บทที่ 660 ไปดูคอนเสิร์ต

บัญชามังกรเดือด

บัญชามังกรเดือด บทที่ 660 ไปดูคอนเสิร์ต

เจ้าหกพูดอย่างรีบร้อนว่า “พี่เทียน พี่ฟังฉันพูดก่อน!”

“คุณหญิงไม่ได้เป็นอะไร ทุกอย่างปกติดี”

“เขาแค่อยู่ในบ้านแล้วมันน่าเบื่อ เลยไปจิ่นหูดูคอนเสิร์ตของหลิวหรูยู่กัน”

“กัปตันไม่เห็นด้วย เขาก็ข่มขู่ว่าจะไล่พวกเราออก…”

“กัปตันของพวกเราไม่รู้จะทำยังไง เลยปล่อยให้เขาไป”

“แต่พี่เทียนสบายใจได้ นอกจากฉันแล้วทีมหมาป่าเดียวดาย จะคอยคุ้มกันคุณหญิงไปตลอดทาง รับรองว่าคุณหญิงไม่มีอันตรายใดๆ แน่นอน!”

เมื่อได้ยินดังนั้น ฉินเทียนก็รู้สึกสบายใจขึ้น

เขาจงใจแอบกลับมา เพราะอยากจะทำเซอร์ไพรส์ให้ซูซูประหลาดใจเล่น คิดไม่ถึงว่าจะล้มเหลวซะอย่างนั้น

รู้งี้ เขาตรงไปจิ่นหูเลยดีกว่า

แต่เมื่อเห็นสีหน้าอึดอัดใจของเจ้าหกแล้ว ดูเหมือนว่าภรรยาตัวดีของเขาคนนี้ คงทำพวกเขาลำบากใจไม่น้อยเลยแน่ๆ เขาเองก็ตำหนิไม่ลง

“เธออยากไปดูคอนเสิร์ตไหม?” เขาถามด้วยรอยยิ้ม

“พี่เทียนจะพาฉันไปหรือ?” แววตาของเจ้าหกดูเป็นประกายขึ้นมาทันที แต่วินาทีต่อไป แสงประกายนั้นก็ดับลงทันที

เขาก้มหน้าลง ทำปากเบ้และพูดว่า “พี่เหลิ่งลงโทษให้ฉันดูแลบ้าน”

“เพราะฉันทำผิดพลาด”

ฉินเทียนถามด้วยความสงสัยว่า “ทำอะไรผิดหรือ?”

“ฝึกซ้อมไม่ได้มาตรฐาน?”

“ใช่ที่ไหนหล่ะ!” เจ้าหกเถียงคอเป็นเอ็นว่า “การประเมินการฝึกในทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการยิง การต่อสู้หรือการพรางตัวกำจัดทุ่นระเบิด เขาโดดเด่นและยอดเยี่ยมที่สุด!”

เห็นได้ชัดว่า นี่คือความภูมิใจของเขามาโดยตลอด

“อันที่จริงแล้ว มันเป็นเรื่องส่วนตัวของพี่เหลิ่ง”

“ฉันอดไม่ได้ที่พูดเรื่องที่เขานัดกับหลินเซวี่ยออกมา จนทำให้ตอนนี้เหมือนหลินเซวี่ยจะไม่สนใจเขาอีกแล้ว….”

ฉินเทียนหัวเราะเสียงดัง

“ถ้าเป็นแบบนี้ ฉันเองคงช่วยอะไรเธอไม่ได้แล้วหล่ะ”

“ทำลายเหตุการณ์สำคัญที่สุดในชีวิตของพี่เหลิ่งของพวกเธอ งั้นเธอก็อยู่ที่นี่คิดทบทวนไตร่ตรองให้ดีดีต่อไปแล้วกัน”

พูดจบ เขาก็โทรศัพท์หาเหลยเป้า และพูดอย่างรีบร้อนว่า “เตรียมเครื่องบินที่เร็วที่สุด มารับฉันที่อุทยานมังกร เร็วๆ หล่ะ!”

