ตอนที่ 151 คำรักรำพัน

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

” อาหลัน ฝ่าบาทมีประสงค์ให้ข้าถวายตัวทุกคืน” ซูเม่ยอาศัยจังหวะที่นางกำลังสงสารตนเอง เริ่มป้ายสีจีเฉวียนอย่างบ้าคลั่ง 

 

 

” เจ้าไม่รู้หรอกว่าเขาน่ากลัวขนาดไหน เขาเป็นพวกชอบความรุนแรง ” ความสามารถในการสาดน้ำมันลงไปของซูเม่ยนับว่าดีอยู่ไม่น้อย ” ฝ่าบาทตรัสว่า จะต้องให้ข้าตั้งครรภ์ภายในหนึ่งเดือนให้ได้” 

 

 

พอพูดถึงเรื่องนี้เขาก็น้อยอกน้อยใจอย่างที่สุด 

 

 

เชียนเชียนได้แต่คอยดูแลอยู่ข้างๆ ว่ากันตามจริง หากไม่ใช่เพราะว่าสีหน้าซูเม่ยทุกข์ระทม นางคงจะนึกสงสัยว่าซูเม่ยมาหาเจ้านายของตนเองเพื่ออวดอ้างแล้ว 

 

 

เพราะเหล่าพระสนมในวังหลังนี้ หากเคาะสมองออกมาดูใครบ้างละจะไม่ต้องการให้ฝ่าบาทเหลียวแลนางให้มากหน่อย 

 

 

นางกลับดีนัก ได้รับความโปรดปรานมาแค่คืนหนึ่ง ก็สามารถทำให้ฝ่าบาทตัดสินพระทัยใจให้นางตั้งครรภ์องค์ชายแล้ว 

 

 

นี่ต้องเข้าใจก่อนว่า ตามธรรมเนียมของแคว้นต้าโจวนั้น หลังจากที่ฮ่องเต้ทรงโปรดปรานสตรีผู้หนึ่งแล้ว ก็ไม่แน่ว่าสตรีผู้นั้นจะมีสิทธิ์คลอดองค์ชายได้ 

 

 

จะมีองค์ชายได้หรือไม่นั้นย่อมต้องแล้วแต่ฮ่องเต้จะทรงมีพระประสงค์ 

 

 

หากไม่ต้องการ จบเรื่องแล้วก็จะถูกพาตัวไปยังห้องๆ หนึ่ง ดื่มยาสลายบุตรลงไปชามหนึ่ง ภายในการจัดการของเหล่าหมัวมัวก็สามารถขับออกไปราวของเสียอย่างหนึ่งได้ 

 

 

ซูเฟยไม่เพียงแต่เป็นสตรีคนแรกที่ฝ่าบาทโปรดให้ถวายตัว ฝ่าบาทยังมีพระประสงค์ให้นางตั้งครรภ์ เมื่อมองไปข้างหน้า ในวังหลังยังมีผู้ใดมีโชคลาภเช่นนี้ได้อีก?  

 

 

ตู๋กูซิงหลันได้ฟังแล้ว ก็รู้สึกมึนศีรษะไปบ้างเล็กน้อย นางคิดไม่ออกจริงๆ ว่าจีเฉวียนยามอยู่บนเตียงจะกลายเป็นพวกชอบความรุนแรงได้อย่างไร 

 

 

จีเฉวียนถึงแม้จะมิใช่ตัวดีเท่าไหร่ แต่นางก็รู้สึกว่า กับสตรีของตนเองแล้ว เขาไม่มีทางเป็นพวกที่ชอบความรุนแรงไปได้หรอก 

 

 

ตู๋กูซิงหลันงงงันพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ได้แต่ปล่อยให้ซูเฟยกุมมือของตนเองเอาไว้ นางก็คอยเอาผ้าอุ่นๆ เช็ดหน้าให้เขา 

 

 

โบราณมีประโยคหนึ่งกล่าวว่า มารดาสูงศักดิ์มีบุตรยิ่งใหญ่ เสี่ยวซูเฟยนับว่าอยู่ในเงื่อนไขข้อนี้ ขอเพียงฮึดสู้สักหน่อย คลอดองค์ชายหรือองค์หญิงออกมาสักคน ไม่แน่ว่าอาจจะได้รับการแต่งตั้งเป็นฮองเฮาไปเลยก็ได้ 

