮงหยูจ้องมองเมฆา

 

แม้ว่าเสียงของเขาจะดังก้องไปถึงชั้นฟ้า เขาก็แปลกใจที่อีกฝ่ายไม่คิดจะแสดงตัวออกมาเลย

 

“ทัพทมิฬดีอย่างที่เจ้าพูดเชียวรึ? ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย”

 

เสียงไม่แยแสดังมาจากเบื้องบน

 

“ไม่จําเป็นที่เจ้าจะต้องเจอข้า เจ้าไม่ใช่คู่มือของข้าหรอก ให้ห้าศักดิ์สิทธิ์มาที่นี่สิ”

 

ฮงหยูถอยหลังไปหลายก้าวเมื่อได้ฟัง คําพูดของซือหยูทําให้ฮงหยูโกรธจัด แม่ทัพฝ่ายศัตรูไม่มองเขาว่าคู่ควรด้วยซ้ำ!

 

“ทหารอาจฆ่าได้ แต่หยามไม่ได้! ทัพทมิฬของข้…”

 

จิตสังหารของฮงหยูเข้มข้นขึ้นเมาข

 

“ยิง!”

 

เสียงคําสั่งไม่แยแสดังมาจากท้องฟ้า

 

ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ!

 

พลธนูยิงธนูออกไปอย่างแม่นยํา แต่ละดอกมีพิษของม้าเมฆาเคลือบเอาไว้ ฮงหยูไม่พอใจอย่างมากแต่ก็สิ้นหวังกับพิษม้าเมฆา เขาได้แต่กัดฟันแน่นและตะโกนเสียงดัง

 

“ถอย!”

 

คนของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์มิอาจไล่ล่าเหล่าภูติได้เพราะความเร็วที่แตกต่างกันพริบตาเดียว พวกเขาก็หายไปเหลือแต่เพียงซากศพของคนที่เอาชีวิตไม่รอด พันธมิตรผู้คุมสวรรค์จ้องมองทัพทมิฬที่หนีไปด้วยแววตาว่างเปล่าจนได้สติกลับมา

 

“เราชนะแล้ว…”

 

ผู้เฒ่าเฉินพูดเบาๆ

 

เขาเคยคิดว่านี่จะเป็นการนองเลือดอยู่ฝ่ายเดียวที่โศกเศร้า แต่พวกเขาเสียคนไปแค่พันคนเพื่อกําชัยชนะอันยิ่งใหญ่ครั้งนี้

 

พวกเขาสังหารทัพทมิฬที่มีพลังอันน่าเกรงขามไปแปดร้อยคน ผู้เฒ่าเฉินแทบจะไม่เชื่อว่าพวกเขาได้สังหารไปเกือบทั้งกองทัพ!

 

การคว้าชัยในครั้งนี้ทําให้พวกเขาตื่นเต้นเป็นอย่างมาก และเมื่อพวกเขาชนะศึกใหญ่ นั่นก็หมายความว่าภัยพิบัติของทวีปได้จบลงอย่างเป็นทางการ!

 

คนมากมายยังไม่คิดว่าพวกเขาชนะแล้ว มันยากที่พวกเขาจะเชื่อ แต่ไม่นานก็มีเสียงโห่ร้องด้วยความยินดีดังออกมาไม่หยุด เสียงเหล่านั้นก้องนภาไปหลายหมื่นลี้

 

“เจ้าพันธมิตรซือจงเจริญ!”

 

ไม่รู้ว่ามีใครที่ตะโกนขึ้นมา แต่ทุกคนกลับเงียบลงเมื่อได้ยินเสียงตะโกนของเขา

 

เพราะที่ผ่านมา ไม่เคยมีเจ้าพันธมิตรคนใดเป็นที่เคารพนับถือมากเช่นนี้ ความภักดีเช่นนี้จะเกิดจากประชาชนกับราชาเท่านั้น พันธมิตรผู้คุมสวรรค์เป็นเพียงสํานักหนึ่ง การเรียกเจ้าพันธมิตรเช่นนี้เป็นการไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง แต่แม้กระนั้น หลังจากเงียบไปบ้าง เสียงตะโกนแบบเดียวกันก็ดังก้องฟ้า…

 

“เจ้าพันธมิตรซือจงเจริญ!”

