บทที่ 1650 - ตระกูลชีจากไปในทันที พุทธองค์ทองคําที่ดูมีเมตตา

Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล

บทที่ 1650 – ตระกูลชีจากไปในทันที พุทธองค์ทองคําที่ดูมีเมตตา

 

ที่ตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้คือผู้แพ้จะต้องประกาศต่อหน้าทุกๆคนว่าเขาไม่ใช่ผู้ชาย

 

ในตอนนั้นทั้งสองคนไม่เชื่อว่าพวกเขาจะแพ้และนั่นเป็นสาเหตุที่พวกเขาตกลงกัน ดังนั้นชี ยุนเหอจึงไม่คิดว่าเขาจะพ่ายแพ้ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยคราบเลือดและใบหน้าของเขาดูโกรธเกรี้ยวอย่างยิ่งในตอนนี้

 

เหลียนหลิงเฟิงมีสีหน้าที่ผิดหวังเพราะเขาคิดว่าจะได้ยินชีหยุนเหอพูดว่า “ข้าไม่ใช่ผู้ชาย” เมื่อดูสถานการณ์ในตอนนั้นเขาคิดว่าคงจะไม่ได้ยินคําพูดนี้แล้ว

 

“เข้าช่างหน้าหนาจริงๆ ยังเป็นผู้ชายอีกหรือไม่?” เหลียนหลิงเฟิงได้แต่ก่นด่าออกมา

 

ตระกูลชีส่งคนออกมาพยุงชีหยุนเหอออกไปขณะที่ประมุขตระกูลชีไม่ได้มีสีหน้าที่ดีนัก เมื่อมองไปยังเหลียนหลิงเฟิงเขาก็ไม่รู้ว่าใครที่ทําให้ร่างกายของชีหยุนเหอเป็นเช่นนั้นแต่เขารู้ว่าคนๆ นี้ต้องอยู่เบื้องหลังนายน้อยแห่งตระกูลเหลียน

 

ตระกูลเหลียนมียอดฝีมือที่อยู่เบื้อง? ใครกันที่อยู่เบื้องหลังเงามืดนี้? ภายในจักรวรรดิหิมะนิรันดร์มีเพียงตระกูลขุนนางเท่านั้นที่เหนือกว่าพวกเขาดังนั้นตระกูลชีจึงไม่สนใจผู้ใด

 

ประมุขตระกูลชีและผู้อาวุโสที่อยู่เบื้องก็พุ่งตรงเข้าไปหาเหลียนหลิงเฟิง แต่เขาก็ถูกผู้อาวุโสซี ฉีขวางเอาไว้และพูดกับประมุขตระกูลชีว่า “วันนี้เป็นแห่งความยินดีของชาน้อยท่านคิดจะทําอะ ไร?”

 

ในตอนนี้ผู้อาวุโสซีไม่ได้ตะโกนใส่ประมุขตระกูลชี เมื่ออีกฝ่ายไม่ไว้หน้าเขาเหตุใดเขาจะต้อง ไว้หน้าอีกฝ่าย? ผู้อาวุโสซีจีนั้นเป็นคนซื่อตรงและไม่เคยเอาเปรียบคนอื่น แต่เพราะวันนี้เป็นวันรื่น เริงเขาจึงไม่อยากที่จะสร้างความขุ่นเคืองไปมากกว่านี้

 

“ผู้อาวุโสซีฉี พวกเรามาวันนี้เพื่อจะมาขอแต่งงาน ท่านจะคิดเช่นไร?” ประมุขตระกูลชีพูดด้วยท่าทีที่ดูเหมือนสุภาพแต่เต็มไปด้วยความต้องการของตนเอง

 

ผู้อาวุโสซีจีนั้นรู้สึกโกรธแต่ก็ไม่ได้กล่าวอะไรออกมาแต่เป็นเหลียนหลิงเฟิงที่พูดออกมาว่า “วันนี้เป็นวันสําคัญของพวกเราและพวกเราไม่ต้อนรับท่าน ท่านควรกลับไปเองหรือไม่อย่างนั้นพวกเราก็จะโยนท่านออกไป”

 

