ตอนที่ 554 บาดแผลที่ถูกสะกิด / ตอนที่ 555 เลิกกับเธอซะ

กับดักรักในรอยแค้น

ตอนที่ 554 บาดแผลที่ถูกสะกิด

 

 

           “หึ ที่สำคัญที่สุดน่ะอยู่ที่เธอ วัยสาวของผู้หญิงมีจำกัด ดูเธอสิตอนนี้ก็ยี่สิบเจ็ดแล้ว ถ้ายังไม่รีบมีลูกอีก พอผู้หญิงอายุมากแล้วจะมีลูกยาก” คุณย่ากงโน้มน้าวด้วยความจริงใจ

 

 

           ฉู่เจียเสวียนพูดอย่างจนปัญญาเล็กน้อย “คุณย่าคะ ตอนนี้วิทยาศาสตร์ก้าวหน้าไปมาก ผู้หญิงที่มีการศึกษาหลายคนก็แต่งงานมีลูกตอนอายุสามสี่สิบ ตอนนี้ฉันกับกงจวิ้นฉืออายุยังน้อย ไม่กลัวว่าจะไม่มีลูกหรอกค่ะ”

 

 

           “พูดน่าฟังดี งั้นเธอแต่งงานกับผู้ชายบ้านเผยตั้งหลายปี ทำไมถึงไม่เห็นเธอมีลูกล่ะ” คุณย่ากงโต้เถียงอย่างไม่เกรงใจ

 

 

           เธอไม่รู้ว่าฉู่เจียเสวียนเคยมีลูกด้วยกันกับเผยหนานเจวี๋ย ดังนั้นคำพูดนี้จึงหลุดออกมาจากปากของเธอ

 

 

           คำพูดของคุณย่ากง ทำให้ฉู่เจียเสวียนหน้าซีด หัวใจเต้นอย่างดุเดือด กำปลายนิ้วแน่น

 

 

           เธอพูดอะไรไม่ออก เธอไม่รู้ว่าจะต้องบอกเรื่องนี้กับคุณย่ากงอย่างไร

 

 

           เธอคงไม่สามารถบอกคุณย่ากงได้สินะว่าเธอเคยมีลูกและสุดท้ายเด็กคนนั้นก็แท้ง?

 

 

           “ขอโทษนะคะคุณย่า จู่ๆ ฉันนึกได้ว่ายังมีธุระนิดหน่อย ขอตัวกลับก่อนค่ะ” พูดจบ ฉู่เจียเสวียนก็ไม่รอให้คุณย่ากงเอ่ยปาก หยิบกระเป๋าหันหลังจากไป

 

 

           น้ำตาเอ่อล้นดวงตาในวินาทีที่เธอหันหลังไป

 

 

           “เอ๊ะ…ฉันยังพูดไม่จบเลย…” ฉู่เจียเสวียนมาถึงหน้าประตู คุณย่ากงก็ราวกับว่าเพิ่งระลึกได้ ขณะที่เธอตามออกไปก็เห็นเพียงท้ายรถของฉู่เจียเสวียน ไม่ช้ามันก็แล่นลับไปจากสายตาของเธอ

 

 

           “ผู้หญิงคนนี้เป็นอะไร” คุณย่ากงกล่าวอย่างไม่พอใจ ในที่สุดก็หันหลังเข้าบ้านไปด้วยความโมโห

 

 

           ภายในรถ น้ำตาของฉู่เจียเสวียนไหลราวกับสายฝน หลังจากที่ขับออกมาจากบ้านกงแล้ว เธอก็จอดรถข้างทาง ฟุบหน้าอยู่บนพวงมาลัย เนื้อตัวสั่นเทาเบาๆ

 

 

           เด็กคนนั้นคือความเจ็บปวดในใจของเธอ ไม่มีคนพูดถึงมันนานแล้ว เธอก็ค่อยๆ ปล่อยวางแล้วด้วย แต่ว่าตอนนี้เมื่อมีคนสะกิดบาดแผลนั้นอีกครั้ง หัวใจของเธอเจ็บปวดเหลือเกิน

 

 

           เมื่อถึงกลางคืน ความมืดก็กลืนแสงสว่างไปทั้งหมด รถของฉู่เจียเสวียนจอดอยู่ข้างทางตลอดเวลา เธอยื่นมือออกไปข้างทางก็ไม่เห็นนิ้วทั้งห้าของตัวเอง แม้แต่ไฟเธอก็ไม่ได้เปิด

 

 

           รถของเธอจมอยู่ใต้ราตรีอันมืดมิด ถ้าหากไม่ดูให้ดี ก็มองไม่เห็นว่าข้างทางมีรถจอดอยู่

 

 

           ฉู่เจียเสวียนไม่รู้ว่าร้องไห้อยู่ตรงนั้นนานแค่ไหน เธอฟุบอยู่บนพวงมาลัยตลอดเวลา จนกระทั่งเมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมาจึงรู้ว่าตอนนี้ฟ้ามืดแล้ว

 

 

