ภาคที่ 25 ผู้ปกครอง ตอนที่ 16

Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน

ตอนที่ 16 โลกใบใหม่ โดย Ink Stone_Fantasy

 ตงป๋อเสวี่ยอิงยังคงกังวลว่าเพลิงทองในน้ำเต้าสีดำจะสร้างความเสียหายให้กับจักรวาล เพิ่งจะอุดจุกกลับลงไป วิญญาณอาวุธก็ถ่ายเสียงเตือนทันที แต่จะเตือนก็สายเกินไปเสียแล้ว! การลอบโจมตีของกู่กานหลัวในครั้งนี้ ที่ต้องการก็คือลงมือตอนที่ฝ่ายตรงข้ามมิทันตั้งตัวและความเร็วอย่างยิ่งยวด!

“ไม่ดีแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงมิทันได้ควบคุมน้ำเต้าสีดำ เขาหลบเข้าไปในฟ้าดินโลกเทียมในชั่วขณะจิต ร่างกายหายวับไปกลางอากาศ ตอนนี้วิถีโลกเทียมของตงป๋อเสวี่ยอิงสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่จนเข้าสู่ขั้นผู้ปกครองแล้ว ในด้านการห้ำหั่นและโจมตี วิถีโลกเทียมนั้นอ่อนแอเสียยิ่งกว่าอ่อนแอ แต่มันสร้างฟ้าดินขึ้นมาเองได้ การรักษาชีวิตจึงร้ายกาจอย่างยิ่ง เกรงว่าผู้ปกครองซึ่งด้อยเรื่องกลเม็ดบางคนอาจจะหาร่างจริงของตงป๋อเสวี่ยอิงไม่พบ

วิ้ง…

กู่กานหลัวสำแดงการโจมตีผ่านเรือบินอลวน ระลอกคลื่นอันไร้รูปร่างกวาดผ่านตำแหน่งที่ตงป๋อเสวี่ยอิงอยู่ก่อนหน้านี้ทันที  ทันใดนั้นกาลมิติก็บิดเบี้ยว ก่อนจะปรากฏเป็นเงารางของตงป๋อเสวี่ยอิงที่อยู่ในฟ้าดินอีกแห่งหนึ่งขึ้นมา ระลอกคลื่นนี้ก็แทรกตัวเข้าไปในฟ้าดินโลกเทียมที่สมบูรณ์แล้ว แต่อานุภาพก็ลดลงอย่างฮวบฮาบ สิบส่วนเหลือเพียงหนึ่งหรือสองส่วนเท่านั้น

“ฟึ่บ…” การโจมตีระลอกนี้ลอบโจมตีเข้าไปในร่างของตงป๋อเสวี่ยอิง แต่ร่างกายของเขาดุจดั่งอากาศ ลดทอนกำลังลงไปได้กว่าครึ่งอย่างง่ายดาย อานุภาพที่หลงเหลืออยู่เพียงแค่ทำให้โลหิตภายในกายของเขาเดือดพล่านขึ้นมา และหน้าก็แดงขึ้นมาบ้างเท่านั้น แต่กลับมิได้กระอักโลหิตเสียด้วยซ้ำ

“อะไรกัน ทำร้ายเขาไม่ได้หรือนี่” กู่กานหลัวที่อยู่ภายในเรือบินอลวนรู้สึกไม่อยากจะเชื่ออยู่บ้าง เพื่อที่จะลงมือตอนที่ฝ่ายตรงข้ามมิทันตั้งตัวและต้องการความเร็วยิ่งยวด แม้การโจมตีครั้งนี้จะอ่อนแอ แต่ก็บรรลุขีดจำกัดเทพอากาศแล้ว ไม่แพ้การโจมตีที่ร่างแยกสองร่างของจักรพรรดิเทพคมมีดโลหิตและอาจารย์อาห้าวิหคดำร่วมมือกันสำแดงออกมาเลย

อานุภาพเช่นนี้มิอาจทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงกระอักโลหิตออกมาอย่างนั้นหรือ ความสามารถในการรักษาชีวิตช่างสูงเกินจริงโดยแท้

