ตอนที่ 695

The Divine Nine Dragon Cauldron

695 – กระบี่ที่แผ่นหลัง

 

ซือหยูเลิกคิ้วเล็กน้อยแสงจางๆสะท้อนในดวงตาเขาไปครู่หนึ่ง

 

“เข้ามาข้าจะจัดการเจ้าสามคนเอง และข้าจะฆ่าเจ้าก่อน”

 

ซือหยูยืนมือไพล่หลังและแสยะยิ้มเมื่อมองไปยังศัตรูทั้งสามเขาจ้องมองไปที่เก้าศักดิ์สิทธิ์ยี่ซง ถึงเวลาแล้วที่เขาจะได้แก้แค้นกับเรื่องราวทั้งหมด

 

ห้าศักดิ์สิทธิ์ขมวดคิ้วเบาๆ

 

“อะไรกัน?ยี่ซง เจ้ารู้จักเขาด้วยรึ?”

 

ยี่ซงเริ่มโศกเศร้ากับอดีตที่ได้ทำกับซือหยูสีหน้าของเขาหม่นหมองลง

 

“ในอดีตเขาเป็นแค่มดปลวกเท่านั้น แต่เขาก็เติบโตมาจนมีตำแหน่งที่ยิ่งใหญ่ แต่ถึงพลังของเขาจะเพิ่มขึ้นมามาก จิตใจของเขาก็ยังไม่เติบโตเพราะคิดว่าจะต่อสู้กับท่านทั้งสองได้ด้วยตัวคนเดียว! เขามันโง่จริงๆ”

 

“อัตตาหนานัก!”

 

หกศักดิ์สิทธิ์ตะโกนอย่างเยือกเย็น

 

“แค่ข้าคนเดียวก็จัดการคนอวดดีอย่างมันได้แล้วไม่ต้องช่วยข้า”

 

แต่ห้าศักดิ์สิทธิ์กลับโบกมือปฏิเสธ

 

“เจ้าอย่าประมาทเด็กนี่เอาชนะทัพทมิฬได้ มันคงมีท่าพิเศษอยู่แน่ ถ้ามันกล้าสู้กับพวกเราคนเดียว เราจะประมาทเกินไปไม่ได้”

 

“ในการประลองนี้ยี่ซงจะช่วยพวกเราจากด้านข้าง ข้ากับเจ้าจะจู่โจมจากทั้งสองด้าน”

 

หลังจากที่พูดจบห้าศักดิ์สิทธิ์หันไปจ้องมองซือหยูและพูดช้าๆ

 

“ตามแผนเดิมของเราข้าจะต้องนำทัพใหญ่ไปโค่นทวีปเหนือ การเผชิญหน้าของเจ้ากับข้านั้นช้าไปจริงๆ”

 

ซือหยูแววตาเยือกเย็น

 

“เจ้าควรจะดีใจที่ไม่ได้มาทำสงครามกับข้ามิเช่นนั้นคนที่พูดกับข้าก็คงไม่ใช่เจ้า”

 

สิ่งที่เขาไม่ได้พูดก็คือ…ถ้าหากห้าศักดิ์สิทธิ์นำทัพในวันนั้นเขาก็คงจะตายไปแล้ว

 

“อย่างนั้นรึ?เช่นนั้นข้าก็โชคดีสินะที่ไม่ได้เห็นว่าเจ้าพันธมิตรผู้คุมสวรรค์แข็งแกร่งเพียงใด”

 

ห้าศักดิ์สิทธิ์แววตาคมกริบ

 

“เอาเลย…”

 

ทั้งสามหายไปทั้งหมดพุ่งเข้าใส่ซือหยู

 

ซือหยูจ้องไปที่ยี่ซงดวงตาที่ราวกับมีดวงดาราอยู่ภายในเย็นยะเยือกดั่งน้ำแข็ง ยี่ซงรู้สึกสั่นไปทั้งตัวเมื่อถูกมองด้วยสายตานั้น เขาอึดอัดใจอย่างมากราวกับถูกสัตว์ประหลาดกินคนจ้องมอง