 

“เจ้าพันธมิตรซือจงเจริญ!”

 

เสียงตะโกนดังจนไปถึงสวรรค์ แม้แต่คนหูตึงก็ยังได้ยินพวกเขา เหล่าผู้เฒ่าต่างประทับใจกับสิ่งที่ได้เห็น ไม่มีเจ้าพันธมิตรคนใดที่ได้รับความสนับสนุนจากผู้คนมากเท่านี้

 

พวกเขาเริ่มเป็นห่วงว่าจะปฏิบัติต่อหลงจื้อชิงอย่างไรเมื่อเขาได้สติกลับมา เพราะคนในพันธมิตรตอนนี้อาจจะต้องการซือหยูให้เป็นเจ้าพันธมิตรแต่เพียงเท่านั้น

 

ขณะนั้น ซือหยูที่อยู่บนฟ้าค่อยๆเก็บวงแหวนรวมพลัง ใบหน้าของเขาไม่มีความยินดีแม้แต่น้อย เขากลับขมวดคิ้วแน่น

 

เพราะทัพทมิฬมิใช่กองทัพที่เขาต้องการจะต่อสู้ด้วย ศัตรูที่แท้จริงของเขาหาใช่ใครอื่นนอกจากห้าศักดิ์สิทธิ์ที่ยังไม่ปรากฏตัว ห้าศักดิ์สิทธิ์คือผู้นําสูงสุดของกองทัพ ตราบเท่าที่เขายังไม่ตาย ทวีปแห่งนี้จะไม่มีวันพบเจอสันติสุข

 

เหล่าผู้คนตะโกนสรรเสริญซือหยูไปนานจนผู้เฒ่าเฉินต้องปรามเพื่อให้พวกเขาเงียบลงและเก็บกวาดสมรภูมิ ชุดเกราะของศัตรูนั้นเป็นสมบัติเทพขั้นสูง และแต่ละคนยังมีสมบัติวิเศษที่แตกต่างกัน

 

บางคนที่เก็บกวาดสมรภูมิยังเจอแม้กระทั่งสมบัติถึงวิญญาณ! และพวกเขายังเจอขวดโอสถสองขวดต่อศัตรูหนึ่งคน หนึ่งขวดมีโอสถสีดํา ส่วนอีกขวดมีโอสถสีแดง แต่ละขวดมีโอกาสอยู่มากมาย

 

พวกเขาเห็นผลอันน่าตกใจของโอสถมาแล้ว โอสถสีดําจะทําให้กลายเป็นกิ่งภูติที่มีแก้วสามดวงได้ในพริบตา ส่วนอีกขวดจะทําให้กลายเป็นภูติ

 

ดังนั้น โอสถเหล่านี้จึงมีความสําคัญอย่างมาก ผู้เฒ่าเฉินสั่งให้พวกเขาส่งโอสถทั้งหมดมารวบกัน พวกเขายังได้เชลยหลายคนที่รอดมาได้

 

“ทุกคนเตรียมต่อสู้”

 

เมื่อขุนพลสั่ง เหล่าพันธมิตรเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้ครั้งต่อไป

 

แต่หลังจากสามวันผ่านไป พวกเขาไม่เห็นว่ามีศัตรูที่กําลังจะมาเลย ซือหยูที่รอมาสามวันก็ไม่เห็นวี่แววของห้าศักดิ์สิทธิ์ เขาขมวดคิ้ว

 

เมื่อคิดถึงการปรากฏตัวที่แปลกประหลาดของทัพทมิฬที่ไม่ใช่ทัพใหญ่ของห้าศักดิ์สิทธิ์ เขาต้องสงสัย

 

หรือว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกนั้น?