……

เขากลับไม่รู้ว่า

ร่างกายของผู้ท่องอากาศเองก็ดุจดั่งอากาศอันว่างเปล่าที่ไม่รับแรงกระทำอยู่แล้ว บวกกับที่ร่างกายแข็งแกร่งอย่างยิ่ง ต่อให้เพิ่งจะบรรลุวิชาลับผู้ท่องชั้นที่สิบเอ็ด ความแข็งแกร่งของร่างกายก็เหนือกว่าเจ้าลัทธิส่วนใหญ่ของลัทธิจอมมารดาอยู่แล้ว ลำพังแค่อาศัยร่างกายเพียงอย่างเดียว ก็เพียงพอจะเทียบได้กับผู้ปกครองระดับยอดแล้ว ดังนั้นคิดจะทำร้ายผู้ท่องอากาศสักคนหนึ่งก็ยากมากอยู่แล้ว

ขณะเดียวกัน ‘วิถีโลกเทียม’ ของตงป๋อเสวี่ยอิง ก็เป็นวิถีสายที่รักษาชีวิตได้อย่างสุดขั้วในระบบความเร้นลับของกฎเกณฑ์อยู่แล้ว มันสร้างฟ้าดินโลกเทียมขึ้นมาเอง คิดจะสังหาร ‘ผู้ท่องอากาศ’ ที่ซ่อนตัวอยู่ในฟ้าดินโลกเทียมสักคนหนึ่ง ก็ยากเสียยิ่งกว่ายากโดยแท้

“กู่กานหลัว!” ตงป๋อเสวี่ยอิงที่ประสบกับการโจมตีกลับมองไปยังฝ่ายตรงข้าม แล้วดึงจุกเต้าสีดำออกทันที ตู้มมม…รัศมีเพลิงทองโหมซัดออกไปบนโลกจริงอีกครา มันโจมตีตรงไปทางเรือบินอลวนลำนั้น

ตู้มๆๆ…

เพลิงทองปกคลุมเรือบินอลวนเอาไว้จนมิด แต่เรือบินอลวนกลับอยู่ตรงนั้นอย่างสงบโดยไม่ได้รับความเสียหายแม้แต่น้อย ยามนี้กู่กานหลัวกำลังครุ่นคิดว่าจะรับมือตงป๋อเสวี่ยอิงอย่างไรดี ส่วนเพลิงทองนี้น่ะหรือ เขาไม่หวั่นเกรงเลยสักนิด!

ล้อเล่นแล้ว

เมื่อเขาอยู่ในระดับยอดและอาศัยวัตถุภายนอกเช่นเรือบินอลวนก็สามารถต่อกรกับเทพอากาศได้ ต่อให้พบกับอันตรายในอากาศอันสับสนอลหม่าน อาศัยเรือบินอลวนก็สามารถต้านทานได้ ต่อให้ยุคจักรวาลแตกทำลายไปก็มิอาจทำให้เรือบินอลวนเสียหายได้แม้แต่น้อย! อย่าว่าแต่เรือบินอลวนเลย ต่อให้เป็นเรือรบซวีมู่ของลัทธิจอมมารดาลำนั้น ในฐานะเรือรบที่แข็งแกร่งที่สุดของลัทธิจอมมารดา เพลิงทองของน้ำเต้าสีดำก็มิอาจทำให้เรือรบลำนั้นเสียหายได้เช่นกัน

แน่นอนว่ากู่กานหลัวก็ทำได้เพียงซ่อนตัวอยู่ภายในเรือบินเท่านั้น ผู้รักษากฎลัทธิจอมมารดาก็ทำได้เพียงซ่อนตัวอยู่ในเรือรบโดยมิกล้าโผล่ออกมาเลย!

“สมควรตาย” ตงป๋อเสวี่ยอิงปลดปล่อยเพลิงทองออกมา เมื่อเห็นว่าเรือบินอลวนมิได้รับความเสียหายเลยแม้แต่น้อย เขาก็อดขบกรามแน่นมิได้ ก่อนจะหยุดการกระตุ้นน้ำเต้าสีดำและอุดจุกกลับลงไป

“เพลิงทองนี้ของเจ้าปะทุรุนแรงเกินไปแล้ว การทำลายล้างก็แกร่งกล้าเกินไปจนสามารถทำให้จักรวาลของพวกเจ้าได้รับความเสียหายได้ ข้ายังคิดว่าเจ้าจะสำแดงไปตลอดจนกระทั่งยุคจักรวาลนี้แตกทำลายไปในท้ายที่สุดเสียอีก” เสียงของกู่กานหลัวที่สะท้อนก้องอยู่ในอากาศแฝงแววเย็นชาเอาไว้