 

แต่เขาก็เบาใจไปบ้างเมื่อเห็นผู้ศักดิ์สิทธิ์อีกสองคนที่หางตา

 

“เจ้าหนูเจ้าเกลียดข้าแล้วมันยังไงเรอะ? ถ้ามีท่านทั้งสองคนนี้อยู่ เจ้าก็ใส่ใจแต่ชะตาของเจ้าเองเสียเถอะ พอฆ่าเจ้าแล้ว ข้าจะไปจับนังผู้หญิงพวกนั้นอีก”

 

ซือหยูแววตาเยือกเย็นยิ่งกว่าเดิมเขาแสยะยิ้มอย่างชั่วร้ายที่มุมปาก

 

“หึหึข้าบอกแล้วว่าจะฆ่าเจ้าก่อน ต่อให้เป็นพระเจ้าก็ช่วยเจ้าไม่ได้!”

 

“เจ้าหนูเป็นห่วงตัวเจ้าเองก่อนเถอะ!”

 

เสียงตะโกนดังมาจากข้างหูของเขาเมื่อห้าศักดิ์สิทธิ์เข้าถึงตัวพลังชีวิตอันน่ากลัวที่เท้าของเขาย่ำลงไปที่อกของซือหยู

 

พร้อมกันนั้นหกศักดิ์สิทธิ์ที่เข้าจู่โจมทางด้านซ้ายได้ซัดกระบี่ไปยังหัวใจของซือหยู การจู่โจมนั้นเด็ดขาดและรวดเร็วปานสายฟ้า ทั้งคู่ไปถึงตัวซือหยูก่อนที่เขาจะโต้ตอบทันเสียอีก

 

เหล่าจ้าวแห่งความมืดเบิกตาโพลง

 

การต่อสู้…จบลงแล้วรึ?

 

มิใช่ว่าซือหยูตอบโต้ไม่ได้แม้แต่น้อยรึ

 

ซ่า!

 

เสียงเบาๆดังขึ้นร่างของซือหยูกลายเป็นเศษเสี้ยวและกระจายหายไปราวกับกลีบบุพผา

 

“ร่างปลอมรึ?แย่แล้ว ยี่ซง”

 

เมื่อห้าศักดิ์สิทธิ์จู่โจมซือหยูเขารู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกไปและต้องรีบหันไปมอง

หกศักดิ์สิทธิ์ชักสีหน้า

 

“ไอ้เด็กเจ้าเล่ห์!มันวางร่างปลอมไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”

 

ทั้งคู่หันไปมองรอบๆและพบว่ามีคนในร่างเพลิงปรากฏด้านหลังยี่ซงเงียบๆและดันฝ่ามือไปที่หัวใจของเขา ยี่ซงมีเพียงเวลาได้เหลือบมองใบหน้าอันเยือกเย็นที่อยู่ด้านหลังเท่านั้น

 

“ท่านสี่ศักดิ์สิทธิ์ช่วยเขาที”

 

ห้าศักดิ์สิทธิ์ทำได้แค่ขอความช่วยเหลือจากสี่ศักดิ์สิทธิ์ที่มองดูการต่อสู้อยู่ข้างๆ

 

แม้ว่าจะเป็นการฝ่าฝืนกฎแต่มันก็ดีกว่าเสียคนของตัวเองไป แต่สี่ศักดิ์สิทธิ์กลับยืนนิ่งไร้การเคลื่อนไหว แม้แต่สีหน้าของเขาก็ไม่แปรเปลี่ยน ราวกับว่าเขาเป็นเพียงรูปปั้น

 

“อ๊ากกก!”

 

อกของเก้าศักดิ์สิทธิ์ถูกหมัดเพลิงทะลวงจนทะลุไปอีกด้านแม้กระนั้น สี่ศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่ได้ทำอะไรหรือเปลี่ยนสีหน้าเลย

 

ฟึ่บ!