 

เขาร่อนลงพื้นและเก็บลําดับห้าธาตุ เขากลับไปในเมือง

 

หลังจากที่เมืองเลิกเฝ้าระวังสงคราม พวกเขาเริ่มผ่อนคลายและส่งเสียงเอะอะ ในครั้งวนี้ หลายคนของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์เริ่มที่จะดื่มโดยไม่ยับยั้งชั่งใจ พวกเขาดื่มให้กับอนาคตของทวีปเฉินหลง

 

ข่าวชัยชนะครั้งใหญ่แพร่สะพัดไปทั้งทวีป สงครามวิปโยคได้เริ่มต้นในทวีปเหนือและจบลงที่นั่น ความสําเร็จของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ดังกระฉ่อนถึงหูทุกคน!

 

แม้จะผ่านไปอีกหลายร้อยปี แม้พันธมิตรผู้คุมสวรรค์จะล่มสลาม เหล่าผู้คนก็จะยังนับถือว่า นี่คือสํานักที่ทําหน้าที่ปกป้องทวีปเอาไว้ และทุกคนจะยังคงเชื่อมั่นว่าพวกเขายังคงอยู่และเพียงรอให้มีภัยพิบัติครั้งใหญ่เกิดขึ้น จากนั้นพวกเขาจะกลับมากอบกู้ทวีปอีกครั้ง

 

ลูกหลานของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ที่เข้าร่วมสงครามคงจะถูกปฏิบัติดั่งลูกหลานของวีรบุรุษ พวกเขาจะต้องเป็นที่เคารพรักเพราะบรรพบุรุษได้หลั่งเลือดเพื่อรักษาทวีปเอาไว้

 

มันจะมีการบันทึกในหน้าประวัติศาสตร์ว่าซือหยูได้สร้างปาฏิหาริย์มากมายหลายครั้งอย่างไร และความน่าตกตะลึงของพลังที่มี เขายังเป็นผู้ทําลายกองทัพชั่วร้ายอีกด้วย! เขาจะกลายเป็นตํานานของตํานาน ผู้คนจะมองเขาดั่งราชาที่ปกปักรักษาทวีปเฉินหลงเอาไว้

 

“ท่านเจ้าพันธมิตร ตามที่เราตรวจสอบ โอสถนี้มีพลังอยู่มหาศาล มันจะทําให้ฐานพลังเพิ่มขึ้นมาในระยะเวลาสั้นๆ แต่โอสถมีผลข้างเคียงที่มาก หากผลของโอสถสีดําหมดลง คนที่กินจะลุกออกจากเตียงไม่ได้สามเดือน ส่วนโอสถสีแดง คนที่กินจะถูกลดฐานพลังไปหนึ่งขอบเขตอย่างถาวร และพวกเขาจะเพิ่มฐานพลังไม่ได้อีกต่อไป”

 

ผู้เฒ่าเฉินรายงานเรื่องโอสถที่ได้รับมา

 

ซือหยูพยักหน้ารับรายงาน ไม่แปลกใจที่จิวโจวใช้โอสถเช่นนี้ ทัพทมิฬแข็งแกร่งจริงๆ และถ้าพวกเขาใช้โอสถเร็วกว่านี้ ซือหยูก็อาจจะโดนพวกนั้นฆ่าก็ได้! เพราะแม้แต่จ้าวเทวะก็ต้องหนีถ้าต้องเจอกับทัพภูติพันคน!

 

“อืมม…เก็บโอสถพวกนี้ให้ดี ถ้าหากพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ต้องเจอกับวิกฤติอีก โอสถพวกนี้จะเป็นของช่วยชีวิต”

 

ซือหยูชี้แนะ

 

“แล้วเจ้าได้อะไรจากพวกเชลยมาบ้าง?”

 

ผู้เฒเฉินสีหน้าหม่นหมอง

 

“ท่านเจ้าพันธมิตร ข้าไม่รู้ว่ามันเป็นข่าวดีหรือข่าวร้าย แต่ตามที่พวกมันสารภาพ ห้าศักดิ์สิทธิ์จะไม่ออกมาจากการปิดประตูฝึกตน เขาน่าจะยังอยู่ที่ก้นบึงมังกร ส่วนเรื่องที่เขาวางแผนหรือเตรียมการอะไรนั้นแทบจะไม่มีข้อมูล พวกเชลยไม่รู้อะไรเลย”

 

ซือหยูขมวดคิ้วเบาๆและรู้สึกอึดอัด ถ้ามีแค่เพียงทัพทมิฬและห้าศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้มา เขาหยุดคิดไม่ได้…

 

เบื้องหลังของเรื่องนี้คืออะไรกัน?