           น้ำตาหลั่งลงมาบนใบหน้าไม่รู้ตั้งกี่ครั้ง ทุกครั้งที่เช็ดจนแห้งมันก็ไหลลงมาอีก น้ำตานั้นราวกับว่าเช็ดเท่าไรก็ไม่แห้ง

 

 

           สำหรับเธอแล้ว อดีตคือบาดแผลที่ไม่สามารถแตะต้องได้ แม้ว่าเธอจะซ่อนมันลึกแค่ไหน แต่เมื่อคนถึงเอ่ยถึงมัน เธอก็จะรู้สึกอ่อนแอมากและอดีตก็พร้อมที่จะออกมาได้ทุกเมื่อ

 

 

           เธอนึกว่าเธอเข้มแข็งจนลืมอดีตได้แล้ว ที่แท้ความทรงจำเหล่านั้นยังคงซ่อนอยู่ในส่วนลึกของหัวใจเธอ

 

 

           ไม่ว่ากาลเวลาจะเปลี่ยนไปอย่างไร ความทรงจำเหล่านั้นก็เป็นเหมือนกับมีดที่แหลมคม ทันทีที่เอ่ยถึงมัน บาดแผลก็จะแยกออกจากกัน

 

 

           ฉู่เจียเสวียนไม่รู้ว่ากลับบ้านมาได้อย่างไร รู้เพียงแค่ขณะที่รถจอด เธอก็มาอยู่หน้าประตูบ้านแล้ว

 

 

           “เฮ้อ…” เธอถอนหายใจแผ่วเบา เงยหน้ามองแสงไฟที่ส่องสว่างภายในบ้าน เปิดประตูแล้วลงจากรถ

 

 

           ภายในรถ ซูซานกำลังนั่งอ่านนิตยสารอยู่บนโซฟา เมื่อได้ยินเสียงประตูดังขึ้น ก็วางนิตยสารในมือลง ลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปในห้องครัว

 

 

           เธอตั้งใจอุ่นน้ำเชื่อมลูกแพร์เอาไว้ เพื่อรอฉู่เจียเสวียนกลับมาดื่ม เธอบอกว่าช่วงนี้เธอรู้สึกร้อนในเล็กน้อย

 

 

           เปลี่ยนรองเท้าเสร็จแล้ว ฉู่เจียเสวียนก็เดินไปที่โซฟา เมื่อเห็นนิตยสารวางอยู่ข้างๆ ก็รู้ว่าซูซานเข้าไปง่วนอยู่ในครัวแล้ว ริมฝีปากแดงยกยิ้ม รู้สึกระคายเคืองดวงตาอย่างประหลาด

 

 

 

 

       ตอนที่ 555 เลิกกับเธอซะ

 

 

           โชคดีที่เธอยังมีครอบครัวอยู่ในโลกใบนี้ รอเธอกลับมาที่บ้านทุกคืน เป็นห่วงเธอทุกวัน นี่ก็คือความรู้สึกของคำว่าบ้าน

 

 

           วางกระเป๋าลง นั่งลงบนโซฟา เอื้อมมือหยิบนิตยสารบนโซฟาขึ้นมาแล้ววางลงใต้โต๊ะ

 

 

           “เจียเสวียน แม่ต้มน้ำเชื่อมลูกแพร์ไว้ให้ลูก ดื่มหน่อยจะได้แก้ร้อนใน” ซูซานถือถ้วยน้ำเชื่อมลูกแพร์แล้ววางลงตรงหน้าฉู่เจียเสวียน

 

 

           ใบหน้ามีรอยยิ้ม แต่ว่าไม่ช้า รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอก็จางลง “เจียเสวียน ลูกเป็นอะไรไป ทำไมตาบวมแบบนี้ล่ะ”

 

 

           เดินมานั่งข้างฉู่เจียเสวียน ซูซานขมวดคิ้ว เห็นดวงตาเธอที่บวมเป่งจากการร้องไห้แก็ถามอย่างเป็นกังวล

 

 

           ซูซานไม่ถามยังดีเสียกว่า ทันทีที่ถาม น้ำตาของฉู่เจียเสวียนก็เหมือนกับก๊อกน้ำแตกที่ไหลลงมาโดยไม่มีสัญญาณเตือนใดๆ

 

 

           เธอที่เป็นแบบนี้ทำให้ซูซานตกใจ เอื้อมมือกอดฉู่เจียเสวียนไว้ในอ้อมแขน เห็นเธอร้องไห้เสียใจขนาดนั้น เธอก็พลอยตาแดงตามไปด้วย “เจียเสวียน ลูกเป็นอะไรไป มีใครรังแกลูกใช่ไหม”

 

 

           ส่ายหน้าอยู่ในอ้อมแขนของซูซาน ร่างกายของเธอสั่นเทาเล็กน้อย

 

 

           “เด็กดี ไม่ร้องนะ…” คลุกคลีกับฉู่เจียเสวียนมาตั้งนาน นี่เป็นครั้งแรกที่ซูซานเห็นฉู่เจียเสวียนร้องไห้