 

 

ในบรรดาเหล่าลูกสะใภ้มากมายในวังหลัง คนที่ใกล้ชิดกับนางมากที่สุดนอกจากเสี่ยวหยวนเฟยแล้ว ก็มีแต่เสี่ยวซูเฟยนี่ละ 

 

 

เสี่ยวหยวนเฟยนั้นเอาแต่ร่ำร้องเรื่องที่ว่าจีเฉวียนไม่มีขนหน้าอก เกรงว่าอยู่กับฝ่าบาทไปก็คงจะไม่ได้ผลอะไรออกมา 

 

 

แต่เสี่ยวซูเฟยนั้น บรรยากาศเวลาอยู่ร่วมกับฝ่าบาท ดูไปราวกับภาพวาดของจิ้งจอกพันปี ตู๋กูซิงหลันรู้สึกว่าช่างโดดเด่นและดึงดูดสายตามากจริงๆ  

 

 

ตู๋กูซิงหลันเป็นคนเช่นไรกัน ผู้อื่นดีกับนางสักหน่อย นางย่อมดีคืนเป็นสิบเท่า 

 

 

เพราะฉะนั้นนางคาดหวังอย่างยิ่งว่าซูเม่ยจะสามารถคลอดบุตรชายหรือหญิงสักคนแล้วได้รับแต่งตั้งเป็นฮองเฮา 

 

 

ซูเม่ยเห็นสีหน้าของนางแล้ว ในใจแทบจะมีเลือดหยาดหยด ความรักที่ถูกทับถมเอาไว้ในใจแค่นั้นยังไม่พอ ยังมีข้อกีดขวางด้วยศักดิ์ฐานะที่ไม่อาจก้าวข้ามได้อีก ทำให้เขาหัวใจของเขาราวกับถูกแผดเผา 

 

 

ช่วงเวลาที่ผ่านมาเขายังพอจะประคับประคองความรู้สึกที่ทุกข์ทรมานนี้ไปได้บ้าง 

 

 

แต่ไม่รู้ว่าทำไม นับตั้งแต่ที่ตนเองกลับเข้าวังมาและได้เห็นนาง ความรู้สึกที่ถูกทับถมไว้ทั้งหมดก็พลุ่งพล่านขึ้นมาอย่างระงับไม่อยู่อีก 

 

 

เขาชอบตู๋กูซิงหลันในยามนี้! ชอบอย่างที่สุด! ชอบอย่างไม่มีเหตุผลใดๆ ทั้งสิ้น!  

 

 

ราวกับว่ารอคอยนางรอมานานนับพันปีแล้ว 

 

 

แต่ยามนี้เมื่อมีจีเฉวียนคอยจดจ้องตะครุบนางอยู่ข้างๆ ไม่ว่าเขาจะคิดดูอย่างไร ช้าเร็วอาหลันจะต้องถูกเจ้าจิ้งจอกเฒ่านั่นจับกลืนกินลงไปแน่ๆ  

 

 

โดยเฉพาะสาวน้อยเช่นอาหลันนี้ ย่อมไม่มีทางรับมือกับจิ้งจอกเฒ่าอย่างจีเฉวียนได้เด็ดขาด หากไม่ระมัดระวังตัวเมื่อไร ก็อาจตกลงไปในกับดักของเขาได้ทุกเมื่อ เมื่อนั้นก็มิอาจหลบหนีได้อีก 

 

 

อาหลันของเขาสมควรได้เป็นนางพญาหงส์บนท้องฟ้า จะได้มิต้องถูกจีเฉวียนกักขังเอาไว้ในมุมเล็กๆ ของวังหลวง กลายเป็นนกในกรงทอง 

 

 

คิดถึงตรงนี้ขึ้นมา เขาก็คว้ามือของอาหลันเอาไว้แนบแน่นกว่าเดิม ” อาหลัน ข้า….” 