 

แสงส่องประกายร่างของสี่ศักดิ์สิทธิ์จางหายเป็นฝุ่นผง

 

“นั่นมันร่างเงาของท่านสี่ศักดิ์สิทธิ์”

 

ห้าและหกศักดิ์สิทธิ์ตกตะลึงเพราะสี่ศักดิ์สิทธิ์ที่ทิ้งร่างเงาเอาไว้จะต้องไม่อยู่ที่นี่เลย

 

“เป็นอย่างที่ร่างจริงของข้าพูดจริงๆ…สี่ศักดิ์สิทธิ์แค่จัดฉากการประลองเพื่อยื้อเวลา”

 

ร่างปลอมสีเพลิงมองดูเก้าศักดิ์สิทธิ์ที่หมดลมหายใจขณะลืมตาเขาดึงหมัดเพลิงกลับ

สถานการณ์ที่พลิกผันทำให้เหล่าจ้าวแห่งความมืดงุนงง

 

“ถ้าซือหยูทิ้งร่างปลอมไว้สองร่างแล้วเขาไปอยู่ที่ไหนล่ะ?”

 

จ้าวหนึ่งใจเต้นแรง

 

หลังจากที่พูดว่าเขาจะสู้กับผู้ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามตามลำพังซือหยูได้ทิ้งไว้เพียงแต่ร่างปลอม พวกเขาไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับห้าและหกศักดิ์สิทธิ์ยังไง!

 

คนเดียวที่พอจะต่อสู้ได้ก็คือจ้าวสองที่เป็นภูติระดับห้าแต่เขาก็อ่อนแอกว่าห้าศักดิ์สิทธิ์! ดังนั้นจ้าวสองจึงต่อสู้ไม่ได้แม้จะไม่มีหกศักดิ์สิทธิ์อยู่ด้วย ความต่างในด้านพลังเช่นนี้ พวกเขาจะต้องถูกบดขยี้อยู่ฝ่ายเดียวแน่นอน

 

“เขาไปแล้ว…”

 

ร่างปลอมตอบอย่างใจเย็น

 

จ้าวหนึ่งรู้สึกว่าสิ่งรอบข้างมืดหม่นลงเขาแทบจะเป็นลม

 

“ซือหยูเจ้าทำลายพวกเราจริงๆ…”

 

เขาพูดเบาๆ

 

ถ้าซือหยูไม่หัวแข็งและร่วมมือกับพวกเขาพวกเขาก็อาจจะเอาชนะศัตรูทั้งสามได้ แต่ตอนนี้ซือหยูหนีไปตั้งแต่การต่อสู้จะเริ่มขึ้น ซือหยูทิ้งให้พวกเขาอยู่กับพวกต่างโลกตามลำพัง! ถ้าหากคิดให้ดี พวกเขาถูกซือหยูทำแบบนี้มาสองครั้งแล้ว!

 

“ร่างหลักของข้าวางแผนทุกอย่างไว้อย่างดีเจ้าจะเศร้าไปทำไม”

 

ร่างปลอมสีโลหิตเพลิงพุ่งไปหาห้าศักดิ์สิทธิ์ดั่งสายฟ้า

 

“ร่างหลักของข้าทำเรื่องที่เจ้าจะต้องแปลกใจก่อนจะออกไปจากที่นี่ไว้ด้วยเขาตั้งใจจะส่งของขวัญนั้นกับเจ้าตอนที่เจ้ามาทวีปเหนือ แต่มันก็ยื้อมาจนถึงตอนนี้ แต่มันก็ยังไม่สายไป จงลิ้มรสมันซะเถอะ”

 

เมื่อเขาพูดเขามองไปยังหกศักดิ์สิทธิ์และสูดหายใจเข้าลึก

 

“โอรสสวรรค์จ้องนภา…คุมวิญญาณ…เริ่มได้!”

 

เขาตะโกน

 

หกศักดิ์สิทธิ์ดูสับสนในใบหน้าพร้อมกันนั้น แววตาของเขาได้หายลับไป ตอนนี้เขาไม่ต่างจากหุ่นเชิด!

 

ฟึ่บ!