 

“ผู้เฒ่าจิวยังไม่กลับมาอีกรึ?”

 

ซือหยูถาม เขาจําได้ว่าผู้เฒ่าจิวเคยบอกว่าจะกลับมาในสงคราม แต่ซือหยูก็ไม่ได้พบเขา

 

ผู้เฒ่าเฉินหยิบเอาจดหมายฉบับหนึ่งออกมา

 

“ข้าเจอสิ่งนี้ในห้องผู้เฒ่าจิว มันน่าจะเขียนมาแล้วสามวัน ในตอนที่สงครามจบพอดี”

 

ซือหยูเลิกคิ้ว เขาเปิดอ่านจดหมาย

 

เจ้าหนู ทําได้ดีมาก แม้แต่ทัพทมิฬก็พ่ายแพ้ต่อเจ้า สิ่งนี้เกินความคาดหมายของข้าจริงๆ ถ้าเรื่องนี้ไปถึงจิวโจว นามเจ้าอาจจะไปถึงหูราชาเขตกลางก็ได้

 

เจ้ารู้ไหมว่ากองทัพนี้คือทัพหลวงของราชาเขตกลาง? พลังของมันน่ากลัวถึงขีดสุด พลังโดยรวมไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าทัพของห้าศักดิ์สิทธิ์เลย วิเศษจริงๆที่เจ้าเอาชนะพวกมันมาได้

 

ข้าไม่เคยคิดเลยว่าเด็กน้อยที่เคยเป็นทุกข์ในอดีตอย่างเจ้าจะกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่ปกครองส่วนหนึ่งของทวีป! ข้าหวังกับเจ้าไว้สูงนะ ข้าคงเบาใจที่จะฝากทวีปเฉินหลงไว้กับเจ้า

 

สวนห้าศักดิ์สิทธิ์ ข้าจะจัดการกับมันเอง คนในตําหนักเจ็ดจ้าวของอาณาจักรทมิฬควรจะไปถึงก้นบึงมังกรแล้ว เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนั้นอีก เจ้ารวบรวมทวีปเหนือให้เป็นปึกแผ่นก็พอแล้ว

 

นับจากวันนี้ไป ทวีปจะต้องกลับมาเป็นดังเดิม

 

“ก้นบึ้งมังกรรึ?”

 

ซือหยูพูดเบาๆหลังจากการจดหมายจบ เขาสงสัย..

 

ห้าศักดิ์สิทธิ์ยังปิดประตูฝึกตนอยู่เพราะรู้ว่าคนจากตําหนักเจ็ดจ้าวจะไปที่นั่น?

 

ยังมีอีกเรื่อง เหตุใดผู้เฒ่าจิวถึงรู้เรื่องทัพทมิฬได้เล่า?

 

ถ้าผู้เฒ่าจิวและเหล่าภูติในตําหนักเจ็ดจ้าวร่วมมือกันก็คงง่ายที่จะกําจัดห้าศักดิ์สิทธิ์ และเมื่อกําจัดทัพทมิฬได้แล้ว ทวีปเฉินหลงก็จะกลับมาพบกับสันติสุขอีกครั้ง ดังนั้นสิ่งที่เขาควรจะทําในตอนนี้ก็คือการกอบกู้ดินแดนที่สูญเสียไปกลับคืนมา!