คําพูดของเหลียนหลิงเฟิงนั้นดูยั่วยุเป็นอย่างมาก มีเพียงไม่กี่คนในจักรวรรดิหิมะนิรันดร์ที่กล้าพูดเช่นนี้ต่อประมุขของตระกูลชีตรงๆ แม้ว่าประมุขตระกูลชีจะมีความยับยั้งชั่งใจในตัวเองแต่คราวนี้ดวงตาของเขาหลงและในทันใดที่เขาก็ยื่นมือออกไปที่ใบหน้าของเหลียนหลิงเฟิง

 

“ข้าขอพูดอะไรหน่อย ท่านเองก็ชรามากแล้ว เหตุใดจึงเต็มไปด้วยอารมณ์ที่รุนแรงเช่นนี้? ข้าไม่เคยเห็นคนที่ไร้เหตุผลมีจุดจบที่ดีสักคน”

 

ชิงสุยยืนขึ้นและแม้ว่าจะไม่มีผู้ใดเห็นเขาขยับตัวแต่เขาก็ไปปรากฏตัวระหว่างประมุขตระกูลชี และเหลียนหลิงเฟิงทันทีพร้อมกับปล่อยหมัดออกไป!

 

ผั๊วะ!

 

ประมุขตระกูลชีกระอักเลือดออกมาและกระเด็นถอยไปในทันที ทุกๆอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วราวกับสายฟ้าและทุกๆต่างก็อยู่ในความตกตะลึง

 

ประมุขตระกูลชีนั้นทรงพลังอย่างยิ่ง เขาอยู่ในจุดสูงสุดของระดับพลังปราณบัญชาสวรรค์พินาจซึ่งกําลังจะเข้าสู่ระดับพลังปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ แต่เพียงแค่หมัดเดียวก็ทําให้เขาลงไปกองกับพื้นในตอนนี้

 

ไม่มีผู้ใดกล้าขยับตัวในตอนนี้ เมื่อชิงสุ่ยยิ้มออกมาและเดินออกไปนั้นผู้คนประมาณ 30 ก็ทําได้เพียงเดินถอยหลังกลับไป

 

“หอคอยจักรพรรดิคือบ้านของข้าและทุกๆคนที่อยู่ที่นี่ต่างก็เป็นพี่น้องของข้า ข้าเพิ่งกลับมาที่นี่ 3 วันแต่กลับมีคนมาก่อความวุ่นวายในบ้านของข้า พวกเจ้าคิดว่าข้าสังหารพวกเจ้าทั้งหมด ดีหรือไม่?”

 

คําพูดอันเย็นชาที่ชิงสุ่ยกล่าวออกมานั้นทําให้ทุกๆต่างก็ตกตะลึง

 

“ท่านผู้อาวุโส พวกเรามีตาหามีแววไม่ พวกเราผิดไปแล้ว โปรดยกโทษให้พวกเราด้วย” ประมุขตระกูลชีกล่าวออกมาแม้ว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บก็ตาม

 

ในตอนนี้การเอาชีวิตรอดนั้นสําคัญยิ่งกว่าการบาดเจ็บของเขา มันไม่สําคัญอีกต่อไปแล้วในตอนนี้ ตระกูลชีอาจจะต้องจบสิ้นลงไปในวันนี้

 

“เพียงแค่อยู่ในจุดสูงสุดของระดับพลังปราณบัญชาสวรรค์พินาจทไให้เจ้าคิดว่าอยู่เหนือกว่าผู้ ใดแล้วงั้นหรือหากเจ้าได้เข้าสู่ระดับพลังปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์เจ้าคงทําลายหอคอยจักรพรรดิของข้าไปแล้วใช่หรือไม่? เจ้าก็สุขสบายดีอยู่แล้วในเมืองจักรพรรดิ เหตุใดจึงมาที่เมืองหลินหาย? กระหายการต่อสู้งั้นหรือ? เมืองหลินหายอ่อนแอในสายตาของพวกเจ้าใช่หรือไม่?” ชิงสุ่ยเดินตรงเข้า ไปหาประมุขตระกูลชี

 

หน้าผากของประมุขตระกูลชีเต็มไปด้วยหงาดเงื่อในตอนนี้และเสื้อคลุมของเขาก็เต็มไปด้วยคราบเลือด เขากล่าวออกมาว่า “โปรดให้อภัยผู้ที่ผิดพลาดไปแล้วด้วยเถอะ เรื่องเช่นนี้จะไม่มีวันเกิดขึ้นอีก ข้าหวังว่าท่านผู้อาวุโสจะให้อภัยและเมื่องานเลี้ยงในวันนี้จบลงแล้วข้าจะมาที่นี่อีกครั้ง เพื่อขอโทษอย่างเป็นทางการ