 

หกศักดิ์สิทธิ์หันไปและแทงกระบี่ไปยังห้าศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ข้างๆเสียงกรีดร้องของห้าศักดิ์สิทธิ์ดังก้องก้นบึ้งมังกรเมื่ออกของเขาถูกแทงทะลุ

 

“เจ้าทรยศพวกข้าเรอะ?ไม่สิ…เจ้าถูกควบคุม…”

 

ห้าศักดิ์สิทธิ์เป็นภูติระดับห้าแม้ร่างของเขาจะถูกกระบี่แทงทะลุ แต่มันก็ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต

 

เขาเอามือปิดปากแผลที่โลหิตไหลและรีบถอยออกมาเขามองหกศักดิ์สิทธิ์ที่เสียความรู้สึกนึกคิด เขาทั้งตกใจและสับสน…

 

ตลอดมาข้าอยู่กับหกศักดิ์สิทธิ์มาตลอด ทำไมข้าไม่รู้เล่าว่าเขาถึงถูกควบคุมอยู่?

 

เขาไม่รู้ว่าซือหยูได้สร้างผนึกในตัวหกศักดิ์สิทธิ์ไว้ล่วงหน้าโดยที่เขาไม่รู้ตัว!และผนึกในร่างนั้นยังใช้งานได้ดั่งใจคิด และพอถึงตอนนั้น สติของหกศักดิ์สิทธิ์จึงถูกชิงเอาไปและต้องทำตามคำสั่งซือหยูทุกอย่าง

 

การคุมวิญญาณของโอรสสวรรค์จ้องนภาจะทำให้ซือหยูควบคุมคนที่พลังไม่เหนือกว่าเขาเกินกว่าหนึ่งขอบเขตและเขาก็ใช้มันกับหกศักดิ์สิทธิ์! เขาใช้มันเพื่อรอเก็บไว้เป็นไพ่ตายตอนที่ห้าศักดิ์สิทธิ์จะนำทัพมาทำสงคราม แต่เหตุกลับไม่เป็นเช่นนั้นเพราะห้าศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่ก้นบึ้งมังกรตลอดมา

 

“คนตายอย่างเจ้าจะรู้ไปทำไมกัน?”

 

ร่างเทียมเพลิงพูดอย่างเยือกเย็นก่อนจะมองเหล่าจ้าวแห่งความมืดด้วยหางตา

 

“ข้าจะทิ้งเรื่องที่เหลือให้พวกเจ้าจัดการถ้าพวกเจ้าฆ่าห้าศักดิ์สิทธิ์ที่เจ็บหนักเช่นนี้ไม่ได้ พวกเจ้าก็ทุบตำหนักเจ็ดจ้าวทิ้งไปซะเถอะ ลาก่อน”

 

เหล่าจ้าวแห่งความมืดตกตะลึงพวกเขารู้สึกละอายใจเมื่อรู้ว่าซือหยูได้วางแผนทุกสิ่งเอาไว้แล้ว

 

เขาดูเหมือนกับเด็กหนุ่มไร้เดียงสาเมื่อมองจากภายนอกแต่ตอนนี้ แม้แต่จ้าวหนึ่งก็หน้าแดงด้วยความอับอาย

 

จ้าวหยึ่งลังเลก่อนจะพูดช้าๆ

 

“ขอถามเจ้าได้หรือไม่…เจ้าพันธมิตรซืออยู่ที่ไหนกัน?”

 

ร่างปลอมเพลิงตอบอย่างใจเย็น

 

“เขาอยู่ที่ปลายรอยแยกมิติร่างหลักบอกให้พวกเราออกจากก้นบึ้งมังกรโดยเร็ว เพราะทุกอย่างยังไม่จบ”

 

ทุกคนประทับใจอย่างมากเมื่อมองร่างปลอมที่กำลังจางหายไปดูเหมือนว่าพวกเขากำลังคิดถึงชายหนุ่มที่ยืนอยู่เพียงลำพังบนหน้าผา และพยายามช่วยพวกเขาจากวิกฤติครั้งใหญ่

 

