ตอนที่ 552 ยังไม่ใช่เวลาแต่งงาน / ตอนที่ 553 ยังรักเขาอยู่หรือเปล่า

กับดักรักในรอยแค้น

ตอนที่ 552 ยังไม่ใช่เวลาแต่งงาน

 

 

           “ได้ค่ะ คุณย่า” ฉู่เจียเสวียนฝืนยิ้ม แต่กลับตอบรับแล้ว

 

 

           เธอคิดไม่ถึงว่าคุณย่าของกงจวิ้นฉือจะหาเธอเร็วขนาดนี้ ไม่ว่าจะดีหรือร้าย เธอก็หลบซ่อนไม่พ้น

 

 

           เห็นฉู่เจียเสวียนวางสาย ถังถังเอ่ย “คุณย่ากงจวิ้นฉือ? เขากลับมาแล้วเหรอ”

 

 

           ฉู่เจียเสวียนพยักหน้า มองดูแววตาของถังถังรู้สึกพูดไม่ออกเล็กน้อย “ใช่แล้ว เรียกให้ฉันไปกินข้าวคืนนี้”

 

 

           นึกถึงหัวข้อที่เธออาจจะพูด เธอก็รู้สึกปวดหัวเล็กน้อย

 

 

           “ทำไมล่ะ เธอไม่อยากไปกินข้าวเหรอ” เห็นสีหน้าซังกะตายของฉู่เจียเสวียน เธอเลิกคิ้วพร้อมเอ่ย

 

 

           ฉู่เจียเสวียนส่ายหน้า พูดขึ้น “คุณย่าเขาอยากให้ฉันรีบแต่งงานกับกงจวิ้นฉือ”

 

 

           “งั้นก็แต่งสิ” ถังถังพูดโดยไม่คิด นานขนาดนี้แล้ว เรื่องแต่งงานอยู่ที่ช้าหรือเร็วไม่ใช่เหรอ

 

 

           ในเมื่อผู้ใหญ่อยากจัดงานแต่งแล้ว งั้นก็แต่งสิ

 

 

           คุณย่าของกงจวิ้นฉือไม่รังเกียจฉู่เจียเสวียนก็เป็นเรื่องที่ดีแล้วไม่ใช่หรือ จะมีผู้ใหญ่กี่คนที่อยากให้ลูกหลานของตัวเองแต่งงานกับผู้หญิงที่เคยแต่งงานแล้ว?

 

 

           น้ำเสียงที่ผ่อนคลายของถังถัง ทำให้ฉู่เจียเสวียนยิ้มขมขื่น “ฉันยังไม่อยากแต่งงาน”

 

 

           เธอยังไม่ได้เตรียมตัวจะแต่งงานกับกงจวิ้นฉือ ในจิตใต้สำนึกของเธอรู้สึกต่อต้านเล็กน้อย

 

 

           “เจียเสวียน เธอกับกงจวิ้นฉือก็คบกันนานแล้ว หรือเธอคิดว่าพวกเธอสองคนไม่ควรแต่งงานกันเหรอ” ดวงตาที่เป็นประกายมองฉู่เจียเสวียนไม่กระพริบ ถังถังราวกับว่าอยากมองทะลุความคิดในใจของฉู่เจียเสวียนอย่างไรอย่างนั้น

 

 

           ในสายตาของเธอ ฉู่เจียเสวียนกับกงจวิ้นฉือเป็นคู่ที่เหมาะสมกันที่สุด เธอก็อวยพรพวกเขาอยู่ในใจเหมือนกัน

 

 

           “ฉันไม่รู้” อารมณ์ของฉู่เจียเสวียนที่เบิกบานในตอนแรก ในเวลานี้หดหู่เล็กน้อย

 

 

           “ที่รัก เธอคงไม่ใช่ยังคิดถึงเผยหนานเจวี๋ยหรอกนะ?” ยื่นมือดึงมือของฉู่เจียเสวียน ถังถังเอ่ยถาม

 

 

           ฉู่เจียเสวียนฝืนยิ้ม เธอจะคิดถึงเผยหนานเจวี๋ยได้อย่างไร

 

 

           “เปล่า ถังถัง ฉัน…” จู่ๆ ฉู่เจียเสวียนไม่รู้ว่าต้องพูดอย่างไร ในช่วงเวลานี้เธอรู้สึกเหนื่อยหน่ายกับเผยหนานเจวี๋ยมาก แต่เธอไม่ต้องการแต่งงานและมันไม่เกี่ยวอะไรกับเผยหนานเจวี๋ย

 

 

           สีหน้าของฉู่เจียเสวียนเหมือนต้องการจะพูดอะไรแต่หยุด ทำให้ถังถังรู้สึกร้อนใจ “เจียเสวียน ในใจเธอกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่”

 

 

           ระยะหลังมานี้ ฉู่เจียเสวียนอยู่ที่บริษัทกงมาโดยตลอด เธอติดต่อกับฉู่เจียเสวียนน้อยมาก หนึ่งเพราะว่าเธองานยุ่ง สองเพราะว่าฉู่เจียเสวียนก็ยุ่ง