 

 

เขายังไม่ทันได้กล่าวคำพูดของตนเองออกมา ที่ประตูตำหนักมีสายตาเย็นชากวาดมองเข้ามา เป็นจีเฉวียนที่ทรงชุดมังกรทอง ยกพระบาทก้าวใหญ่ๆ เข้ามาข้างในตำหนัก 

 

 

” สนมรัก เราพึ่งจะตื่นขึ้นมาก็ไม่เห็นเจ้าแล้ว เจ้าช่างแสนกตัญญู รีบมาเฝ้าไทเฮาอยู่ที่นี่หรือ? “ 

 

 

ขณะที่ตรัสอยู่นั้น มุมประโอษฐ์ของจีเฉวียนก็ขยับยกขึ้น แย้มสรวลให้อย่างใส่พระทัย 

 

 

ตู๋กูซิงหลันเห็นแล้วก็เกิดความรู้สึกขึ้นมาอย่างหนึ่ง จึงยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ 

 

 

เห็นท่าทางที่คึกคักเข้มแข็งของเขาเช่นนี้ ใครไม่รู้คงจะนึกว่าเขาเป็นจงหยวนบู๊เข้าให้ 

 

 

ซูเม่ยเกือบจะกระโดดขึ้นมาทั้งตัวแล้ว คำพูดที่ยังไม่ทันได้กล่าวออกมาเป็นต้องกลืนลงท้องไปอีกครั้ง 

 

 

จีเฉวียนเห็นซูเม่ยนอนอยู่บนเบาะอ่อนของตู๋กูซิงหลัน ดวงเนตรของเขาก็พลันเกิดไอเย็นขึ้นมา แต่รอยยิ้มบนใบหน้ายังคงมิได้หายไปไหน เขาเดินเข้าไปใกล้ นั่งลงใกล้ซูเม่ย ” ดูสิ เพราะว่าเมื่อคืนเหน็ดเหนื่อยเกินไป ไม่สบายหรือ? “ 

 

 

จีเฉวียนตรัสออกไปได้อย่างชนิดที่ว่าหน้าไม่แดงใจไม่เต้นแรง ทั้งยังคว้าเอาผ้าอุ่นๆ บนมือของตู๋กูซิงหลันมาช่วยเช็ดหน้าให้ซูเม่ยอีกด้วย 

 

 

ไม่เพียงเท่านั้นยังไม่ลืมที่จะกล่าวประโยคสร้างความเข้าใจผิดให้ผู้คนอีกว่า ” เมื่อคืนสนมรักต้องเหนื่อยยากมากแล้ว” 

 

 

ประโยคนี้ขนาดตู๋กูซิงหลันฟังแล้วยังรู้สึกถึงความอบอุ่นซึมซาบออกมาได้เลย 

 

 

แต่ว่าเมื่อซูเม่ยได้ฟัง หากเขายังกล้าร่ำร้องออกมาคำหนึ่งมีหวังต้องถูกจีเฉวียนประหารทิ้งแน่ 

 

 

เมื่อวานนี้พระองค์ก็ทรงเตือนเขาเอาไว้แล้ว ให้เขาอยู่ห่างๆ จากอาหลัน 

 

 

แต่วันนี้พอฟ้าสางเขาก็พุ่งมาหาอาหลันก่อน แน่นอนว่าจะต้องทำให้พระองค์พิโรธเป็นแน่ 

 

 

” ไม่ๆๆๆ หม่อมฉันไม่ลำบาก ฝ่าบาททรงราชการเหน็ดเหนื่อย นั้นจึงจะนับว่าลำบากจริงๆ ” ซูเม่ยงัดเอามารยาของสาวน้อยออกมา ทำเอาจีเฉวียนคลื่นไส้จนแทบกระอัก 

 

 

น่าเสียดายที่ฝ่าบาททรงเป็นผู้ที่มีพระทัยเข็มแข็งดุจภูผา พระองค์เพียงแต่ปรายพระเนตรน้อยๆ คิดจะทรงตรวจสอบดูว่าตู๋กูซิงหลันมีท่าทีเช่นไร 

 

 

ตู๋กูซิงหลันนั่งอยู่ด้านข้างของเขา ดวงตาดอกท้อของนางจับจ้องอยู่บนคนทั้งสอง ใบหน้ายังคนด้านชา ไม่มีสีแดงเลยแม้แต่น้อย ดวงตาทั้งคู่ยังคงเป็นประกายสุกใส 