 

“ในตอนแรกข้าคิดจะสังหารพวกเจ้าทั้งหมดแต่ประมุขของตระกูลเหลียนและผู้อาวุโสซีจี้ต่างก็ไม่อยากจะเห็นพิธีวิวาห์ที่เต็มไปด้วยเลือด แม่นางซีฉีก็ไม่อยากเห็นเลือด เมื่อเป็นเช่นนั้นข้าก็จะปล่อยพวกเจ้าไป แต่การจะปล่อยไปง่ายๆมันก็จะเป็นการใจดีเกินไปจริงหรือมไม่?” ชิงสุ่ยพูดออกมา

 

แม้ไม่ต้องถูกสังหารแต่ก็รู้สึกได้ว่าความตายกําลังจะมาถึงตนเอง ประมุขตระกูลชียื่นมือขวา ของเขาออกไปและฟาดลงไปบนแขนซ้ายของเขาทันที เสียงของกระดูกที่ดังออกมานั้นชัดเจนอย่างยิ่ง

 

คนอื่นๆของตระกูลชีก็รีบทําตามทันที ชิงสุ่ยพยักหน้าและโบกมือของเขาอย่างไม่สนใจใยดี

 

ตระกูลชีรีบถอยออกไปทันที

 

เหลียนหลิงเฟิงมองมาที่ชิงสุ่ยด้วยความยินดีและกล่าวว่า “พี่ชายของข้านั้นยังคงทรงพลังที่สุด”

 

“เอาหละ วันนี้เป็นวันแห่งความยินดี เราอย่ามาเสียอารมณ์กับเรื่องไร้สาระกันเลย ” ชิง สุยหัวเราะออกมา

 

หลังจากนั้นงานเลี้ยงยังคงดําเนินต่อไปอย่างราบรื่นและไม่มีใครกล้าสร้างปัญหาใดๆ สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้กลายเป็นประโยชน์ได้อย่างแปลกประหลาด ชื่อเสียงของหอคอยจักรพรรดิได้กระจายออกไปอีกครั้งในวันนี้

 

นอกจากนี้ตระกูลเหลียนและตระกูลซีฉีต่างก็ได้รับชื่อเสียงเช่นเดียวกัน ซึ่งผู้อาวุโสซีฉีก็ไม่รู้ ว่ามันเรื่องดีหรือเรื่องร้ายกันแน่ ต้นไม้ที่สูงที่สุดภายในปามักจะถูกโค่นไปก่อนเพื่อนหากพลังของตระกูลซีไม่ได้เพิ่มขึ้นไปพร้อมชื่อเสียงนี้ ย่อมไม่ใช่เรื่องที่ดีอย่างแน่นอน

 

ชิงสุ่ยมองไปยังผู้อาวุโสซีฉีที่กําลังครุ่นคิดอยู่และยิ้มออกมา “อย่ากังวลไปเลยท่านผู้อาวุโส หลิงเฟิงจะทรงพลังยิ่งขึ้นตระกูลซีฉีก็ด้วยเช่นกัน”

 

ตระกูลเหลียนนั้นย่อมต้องยินดีกับเหลียนหลิงเฟิง ตราบใดที่เขาทรงพลังยิ่งขึ้นตระกูลเหลียนก็จะทรงพลังยิ่งขึ้นด้วยเช่นกัน

 

เหลียนหลิงเฟิงนั้นย่อมก้าวเข้าสู่คําว่ายอดยุทธได้อย่างแน่นอนและชิงสุ่ยก็รู้สึกว่าชายผู้นี้จะเป็นที่หมายปองของหญิงสาวมากมาย หากเขาอยู่ในโลกก่อนหน้านี้ของชิงสุ่ยเขาจะเป็นชายหนุ่ม ที่ สูง หล่อ และรวย คงเป็นเรื่องแปลกมากกว่าที่หญิงสาวจะไม่ชื่นชอบเขา

 