เพื่อความแน่ใจในความปลอดภัยของหลงเจียง ฉินเทียนเองได้ทำการจัดแผนกองกำลังทั้งสี่เอาไว้ที่นี่จนถึงตอนนี้

กองกำลังที่หนึ่ง คือทีมคำสาปสวรรค์นอกเมือง พวกเขาล้วนแต่เป็นผู้มีฝีมือชั้นปรมาจารย์

กองกำลังที่สอง คือทีมหมาป่าเดียวดายนำทีมโดยเหลิ่งเฟิง

พวกเขาเกิดจากกองกำลังพิเศษ แม้ว่าในเรื่องการต่อสู้จะเทียบกับฉานเจี้ยนและคนอื่นๆ ไม่ได้ แต่เรื่องอาวุธปืน รวมถึงเรื่องการก่อการร้าย พวกเขาล้วนแต่ชำนาญด้วยกันทั้งสิ้น

พวกเขารับผิดชอบดูแลคุ้มครองความปลอดภัยของอุทยานมังกรอย่างกระชั้นชิด

นอกเหนือจากนี้แล้ว ยังมีแก๊งท้องถิ่นอีกหนึ่งแก๊ง นั่นคือ แก๊งเทียนหลงที่นำทีมโดยเฉียงหลงนั้นเอง

อย่ามองว่าพวกเขาเป็นเพียงอันธพาลตัวเล็กๆ แต่ในบางเวลา พวกเขาก็มีบทบาทที่สำคัญมากเหมือนกันนะ

สุดท้ายคือเหลยเป้าและทีมเล็กๆ ของเขาเอง พวกเขาเป็นตัวแทนขององค์กรเขี้ยวมังกร เหมือนกับมังกรซ่อนรูป ที่เป็นหนึ่งในสามที่อาวุธสำคัญของอาณาจักรมังกร

ด้วยความเพียบพร้อมทางสถานะทางราชการ จึงมีความสะดวกเป็นพิเศษในการจัดการเรื่องราวต่างๆ ได้

ความแข็งแกร่งทั้งสี่นี้ กล่าวได้ว่า สามารถคุ้มครองเมืองเล็กๆ อย่างเมืองหลงเจียงให้มีความแข็งแกร่งและไม่ให้ใครทำลายได้อย่างง่ายๆ

ถึงกระนั้น ฉินเทียนเองก็ยังเป็นกังวลอยู่เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อซูซูกำลังตั้งครรภ์ เขาออกคำสั่งอย่างเด็ดขาดไม่อนุญาตให้เขาไปทำงาน ถ้าไม่มีอะไรทำก็ให้พักฟื้นอยู่ที่อุทยานมังกรแห่งนี้

“รับทราบ!”

เมื่อได้ยินคำพูดของฉินเทียนแล้ว เหลยเป้าก็ไม่รอช้า รีบออกรับคำสั่งทันที

ผ่านไปเพียงมีกี่นาที เสียงหวือหวือก็ดังขึ้นกลางอากาศ เฮลิคอปเตอร์ ยูเอช-60 แบล็กฮอว์ก บินผ่านความมืดด้วยความเร็วสูงเข้ามา และลงจอดอย่างนุ่มนวล

ฉินเทียนตะโกนพูดว่า “ไม่ต้องลงจอด หย่อนเชือกลงมา”

ทันใดนั้น ประตูเครื่องบินก็เปิดออกและหย่อนเชือกลงมาหนึ่งเส้น

ฉินเทียนจับเชือกนั้น ยิ้มให้กับเจ้าหกและพูดว่า “เธอดูแลบ้านดีดีหล่ะ ฉันไปดูคอนเสิร์ตก่อนนะ”

“วางใจเถอะ ฉันจะช่วยพูดขอร้องเหลิ่งเฟิงให้เขายกโทษให้เธอนะ”

หลังจากนั้น เขาก็ใช้ทั้งมือและขาเหมือนลิง ปีนบันไดเชือกความยาวราวๆ สิบกว่าเมตร ในชั่วพริบตาเดียวก็ขึ้นไปถึงบนยอดและกระโดดเข้าเครื่องบินไป

เจ้าหกรู้สึกตื่นตกใจจนอ้าปากค้าง

เขาได้รับการยกย่องว่าทำได้อย่างยอดเยี่ยมในทุกการฝึก ตอนนี้ไม่ต้องพูดอะไรอื่นเลย ฉินเทียนใช้ความเร็วในการปีนบันไดเชือกราวกับวิ่งร้อยเมตรบนพื้นเรียบปกติ สามารถปลิดชีพเขาได้ภายในพริบตา!