 

 

           ดังนั้นเธอจึงไม่รู้ว่าฉู่เจียเสวียนและเผยหนานเจวี๋ยกำลังติดต่อกันอยู่หรือไม่

 

 

           “ถังถัง เธออย่าคิดเหลวไหลสิ ฉันก็แค่ยังไม่อยากแต่งงานเร็วแบบนี้ ฉันคิดว่ามันยังไม่ใช่เวลา ไม่เกี่ยวอะไรกับเผยหนานเจวี๋ย”

 

 

           “เจียเสวียน ถ้าเธอมีเรื่องอะไรจะต้องบอกฉันโอเคไหม ฉันเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเธอ ฉันไม่อยากให้เธอเจ็บปวดอีกแล้ว” กุมมือของฉู่เจียเสวียน ถังถังกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง

 

 

           ฉู่เจียเสวียนรู้สึกอบอุ่นในใจ พยักหน้าอย่างแรง

 

 

           มีเพื่อนสักคนก็ดี ไม่ว่าเรื่องอะไร เธอก็จะคอยสนับสนุนเธออยู่ข้างหลัง

 

 

           “ขอบคุณมาก ถังถัง” เอ่ยปากด้วยความซาบซึ้ง ฉู่เจียเสวียนรู้สึกระคายเคืองตาเล็กน้อย

 

 

           มือของถังถังที่กุมฉู่เจียเสวียนบีบแน่นขึ้น “ถ้าอยากขอบคุณฉันนะ มีเวลาก็เลี้ยงข้าวฉัน”

 

 

           “ได้สิ คราวหน้านะ คืนนี้ฉันต้องไปกินข้าวที่บ้านคุณย่า อาจต้องกลับเร็วหน่อย”

 

 

           “อืม รู้แล้ว ไปเถอะๆ” ถังถังยิ้ม ปล่อยมือของฉู่เจียเสวียน เดินไปที่โต๊ะทำงาน

 

 

           ทั้งสองคนต่างเงียบ ไม่ได้พูดอะไรอีก ต่างคนต่างก้มหน้าทำงานของตัวเอง

 

 

           เวลาที่ยุ่งเวลามักผ่านไปเร็วอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่ทันรู้ตัวก็เป็นเวลาสี่โมงเย็นแล้ว

 

 

           ไฟที่ลุกโชนก็ค่อยๆ ดับลง

 

 

           ฉู่เจียเสวียนเดินออกมาจากร้านชุดแต่งงาน เดินไปที่รถโดยตรง

 

 

 

 

       ตอนที่ 553 ยังรักเขาอยู่หรือเปล่า

 

 

           เธอแวะซื้ออาหารบำรุงที่ร้านค้า แล้วตรงไปที่บ้านกง

 

 

           ระหว่างทาง ทิวทัศน์นอกหน้าต่างวิ่งไปด้านหลังไม่หยุดหย่อน ฉู่เจียเสวียนนั่งอยู่ในรถ ริมฝีปากแดงเม้มแน่น ในสมองคิดว่าอีกประเดี๋ยวจะพบกับคุณย่ากงแล้ว เธอไม่สามารถหยุดความกังวลใจของเธอได้

 

 

           เธอไม่รู้ว่าเธอเริ่มหวาดกลัวขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร

 

 

           ท้องฟ้าถูกปกคลุมไปด้วยก้อนเมฆสีขาว แสงสีทองที่ทอประกายบนท้องฟ้าทำให้ท้องฟ้าสดใสมาก รถแล่นไปอย่างรวดเร็ว

 

 

           ในที่สุด ครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น รถก็ค่อยๆ จอดลงหน้าบ้านกง

 

 

           ฉู่เจียเสวียนบีบแตรดัง “ปิ๊นๆ” หลังจากประตูใหญ่เปิดแล้ว เธอก็ขับรถเข้าไปในสวน ลงมาจากรถก็เห็นคุณย่ากงเดินออกมาจากบ้าน

 

 

           ฉู่เจียเสวียนรีบเดินเข้าไป ทั้งสองคนพบหน้ากันในสวน ดอกเบญจมาศหลากหลายสีบานสะพรั่งอยู่ในสวน

 

 

           ฉู่เจียเสวียนรู้สึกตื่นเต้นอย่างประหลาด ตื่นเต้นไม่รู้ว่าต้องพูดอย่างไร ในสมองของเธอลัดวงจรอยู่พักหนึ่ง แต่ไม่ช้าเธอก็ดึงสติกลับมา เอ่ยกับคุณย่ากง “คุณย่าคะ”

 

 

           คุณย่ากงมองดูฉู่เจียเสวียน ไม่รู้ว่ารู้สึกไปเองหรือเปล่า แต่ฉู่เจียเสวียนรู้สึกได้ถึงความเกลียดชังในแววตาของเธอ ราวกับว่าฉู่เจียเสวียนกับเธอเป็นศัตรูที่ไม่อาจร่วมโลกกันได้อย่างไรอย่างนั้น