 

 

           เมื่อก่อนอยู่ที่ต่างประเทศสามปี วันเวลาที่ทรมานแบบนั้น ก็ไม่เคยเห็นเธอร้องไห้ ตอนนี้…

 

 

           เข็มนาฬิกาชี้ไปที่เลขสิบแล้ว นอกหน้าต่างสายลมราตรีพัดเอื่อย ทำให้กิ่งไม้และใบไม้สั่นไหวเล็กน้อย พวกมันส่งเสียงดัง ‘ซู่ซู่’

 

 

           ที่บ้านกง ขณะนี้คุณย่ากงกำลังนั่งอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก ถือโทรศัพท์อยู่ในมือ คุยสายกับกงจวิ้นฉือ

 

 

           “จวิ้นฉือ ฉู่เจียเสวียนผู้หญิงคนนั้นมีอะไรดี เขาไม่ยอมแต่งงานกับหลาน เขายังมีผู้ชายคนนั้นอยู่ในใจแน่ๆ หลานอย่าโง่ไปหน่อยเลยได้หรือเปล่า” เสียงที่โมโหและร้อนรนของคุณย่ากงดังก้องอยู่ในห้องรับแขก

 

 

           “คุณย่าครับ ดึกป่านนี้แล้วคุณย่ายังไม่นอน โทรมาหาผมเพราะตั้งใจบอกผมเรื่องนี้เหรอครับ”

 

 

กงจวิ้นฉือยกมือนวดคลึงคิ้ว น้ำเสียงเหนื่อยหน่ายเล็กน้อย

 

 

           “ไม่งั้นหลานนึกว่าย่าจะคุยกับหลานเรื่องอะไร วันนี้ย่าเรียกเขามากินข้าว บอกให้เขาแต่งงานกับหลาน เขากลับทำหน้าบึ้งออกไปซะงั้น ผู้หญิงแบบนี้หลานจะเอามาทำไม หลานเลิกกับเขาเถอะ”

 

 

           “ไม่มีทาง” กงจวิ้นฉือปฏิเสธคำพูดของคุณย่ากงออกไปโดยไม่คิด

 

 

           ฉู่เจียเสวียนคือผู้หญิงที่เขารักมาทั้งชีวิต เขาจะยอมแพ้ได้อย่างไร เขารอมานานขนาดนั้น ในที่สุดก็ได้คบกับเธอ เขาจะปล่อยไปได้อย่างไร

 

 

           “หลานอยากจะให้ย่าอกแตกตายใช่ไหม” ครั้งนี้คุณย่าไม่ยอมแล้ว แม้แต่น้ำเสียงก็ขึ้นสูงปรี๊ด

 

 

           “คุณย่า…” น้ำเสียงที่อ่อนล้าและจนใจของกงจวิ้นฉือเล็ดลอดมาทางโทรศัพท์ “คุณย่าครับ ผมจะแต่งงานกับเจียเสวียน ตอนนี้คุณย่าอยากให้ผมแต่งงานกับเขาไม่ใช่เหรอครับ ผมรับปากคุณย่าเป็นปีหน้าได้ไหม ปีหน้าผมจะแต่งงานกับเขา”

 

 

           ปีหน้าเธอก็น่าจะคิดได้อย่างชัดเจนแล้ว ระหว่างพวกเขามันยืดเยื้อนานเกินไปแล้วจริงๆ

 

 

           “ปีหน้า? จวิ้นฉือ ไม่เอาเขาไม่ได้เหรอ”

 

 

           “เขามีดีอะไร เมื่อก่อนเขาเป็นสะใภ้ของบ้านเผยนะ!” คุณย่ากงพูดไปพูดมาดวงตาก็เริ่มแดง

 

 

           “คุณย่าครับ คุณย่าเคยบอกว่าจะไม่เอ่ยถึงเรื่องนี้ ย่าก็ไม่ว่าอะไรแล้ว ตอนนี้เจียเสวียนเขาไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับบ้านเผยแล้ว” มองดูรูปถ่ายที่อยู่บนโต๊ะ กงจวิ้นฉือยิ้มขมขื่น

 

 

           ฉู่เจียเสวียนไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเผยหนานเจวี๋ยแล้วจริงเหรอ กงจวิ้นฉืออดไม่ได้ที่จะถามอยู่ในใจ

 

 

           “หึ ย่าว่าเขาไม่ได้รักหลานหรอก ไม่งั้นทำไมถึงไม่แต่งกับหลานล่ะ? จริงสิ เมื่อไรหลานจะกลับมา”

 

 

           “ยังไม่รู้ครับ น่าจะปลายเดือนมั้ง”

 

 

           “อ่อ เรื่องที่ย่าพูดไป หลานก็รีบเอาไปคิดด้วย เขาไม่ได้อยากเข้ามาบ้านกงของพวกเราตั้งแต่แรก ถ้าพวกหลานไม่รีบแต่งงาน ย่าก็ขอให้หลานรีบเลิกกับเขาซะ”