“นายท่าน อย่ากังวลไปเลย เวลาที่ท่านสำแดงน้ำเต้าสีดำนั้นสั้นนัก อีกทั้งเพลิงทองก็แผ่รังสีออกไปในขอบเขตที่เล็กมาก สร้างความเสียหายแก่จักรวาลน้อยนัก” วิญญาณอาวุธรีบถ่ายเสียงพูด

“อืม”

ตงป๋อเสวี่ยอิงคว้าน้ำเต้าสีดำเอาไว้ แล้วปรากฏกายขึ้นจากความว่างเปล่า เขามองเรือบินอลวนที่อยู่ไกลออกไปลำนั้นด้วยสายตาเยียบเย็นดุจน้ำแข็ง

ส่วนเหล่าผู้ปกครองทั้งจักรพรรดิเทพคมมีดโลหิต ผู้ครองชิง ประมุขหยวนชูและบรรพชนหุบเหวลึกต่างก็โกรธเคืองอยู่บ้าง จักรพรรดิเทพคมมีดโลหิตค่อนขอดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “กู่กานหลัว ตอนนั้นเจ้าเลือกประมุขวังเป่ยเสวียน แล้วสัญญาว่าจะช่วยเหลือพวกเรา! แต่ตอนนี้ เจ้ามิใช่แค่ช่วยเหลือลัทธิจอมมารดาเท่านั้น แต่เจดีย์สังเวยแห่งแรกของลัทธิจอมมารดาถูกพวกเราช่วงชิงไปแล้ว เจ้ายังลอบโจมตีเสวี่ยอิงอีกรึ”

“ฮ่าฮ่า…ข้าเลือกประมุขวังเป่ยเสวียนผู้นั้น และตั้งสัตย์สาบานกับนาง แต่ข้ามิได้ตระบัดสัตย์ต่อนางมิใช่หรือไร นางอยู่ภายในเรือบินอลวนของข้ามาโดยตลอด ข้าก็ไม่เคยทำร้ายนางเลย” เสียงหนึ่งลอยออกมาจากเรือบินอลวน “ส่วนคำสัญญาว่าจะช่วยพวกเจ้าน่ะหรือ ฮ่าฮ่าฮ่า พวกเจ้ายังเชื่อในคำสัญญาอีกรึ ช่างน่าขันเสียจริง!”

พวกจักรพรรดิเทพคมมีดโลหิตต่างก็โกรธแค้นเป็นอันมาก ผู้ที่มีพลังและฐานะระดับอย่างกู่กานหลัวกลับไม่แยแสคำสัญญาของตนเอง ไม่รักษาหน้าเลยแม้แต่น้อย!

……

ภายในเรือบินอลวน ‘กู่กานหลัว’ รูปสลักขนาดมหึมาพูดเสียดสีพลางสำรวจตงป๋อเสวี่ยอิงโดยละเอียด และครุ่นคิดว่าควรจะรับมือเช่นไรดี

เขาไม่เคยล้มเลิกมาก่อน!

น้ำเต้าสีดำนั่นเป็นถึงสมบัติพิทักษ์วิถี เขาต้องเอามันมาให้ได้ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม

“อืม”

“ทำตามแผนนี้แล้วกัน สู้ให้เต็มที่” กู่กานหลัววางแผนในใจอย่างรวดเร็ว

……

แม้เงาร่างของตงป๋อเสวี่ยอิงจะปรากฏขึ้น แต่เขาก็ยังคงอยู่ในฟ้าดินโลกเทียมด้วยความระมัดระวัง

ตึง!

เสียงสะท้อนอันแปลกประหลาดเสียงหนึ่งดังก้องขึ้นภายในวิญญาณ ทว่าภายในวิญญาณของตงป๋อเสวี่ยอิงได้หลอมรวมวิชาลับผู้ท่องอันสมบูรณ์เข้าไปด้วยจึงสามารถต้านทานได้อย่างง่ายดาย แต่นี่ก็ทำให้สีหน้าของตงป๋อเสวี่ยอิงเปลี่ยนแปรไป เขารีบดึงจุกน้ำเต้าสีดำออก รัศมีเพลิงทองลอยออกมาอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้กลับลอยออกมาไม่มากนัก ทั้งยังแค่ล้อมรอบผิวกายของตงป๋อเสวี่ยอิงและก่อให้เกิดเป็นลูกกลมสีทองลูกหนึ่งขึ้นมาเท่านั้น ตงป๋อเสวี่ยอิงยืนอยู่ตรงศูนย์กลางของลูกกลมสีทองนี้นั่นเอง