 

 

           ฉู่เจียเสวียนไม่เข้าใจ ทำไมหลังจากคุณย่ากงกลับมาจากต่างประเทศครั้งนี้ ราวกับเปลี่ยนเป็นคนละคน

 

 

           “มาแล้วเหรอ เข้าบ้านเถอะ” พูดจบ เธอก็เดินเข้าบ้านไปก่อน ฉู่เจียเสวียนถืออาหารบำรุงเดินตามหลังเธอไป

 

 

           เข้าไปนั่งในบ้าน คุณย่ากงนั่งอยู่ที่ตำแหน่งเจ้าของบ้าน

 

 

           วางอาหารเสริมลงบนโต๊ะ ฉู่เจียเสวียนนั่งลงที่โซฟาข้างเธอ

 

 

           ทันใดนั้น บรรยากาศก็มืดลง ทั้งสองต่างไม่มีใครพูดจา บรรยากาศกดดันเป็นอย่างมาก

 

 

           ในที่สุดฉู่เจียเสวียนก็เอ่ยปากทำลายความเงียบ “คุณย่าคะ ร่างกายของคุณย่าเป็นยังไงบ้าง ดีขึ้นบ้างแล้วยังคะ”

 

 

           คุณย่ากงกระตุกปากยิ้ม หัวเราะ “ยังไม่ตาย”

 

 

           “เจียเสวียนเอ๊ย วันนี้ที่เรียกเธอกลับมา ก็เพราะว่าอยากให้เธอรีบแต่งงานกับกงจวิ้นฉือ เธอก็เห็นว่าย่าก็อายุปูนนี้แล้ว”

 

 

           เอาอีกแล้ว ฉู่เจียเสวียนขยับสองมืออย่างไม่สบายใจ ไม่รู้ว่าต้องตอบเธออย่างไร คราวก่อนเธอก็บอกเธอแล้ว แต่ว่าเธอโกรธจนอาการโรคหัวใจแทบกำเริบ ครั้งนี้กงจวิ้นฉือก็ไม่อยู่ด้วย เธอไม่รู้จริงๆ ว่าต้องทำอย่างไร ถ้าหากพูดสิ่งที่เธอไม่ชอบออกไป เธอก็จะได้รับความกระทบกระเทือนใจอีก

 

 

           “คุณย่าคะ เรื่องนี้อย่าเพิ่งรีบเลยค่ะ รอจวิ้นฉือกลับมาแล้ว พวกเราค่อยคุยเรื่องนี้กันดีไหมคะ” ยกมุมปากยิ้ม ฉู่เจียเสวียนยิ้มด้วยความสดใส โยนปัญหานี้ไปให้กงจวิ้นฉือได้สำเร็จ

 

 

           “เจียเสวียน หรือว่าเธอไม่อยากเป็นสะใภ้ครอบครัวกงของพวกเรา?” สีหน้าของคุณย่ากงเยือกเย็นลง เธอพร่ำบอกให้พวกเขาแต่งงานกันครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ว่าฉู่เจียเสวียนคนนี้มักจะหาข้ออ้างเพื่อผัดออกไปเสมอ

 

 

           หรือว่าเธอยังรักผู้ชายบ้านเผยอยู่

 

 

           เดิมทีกงจวิ้นฉือต้องการจะคบกับเธอ เป็นตายอย่างไรเธอก็ไม่เห็นด้วย แต่ว่า ต่อมาเห็นว่าเธอเป็นเด็กดีคนหนึ่ง คิดว่าไม่ควรเอาความเกลียดชังที่มีต่อบ้านเผยมาลงที่เธอ ดังนั้นเธอจึงตกลงให้กงจวิ้นฉือคบกับฉู่เจียเสวียนแล้ว

 

 

           แต่ว่าทั้งสองคนคบกันนานขนาดนี้ ก็ไม่ได้ยินพวกเขาคุยเรื่องแต่งงาน มันทำให้เธอไม่สบายใจเอามากๆ เธอจึงเริ่มรบเร้าพวกเขา แต่ว่าพวกเขากลับไม่ต้องการแต่งงานเร็วแบบนั้น จะไม่ให้เธอโมโหได้อย่างไร

 

 

           “เปล่านะคะ คุณย่า…”

 

 

           “งั้นเธอก็แต่งงานกับจวิ้นฉือสิ”

 

 

           “คุณย่าคะ เรื่องนี้รอให้จวิ้นฉือกลับมาค่อยคุยกันดีไหมคะ” ฉู่เจียเสวียนสูดหายใจลึก บนใบหน้ายังคงมีรอยยิ้ม

 

 

           เธอได้เตรียมใจไว้ก่อนที่จะมาแล้ว

 

 

           เพียงแต่ไม่คิดว่าคุณย่ากงจะกลายเป็นคนดื้อดึงแบบนี้