แมร่งเอ๊ยนี่มันสัตว์ประหลาดอะไรกันแน่นะ!

หลังจากรู้สึกตัว เขาก็โบกมือและตะโกนเสียงดังว่า “พี่เทียน อย่าลืมขอร้องให้ฉันด้วยนะ!”

“บอกกับพี่เหลิ่งทีว่า ฉันผิดไปแล้ว!”

แบล็กฮอว์กค่อยๆ บินขึ้น

ปรากฏว่าเหลยเป้าเป็นคนขับด้วยตัวเองนี่เอง

เรื่องราวเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน เขาแสดงท่าทีเคร่งขรึม “พี่เทียน มีภารกิจอะไรหรือเปล่า?”

“พวกเราจะไปไหนกันหรือ?”

ฉินเทียนยิ้มและตอบว่า “ไปดูคอนเสิร์ตที่จิ่นหู”

เหลยเป้าตะลึงไปชั่วครู่ ถึงค่อยเข้าใจ เขาอดยิ้มไม่ได้และตอบกลับไปว่า “คุณหญิงไปจิ่นหู หลินเซวี่ย และเหลิ่งเฟิงพวกเขาก็ตามไปด้วย”

“เธอสบายใจได้ เรื่องความปลอดภัยไม่มีปัญหาแน่นอน”

ฉินเทียนพยักหน้า “เราจะไปถึงที่นั่น ก่อนที่คอนเสิร์ตจะจบลงไหม?”

เหลยเป้าถอนหายใจและตอบว่า “ฉันจะลองดูนะ!”

จากข้อมูลทดสอบของทางการ ความเร็วสูงสุดของเฮลิคอปเตอร์แบล็กฮอว์กอสาธารณประโยชน์ราวๆ ประมาณ 350กิโลเมตรต่อชั่วโมง จากที่นี่ไปเมืองจิ่นหู ระยะความไกล ห่างอยู่หลายร้อยกิโลเมตร

ตอนนี้เป็นเวลาสองทุ่ม คอนเสิร์ตน่าจะกำลังพึ่งเริ่ม ตามสถานการณ์ปกติแล้ว คอนเสิร์ตน่าจะจบลงช่วงราวๆ ประมาณห้าทุ่มเห็นจะได้

ถ้าอยากจะถึงที่นั่นภายในเวลาสามชั่วโมง ก็ดูกดดันไปอยู่บ้างเหมือนกัน

เหลยเป้าเป็นสมาชิกในกองกำลังพิเศษ

ในสารระบบของพวกเขา มีเพียงแค่สมาชิกกองกำลังพิเศษที่มีความสามารถยอดเยี่ยมเท่านั้น ถึงจะมีคุณสมบัติมากเพียงพอ ที่จะมีสิทธิ์เข้าร่วมคัดเลือกให้เป็นเขี้ยวมังกรได้

โปรดทราบว่า แค่เข้าร่วมเท่านั้น ไม่ใช่ว่าจะได้รับเลือก

ขอแค่ผ่านบททดสอบอันเข้มงวด สุดท้ายจะมีหนึ่งในสิบคนนั้นที่จะได้เป็นเขี้ยวมังกรได้

จะเห็นได้ว่า คนพวกนี้มีความสามารถยอดเยี่ยมมากขนาดไหน

ทุกคนเป็นทศกรีฑาอย่างแน่นอน เหมือนเรื่องการขับเฮลิคอปเตอร์นี้ ก็เป็นแค่เรื่องจิ๊บจิ๊บเท่านั้น