ความเสียหายที่มีต่อจักรวาลขึ้นอยู่กับปริมาณของเพลิงทองและขอบเขตในการแผ่รัศมี! ยิ่งมีปริมาณมากและกินวงกว้างเท่าใด …ความเสียหายก็จะยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น อย่างการก่อตัวเป็นลูกกลมสีทองล้อมรอบกายนั้น มีขอบเขตเพียงสองสามเมตร ความเสียหายจึงน้อยเสียจนน่าสงสาร

“ฟิ้ว” “ฟิ้ว” “ฟิ้ว”…

ความระแวดระวังของตงป๋อเสวี่ยอิงนั้นไม่มีผิดเลย

นอกจากการโจมตีวิญญาณในตอนเริ่มแรกแล้ว จากนั้นก็มีลมอันแปลกประหลาดตามมาติดๆ ลมนั้นปรากฏขึ้นกลางอากาศ หลังทะลุผ่านฟ้าดินโลกเทียมแล้วอานุภาพก็เสียหายเป็นอย่างมาก มันฝืนลอบโจมตีเพลิงทองอีกครั้ง แต่ยังมิอาจผ่านไปได้ก็สลายหายไปจนสิ้นแล้ว

“กู่กานหลัวผู้นี้…” ประมุขเกาะกาลมิติ ประมุขหยวนชู บรรพชนหุบเหวลึก ผู้ครองชิงและเจ้าแม่กานเหอต่างพากันแตกตื่น เมื่อมองเห็นอากาศรอบเรือบินอลวนที่อยู่ไกลออกไปเริ่มมีรูปสัญลักษณ์ค่ายกลขนาดมหึมารูปแล้วรูปเล่าปรากฏขึ้น การโจมตีอันแปลกประหลาดยกแล้วยกเล่ามาถึงตัว ที่มุ่งตรงสู่วิญญาณก็มีถึงสามชนิด เช่นเสียงและคำสาป ยังมีส่วนที่มุ่งตรงไปที่กายหยาบด้วย ทั้งยังมีส่วนที่พุ่งเป้าไปที่โลกหมายจะกวาดล้างบริเวณนั้นเสีย

รูปสัญลักษณ์ค่ายกลเริ่มเลือนรางไป

กู่กานหลัวขบกรามกรอด รูปสลักขนาดมหึมานั้นเป็นเพียงรูปลักษณ์ที่เขาเผยโฉมต่อภายนอกเท่านั้น ร่างจริงของเขากำลังเร้นกายนั่งขัดสมาธิอยู่ในเรือบินอลวน พลางควบคุมเรือบินอลวนอย่างบ้าคลั่งเข้าโจมตีโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น! เดิมทีอาการบาดเจ็บของเขาก็ค่อนข้างสาหัสอยู่แล้ว จู่ๆ ปะทุการโจมตีที่แข็งแกร่งเช่นนี้ออกมาอย่างกะทันหัน ก็สร้างความเสียหายให้กับเขามากทีเดียว

“ขอเพียงได้น้ำเต้าสีดำนั่นมา ทุกสิ่งก็ล้วนคุ้มค่า หลังได้มาแล้วข้าก็จะไปจากจักรวาลแห่งนี้ทันที ให้ซางตานช่วยข้าขับเรือบิน ส่วนข้าก็จะเข้าสู่ห้วงนิทราต่อไป” กู่กานหลัววางแผนที่จะเข้าสู่ห้วงนิทราต่อไปเรียบร้อยแล้ว เขาจึงโจมตีอย่างคลุ้มคลั่ง

แต่กระนั้น…

สมบัติพิทักษ์วิถี สิ่งใดที่เรียกว่าพิทักษ์วิถีน่ะหรือ การโจมตีนั้นเป็นรอง สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือปกป้อง!