 

“ส่งคําสั่งออกไป กองทัพจงเตรียมทําสงคราม ทวีปเหนือตกอยู่ในมือศัตรูมานานพอแล้ว”

 

ซือหยูสั่งด้วยแววตาคมกริบ

 

ประชาชนในเมืองร้องอีกครั้งเมื่อรู้ว่าจะต้องต่อสู้อีก และมันไม่เหมือนกับการต่อสู้ครั้งก่อน พวกเขาจะไม่เจ็บปวดในการต่อสู่นี้! และนี่ก็เป็นการต่อสู้ที่พวกเขาตั้งหน้าตั้งตารอมานาน ในที่สุดพวกเขาจะได้เริ่มยึดดินแดนกลับคืนและแก้แค้นให้กับมิตรสหาย! ด้วยเหตุนี้ ทุกคนในพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ถึงกับร้องขอให้ได้เข้าร่วมสงคราม

 

หมื่นนับจากเมือง คนหมื่นคนยืนเรียงรายอยู่ในจุดเดิม พวกเขาสับสนอย่างหนัก ชายหนุ่มคนนหนึ่งใบหน้าแข็งที่อ เขาอยู่ในกระโจมลอยฟ้า ดูเหมือนว่าเขาจะลังเลในอะไรบางอย่าง

 

“นายท่าน เราควรจะไปที่นั่นหรือไม่?”

 

ขุนพลลังเลก่อนจะถามชายหนุ่ม

 

จ้าวสามเงยหน้า

 

“เจ้าเป็นจ้าว หรือข้า? ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าจะต้องตัดสิน ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น”

 

จ้าวแห่งตําหนักเจ็ดจ้าวสั่งให้เขามาที่นี่เพื่อซื้อกําลังของศัตรู แต่สถานการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว ทัพศัตรูมิได้ปรากฏตัว แต่กลับเป็นทัพทมิฬของราชาเขตกลาง

 

ภารกิจของพวกเขาคือการช่วยซือหยูกําราบทัพที่น่ากลัวของศัตรู แต่ซือหยูกลับล้างบางทัพศัตรูตามข่าวลือที่ว่าเขาเคยสังหารจ้าวเทวะ!

 

ไม่มีใครในทวีปแห่งนี้จะคิดหรือคาดว่าซือหยูจะทําเรื่องเช่นนั้นได้ ไม่ต้องพูดถึงการเอาชนะเลย! ไม่ว่าจะเป็นคนที่อ่อนแอที่สุดหรือจ้าวผู้ยิ่งใหญ่ ไม่มีใครเลยที่เชื่อว่าซือหยูจะป้องกันภัยพิบัติครั้งนี้ได้!

 

เขาใช้พิษของม้าเมฆาปริมาณมากและภูติอีกยี่สิบคนและคนของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ที่พลังเพิ่มขึ้นมาอย่างก้าวกระโดด เขายังใช้วัตถุทรงกลมคล้ายอุกกาบาตที่น่ากลัวมาก มันบดขยี้ทัพของศัตรูไปถึงหนึ่งในสาม

 

จ้าวหนึ่งขอให้จ้าวสามรับมือกับศัตรูหลังจากที่ซือหยูตาย แต่เขาก็บอกอีกด้วยว่าถ้าหากซือหยูไม่ตาย ซือหยูควรจะผ่านการทดสอบและได้รับรางวัลในตําแหน่งหนึ่งในเจ็ดจ้าวแห่งความมืดของตําหนัก เมื่อถึงจุดนี้ก็มีความเป็นไปได้ว่าซือหยูจะกลายเป็นราชาแห่งความมืดคนต่อไปและมีโอกาสได้รวบรวมทั้งทวีปเฉินหลงให้เป็นทองแผ่นเดียวกัน

 

แต่จ้าวสามก็ไม่เต็มใจจะทําหน้าที่นี้ เพราะเขาจะไม่มีอํานาจมากกว่าซือหยูอีกต่อไป เขาลังเลเพราะเขาไม่รู้ว่าจะเรียกซือหยูว่าอย่างไร..

 

ข้าควรจะทําตัวหยาบคาย หรือพูดกับเขาในฐานะที่เทียบเท่ากันดี?

 

เขากังวลใจมาก และเขาก็ตกอยู่ในภวังค์ความคิด

 

ฟึ่บ!

 

หน่วยสอดแนมคนหนึ่งรีบเข้ามารายงาน

 

“รายงาน! เจ้าพันธมิตรผู้คุมสวรรค์มาถึงที่นี่แล้ว”