จากการทดสอบเฮลิคอปเตอร์ยูเอช-60 แบล็กฮอว์ก ทำให้เหลยเป้าต้องเพิ่มความเร็วเป็น 360กิโลเมตรต่อชั่วโมง

นี่คือขีดความเร็วสูงสุดแล้ว ถ้าเร็วไปกว่านี้ เครื่องยนต์อาจจะระเบิดได้

เวลาผ่านไปสองชั่วโมง ช่วงเวลาห้าทุ่ม เครื่องบินก็ลงจอดอย่างนิ่มนวลที่ยิมเนเซี่ยมในเมืองจิ่นหู

จู่ๆ รอบๆ ก็มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเข้ามาทันที ราวกับต้อนรับข้าศึกใหญ่อย่างไรอย่างนั้น

พวกเขาสวมชุดสีดำ ในมือถือสิ่งของรูปร่างยาวๆ ที่ถูกคลุมด้วยผ้าสีดำไว้ เนื่องจากถูกคลุมด้วยผ้าสีดำ เลยดูไม่ค่อยเตะตาและไม่ค่อยอันตรายเท่าไรนัก

แต่ฉินเทียนแค่มองก็รู้ว่า นั้นคือมีดดาบสันโค้งนั่งเอง

มีดม้ง?

เขาตกใจไปชั่วขณะ และอดขำไม่ได้เมื่อมองเห็นชายวัยกลางคนคนหนึ่งวิ่งมาแต่ไกล

“เหล่าหม่า นี่คือแก๊งมีดม้งของเธอหรือเปล่า?”

“นึกไม่ถึงเลยว่าคอนเสิร์ตของหลิวหรูยู่ จะทำให้เธอตกใจได้แบบนี้!”

เมื่อหม่าหงเทาเห็นฉินเทียนแล้ว ก็รู้สึกดีใจที่ได้เจอเขา เขาพูดด้วยความตื่นเต้นว่า “ไม่ใช่แค่ทีมของพวกเรา แก๊งดอกเหมยเหล็กของหนิงซวงและเหมยหงเซว่ก็มาด้วยนะ”

“พวกเขาล้วนแต่เป็นผู้หญิง คอยคุ้มครองดูแลคุณหญิงอย่างใกล้ชิดอยู่ด้านใน”

“คอนเสิร์ตของหลิวหรูยู่ นายท่านอาน และผู้นำสมาคมหลายท่านก็มาด้วย พวกเราประมาทเลินเล่อไม่ได้เลย”

“พี่เทียน คุณหญิงรู้ไหมว่าพี่มา?”

ฉินเทียนหัวเราะและตอบว่า “ฉันไม่ได้บอกเธอ อยากทำเซอร์ไพรส์ให้เธอสักหน่อย”

“รีบพาฉันเข้าไปสิ”

“ขอรับ!” หม่าหงเทานำฉินเทียนเดินเข้าไปด้วยตนเอง ระหว่างทางก็อธิบายด้วยน้ำเสียงเบาๆ

อันที่จริงแล้ว นี่ไม่ใช่คอนเสิร์ตของหลิวหรูยู่ แต่เป็นการประชุมส่งเสริมภาพยนตร์เพื่อสาธารณประโยชน์ ที่หลิวหรูยู่ถ่ายทำขึ้น เพื่อมูลนิธิเด็กแห่งสหประชาชาติ

เพื่อสร้างบรรยากาศอันคึกคัก ผู้ดำเนินรายการประกาศสู่สาธารณชนว่า หลังจากการประชุมโปรโมตภาพยนตร์เสร็จสิ้นลงแล้ว หลิวหรูยู่จะร้องเปิดตัวเพลงใหม่ในที่แห่งนี้ด้วย

คาดไม่ถึงว่า แฟนเพลงจะมามากมายขนาดนี้ หลังจากฟังจบแล้ว ก็ขอให้ร้องต่ออีกด้วย

หลิวหรูยู่ยากที่จะปฏิเสธได้ เขาร้องเพลงแล้วเพลงเล่า จนถึงตอนนี้ งานประชุมส่งเสริมภาพยนตร์เลยกลายเป็นคอนเสิร์ตไปซะอย่างนั้น