 

 

ตู๋กูซิงหลันที่เป็นโสดมานานจนถึงขั้นชินชาแล้ว ทุกวันนี้หน้าหนาขนาดที่มีดก็ยังบาดไม่เข้า 

 

 

ถ้อยคำพรอดรักรำพันของคนทั้งคู่ไม่สามารถกระทบกระเทือนนางได้เลย 

 

 

อ๋อ นอกจากว่าพวกเขาจะลงมือทำกันจริงๆ ให้ดูสักรอบ 

 

 

” ไทเฮา ท่านดูสิ เพื่อจะให้ท่านได้อุ้มหลายโดยไว ร่างกายของกุ้ยเฟยแทบจะโดนคว้านเสียแล้ว” ว่าแล้ว จีเฉวียนก็กระซิบลงไปที่ข้างหูของตู๋กูซิงหลันอย่างหน้าไม่อาย 

 

 

เขาไม่เชื่อหรอกว่า ตู๋กูซิงหลันจะไม่มีปฎิกิริยาเลยแม้แต่น้อย 

 

 

ตู๋กูซิงหลันรู้สึกว่าเขากำลังโอ้อวดตนเองอยู่ 

 

 

นางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ค่อยกล่าวออกมาด้วยความจริงใจว่า “ฝ่าบาท ร่างกายของเสี่ยวซูเฟยไม่อาจรองรับความรุนแรงมากเกินไปได้ ครั้งต่อๆ ไปพระองค์ควรจะอ่อนโยนมากกว่านี้สักหน่อยนะเพคะ “ 

 

 

จีเฉวียน “……….” เขากำลังแสดงความโปรดปราน “สตรี” อีกคนต่อหน้านาง แต่นางกลับไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยจริงๆ หรือ?  

 

 

ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่าเพื่อจะได้หาโอกาสยั่วยวนเขานางถึงขนาดคิดหานับพันนับร้อยวิธีไม่ใช่หรอกหรือ?  

 

 

ตอนที่อยู่ในทะเลสาบหยู่จื่อถาน ไม่ใช่ว่าขนาดหลังเท้าของเขายังจะจูบเลยมิใช่หรือ 

 

 

ตอนนี้มาทำเป็นหน้าใหญ่ใจกว้าง ทำให้เขาเห็นแล้วรู้สึกหงุดหงิดยิ่งนัก 

 

 

ในพระทัยของจีเฉวียนยิ่งทียิ่งคุกรุ่นขึ้นมาเรื่อยๆ รอยแย้มสรวลของเขากลายเป็นยิ้มแต่หน้าตาไม่ยิ้มเสียแล้ว “ตามแต่ไทเฮาจะทรงโปรด เราจะ ‘อ่อนโยน’ กับกุ้ยเฟยให้มากกว่านี้ “ 

 

 

ตรัสแล้ว ก็เห็นเขาคว้าตัวซูเม่ยขึ้นมาจากเบาะอ่อน “กุ้ยเฟยเป็นสตรีของเรา ในเมื่อเจ็บป่วยเราก็ควรจะดูแล จงอย่าได้มาอยู่รบกวนความเงียบสงบของไทเฮา ติดตามเรา กับตำหนักตี้หัวเถอะ “ 

 

 

ตรัสจบแล้ว ก็มิได้รอให้ซูเม่ยได้พูดอะไรทั้งสิ้น จัดแจงคว้าตัวเขาออกไปจากตำหนักเฟิ่งหมิงในทันที 

 

 

ชนิดที่ว่าหิ้วคอเขาลอยออกไปเลย ถึงซูเม่ยจะมีน้ำหนักตัวกว่าร้อยชั่ง แต่กลับลอยละลิ่วออกไปราวลูกไก่ตัวหนึ่ง 

 

 

พอมองเห็นว่าตู๋กูซิงหลันกำลังห่างออกไปทุกที ซูเม่ยก็ได้แต่มองอย่างแสนอาลัย 

 

 

กลับไปตำหนักตี้หัวคราวนี้ ไม่แน่ว่าฝ่าบาทอาจจะถึงขนาดตอนเขา ให้กลายเป็นสตรีไปจริงๆ