วันปีใหม่ได้เข้ามาถึงอย่างรวดเร็ว ประมุขของตระกูลชีได้มาที่นี่ แขนของเขานั้นยังไม่ได้รับการรักษาและเพียงแค่ชิงสุ่ยมองไปที่เขาก็ทําให้เขาอยู่ในความหวาดกลัว

 

ชิงสุยรู้ดีว่าเขากําลังคิดอะไรอยู่ในตอนนี้ “ตระกูลของเจ้าไม่เป็นอะไรหรอก อย่ากังวลไปเลยพวกเราจะไม่ข้องเกี่ยวกับตระกูลของเจ้าอีก”

 

ความโล่งใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของประมุขตระกูลชในตอนที่เขารีบกล่าวขอบคุณอย่างรวดเร็ว “ขอบคุณท่านมาก เรื่องนี้ตระกูลของข้านั้นน้อมรับความผิดทุกประการ”

 

หลังจากที่เขากล่าวจบเขาก็มอบถุงแพรมิติให้แก่ชิงสุ่ย ชิงสุ่ยไม่ได้ปฏิเสธแต่อย่างใดและเขารู้ว่าของในถุงนี้คงไม่ใช่ของไม่ดีอย่างแน่นอน

 

เมื่อชิงสุ่ยตรวจสอบถุงแพรมิตินี้ สิ่งที่เขาได้เห็นนั้นก็ทําให้เขาต้องตกตะลึง

 

พุทธองค์ทองคําที่ดูมีเมตตา!

 

ชิงสุ่ยไม่เคยคาดคิดว่าจมันจะเป็นพุทธองค์ทองคําที่ดูมีเมตตา แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่ามันจะใช้ทําอะไรได้บ้างแต่ก็คงเกี่ยวกับการรักษา ไม่ต้องสงสัยเลยว่าตระกูลชีย่อมไม่รู้เรื่องนี้แม้ว่ามันจะถูกห่ อหุ้มไว้ด้วยจิตแห่งปราณก็ตาม

 

ชิงสุ่ยปิดถุงแพรลงและกล่าวว่า “ข้าไม่รู้ว่ามันใช้ทําอะไรได้บ้างแต่มันดูเหมือนจะเป็นพระพุทธรูป”

 

“เช่นนั้นข้าก็ไม่รบกวนท่านผู้อาวุโสอีกต่อไปแล้ว”

 

ชิงสุ่ยยอมรับความขอโทษของประมุขตระกูลและให้คํามั่นสัญญาว่าจะไม่ทําอะไรพวกเขา เพราะชิงสุ่ยรู้สึกว่าการทําเช่นนั้นก็คงไม่มีอะไรดีในตอนนี้

ชิงสุ่ยมองไปยังพุทธองค์ทองคําในมือของเขาและตรวจสอบด้วยเคล็ดวิชาเบิกเนตรสวรรค์

 

พุทธองค์ทองคําผู้มีเมตตา!

 

เมื่อรักษาผู้อื่นหรือตนเอง ผลของการเสริมความแข็งแกร่งให้แก่กล้ามเนื้อ กระดูก เส้นลมปราณ รวมไปถึงการบํารุงร่างกายจะได้รับผลเป็น 2 เท่า

 

เมื่อชิงสุ่ยได้เห็นเช่นนี้ก็ทําให้เขามีความสุข นี่เป็นสมบัติที่ยอดเยี่ยมอย่างยิ่ง มันจะทําให้เขาก ลายเป็นหมอเทวดาอย่างแท้จริง

 

เมื่อพุทธองค์ทองคําที่ดูมีเมตตานี้ได้ตกมาอยู่ในมือของชิงสุ่ยก็เหมือนได้อยู่ในมือของเจ้าของ ที่ถูกต้องไม่อย่างนั้นแล้วมันก็คงจะเป็นได้เพียงพระพุทธรูปที่เอาไว้ประดับตกแต่งเท่านั้น

 

วันสิ้นปีได้มาถึงและทั่วท้องถนนก็ประดับไปด้วยโคมไฟเต็มไปหมด ผู้คนมากมายได้มายัง หอคอยจักรพรรดิอย่างไม่ขาดสาย ชิงสุยและอ เหนียงนั้นดูมีความสุขอย่างยิ่ง เหล่าเด็กน้อยวิ่งเล่นไปตามถนนด้วยความยินดีที่ได้เงินและเสื้อผ้าชุดใหม่ ถานท่าย หลิงเยียนฉันชิงและแม้แต่ ซีฉีชาและหลิน เฟยก็ดูมีความสุขอย่างยิ่งกับบบรรยากาศในตอนนี้