ภายใต้การควบคุมค่ายกลอันว่างเปล่า เพลิงทองที่ปะทุออกมาอย่างบ้าคลั่งกลับกลายเป็นเชื่อฟังแต่โดยดี มันก่อตัวขึ้นเป็นลูกกลมอันสมบูรณ์แบบที่ปกป้องตงป๋อเสวี่ยอิงเอาไว้ พวกมันรวมตัวกันชั้นแล้วชั้นเล่าอย่างวิจิตรพิสดารนัก ทั้งหมดล้วนเป็นการควบคุมค่ายกลอันว่างเปล่า อานุภาพการโจมตีอย่างสุดชีวิตของกู่กานหลัวนั้นน่าหวาดหวั่นอย่างแท้จริง บางส่วนแม้แต่ฟ้าดินโลกเทียมยังได้แค่ทำให้อ่อนกำลังลงบ้างเล็กน้อยเท่านั้น แต่โดยทั่วไปลูกกลมเพลิงทองกลับสามารถต้านทานเอาไว้ได้หมด ส่วนที่สามารถแทรกซึมเข้ามาได้ เช่นการโจมตีวิญญาณน่ะหรือ สำหรับตงป๋อเสวี่ยอิงก็ไร้ประโยชน์สิ้นดี! อานุภาพที่หลงเหลืออยู่เพียงเล็กน้อยซึ่งผ่านลูกกลมเพลิงทองมาได้ล้วนมิอาจทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงบาดเจ็บได้เลย

“ข้าสังหารเขามิได้หรือ ไม่ ไม่ ไม่…” กู่กานหลัวจวนจะคลั่งแล้ว

บรรดาบุตรทิพย์ขององค์บรรพชนกู่แก่งแย่งชิงดีกัน ผู้ที่อ่อนแอย่อมเป็นเหยื่อของผู้ที่แข็งแกร่ง

เขาไหลมาตามน้ำจนเกือบถึงช่วงปลายสุดแล้ว จึงได้เลือกเข้าสู่อากาศอันสับสนอลหม่านผจญอันตรายสักตั้งโดยไม่เสียดายอะไรทั้งสิ้น แม้จะประสบอันตรายมาหลายครั้ง แต่ ‘น้ำเต้าสีดำ’นี้ก็เป็นสมบัติล้ำค่าที่ดีที่สุดซึ่งเขามีหวังจะได้มาแล้ว แม้เขากังวลว่าจะไม่สามารถสังหารตงป๋อเสวี่ยอิงได้ แต่ก็ยังคงพยายามอย่างสุดกำลัง แต่ผลของความพยายามทำให้เขาคลุ้มคลั่งยิ่งขึ้นไปอีก เขาไม่อยากจะยอมรับเลย!

……

“เอ๊ะ”

จักรพรรดิเทพคมมีดโลหิตมองดูเรือบินอลวนอยู่ห่างๆ เขามองดูรูปสัญลักษณ์ค่ายกลขนาดมหึมารูปแล้วรูปเล่าซึ่งปรากฏขึ้นกลางอากาศรอบเรือบินอลวนลำนั้น เดิมทีเขาก็ประสบผลสำเร็จสูงยิ่งทางด้านค่ายกล สามารถคิดค้น ‘ค่ายกลสองขั้วฟ้า’ ขึ้นเองได้ นอกจากนั้นยังอาศัยพลังของผู้ปกครองก็สามารถตั้งเสาหยวนเฉินถึงสิบสองต้นขึ้นมาได้ บัดนี้เมื่อเห็นค่ายกลอันพิสดารแห่งแล้วแห่งเล่าถูกกระตุ้นขึ้นตรงหน้า นี่มิใช่สิ่งที่บันทึกเอาไว้ในบัญชีหมื่นสรรพสิ่ง หากแต่เป็นค่ายกลที่แท้จริงกำลังปะทุออกมา มันกำลังหมุนเวียนไป ทำให้จักรพรรดิเทพคมมีดโลหิตอดลุ่มหลงไปกับมันมิได้ เดิมทีระดับขั้นของเขาก็ใกล้เคียงกับค่ายกลเหล่านี้อยู่แล้ว จึงสามารถมองเห็นความจริงเท็จภายในนั้นได้อย่างทะลุปรุโปร่ง

สีหน้าของเขาค่อยๆ ปรากฏแววตกใจ ห้วงสมองอื้ออึงไปหมด ในที่สุดโลกใบใหม่อันเลือนรางที่คล้ายจะมีจริงแต่ก็เหมือนจะลวงมาตลอดนั้นก็เผยออกตรงหน้าเขาแล้ว

 ………………………