 

หอคอยจักรพรรดิไม่ได้ปิดทําการเพราะว่ายังมีคนป่วยในช่วงปีใหม่ หมอที่นี่ยังคงรักษาผู้ปวยอยู่ตลอดเวลาดังนั้นหอคอยจักรพรรดิจึงยังคงเปิดทําการอยู่ไม่ว่าเวลาใดก็ตาม

 

เมื่อท้องฟ้าเริ่มมืดลงดอกไม้ไฟก็ถูกจุดขึ้นมา ในตอนนี้ท้องฟ้าเต็มไปด้วยสีสันสดใสของดอกไม้ไฟ หอคอยจักรพรรดิก็ได้เตรียมดอกไม้ไฟเอาไว้มากมายด้วยเช่นกัน

 

เสียงระฆังและประทัดในวันปีใหม่ดังขึ้นอย่างไม่หยุดก่อน ถานท้าย หลิงเยียนในตอนนี้นั้นดูงดงามยิ่งกว่าดอกไม้ไฟในยามค่ําคืน

 

เมื่อชิงสุ่ยหันกลับไปเขาก็เห็นรอยยิ้มอันงดงามท่ามกลางแสงของดอกไม้ไฟ ทําให้เขาเข้าสู่ภวังค์ในทันที รอยยิ้มของนางนั้นไม่ได้ดูโดดเดี่ยวอีกต่อไปแล้ว

 

ฉินชิงก็อยู่เคียงข้างเขาด้วยเช่นกันนางอยู่ในชุดสีขาวราวหิมะซึ่งทําให้ความงามของนางเฉิดฉายเป็นอย่างมาก นางเงยหน้าหน้าขึ้นมองดอกไม้ไฟบนท้องฟ้าเผยให้เห็นลําคอที่งดงามและเย้ายวนใจเป็นอย่างมาก

 

ชิงสุ่ยเดินออกไปพร้อมกับจับมือของพวกนางเอาไว้คนละข้างอย่างมีความสุข มันเป็นอีกหนึ่งปีที่เขามีความสุข

 

เหลียนหลิงเฟิงและซีฉีชา หยิน ต่งและหลิน เฟย เทียนยี่ เสวี่ย นิ้ว รวมไปถึงอวี่ เหนียงและ ลูกๆทั้ง 4 คนของนางต่างก็มีความสุขกับดอกไม้ไฟที่งดงามในตอนนี้

 

จนถึงเวลาเที่ยงคืนพวกเขาต่างก็กลับไปพักผ่อนและในวันรุ่งขึ้นเหลียนหลิงเฟิงและซีฉีชาได้กลับไปเยี่ยมบ้านเกิดในวันปีใหม่ ผู้คนจํานวนมากในเมืองหลินห่ายต่างก็มาเยี่ยมเยียนที่หอคอยจัก รพรรดิ ชื่อเสียงของชิงสุ่ยได้โด่งดังออกไปไกลในตอนนี้

 

แม้แต่ตระกูลเหลียนก็มาที่นี่ แม้ว่าเหลียนหลิงเฟิงและชิงสุ่ยจะมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน แต่ในครั้งนี้ชิงสุ่ยช่วยเหลือตระกูลเหลียนก็เพราะเขาเคารพผู้อาวุโสภายในตระกูลนี้โดยเฉพาะพ่อห อมเหลียนหลิงเฟิง

 

“ท่านลุง เดิมที่ข้าตั้งใจจะไปเยี่ยมเยียนท่านในวันปีใหม่แต่ข้านั้นไม่มีเวลาว่างเลย ข้าจะไปที่นั่นในอีก 2 วัน”

 

ประมุขตระกูลเหลียนนั้นยินดีต้อนรับเขาอย่างมีความสุข ไม่ใช่เพราะเหลียนหลิงเฟิง ชิงสุ่ยก็ถือว่าใกล้ชิดกับตระกูลของเขาอยู่แล้ว

 

ประมุขตระกูลเหลียนทราบเรื่องนี้ดี!