“มาสู้กันเถอะ!ไม่ต้องออมมืออีกแล้ว”

 

ความรู้สึกต่างๆเอ่อล้นจากจ้าวหนึ่งเขาละสายตาจากร่างปลอมไปยังศัตรู

 

ภูติระดับห้าของศัตรูบาดเจ็บหนักในขณะที่ฝั่งพวกเขายังมีจ้าวสองที่เป็นภูติระดับห้าและหุ่นเชิดมนุษย์ที่เป็นภูติระดับสี่ง่ายดายนักที่พวกเขาจะสังหารศัตรู

 

ทั้งสองฝั่งเริ่มต่อสู้กันทหารฝั่งศัตรูพ่ายแพ้ไปหลายคน การต่อสู้ได้พลิกผันและจบลงในไม่นาน ทหารทัพทมิฬที่เหลือถูกสังหารตายหมด

 

ห้าศักดิ์สิทธิ์ที่ผมกระเซิงและปากเต็มไปด้วยโลหิตมองดูผลของการต่อสู้เขามีบาดแผลอีกหลายแห่งบนร่าง พลังชีวิตของเขายุ่งเหยิงอย่างควบคุมไม่ได้ ดูเหมือนเขาใกล้จะหมดลมหายใจ

 

ส่วนฝั่งจ้าวแห่งความมืดจ้าวสองนั้นเจ็บหนักขณะที่หกศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกควบคุมแทบจะเอาชีวิตไม่รอด ทั้งร่างของเขามีแต่บาดแผล

 

“สมกับเป็นห้าศักดิ์สิทธิ์”

 

จ้าวสองกระอักไม่หยุดความตกตะลึงนั้นฉาบอยู่ในแววตา แม้เขาจะต่อสู้กับห้าศักดิ์สิทธิ์แค่คนเดียว เขาก็บาดเจ็บอย่างรุนแรง

 

“แต่…ห้าศักดิ์สิทธิ์เอ๋ยมันจะจบเดี๋ยวนี้แหละ”

 

จ้างสองกัดฟันศัตรูของเขาเหนื่อยล้าเต็มทน เขาเพียงแค่ต้องจู่โจมอีกครั้งเดียว

 

ห้าศักดิ์สิทธิ์เริ่มตัวสั่นแววตาของเขาที่ถูกเส้นผมปกปิดแดงดั่งโลหิต เขามองคนฝั่งเฉินหลงและมองไปยังหกศักดิ์สิทธิ์ที่ตอนนี้เป็นหุ่นเชิด

 

เขาพูดอย่างโศกเศร้า

 

“ข้ามีชื่อเสียงและความสำเร็จมากนักจากการเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์แต่ข้าต้องมาตกอยู่ในสภาพนี้ ข้าไม่ได้พ่ายแพ้เพราะพวกเจ้า แต่กลับเป็นเพราะไอ้เด็กเวรนั่น! ต่อให้เป็นผี ข้าก็จะไม่ปล่อยมันไป!”

 

เขาตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยวเขามองไปยังทิศทางของซือหยูและบินเข้าไป ดูเหมือนว่าเขาต้องการให้ซือหยูตายไปกับเขา

 

“หยุดมัน!”

 

จ้าวหนึ่งตะโกน

 

จ้าวสองพยายามเข้าไปขวางห้าศักดิ์สิทธิ์ในตอนนี้แววตามีแต่ความบ้าคลั่ง

 

“ไสหัวไป!ไอ้พวกมดปลวกไร้ค่าเอ้ย”

 

เขาอ้าปากปล่อยหมอกโลหิตมันกลายเป็นค้างคาวสองตัว ค้างคาวสองตัวนั้นเข้าไปพยุงร่างเขาจากทั้งสองด้าน ไม่นานเขาก็หายตัวไปในพริบตา

 

เพราะอย่างไรเขาก็เป็นองครักษ์เงาทมิฬจากจิวโจววิชาลับที่ใช้หนีที่เขามีนั้นมิใช่สิ่งที่คนเฉินหลงจะเทียบได้ จ้าวสองกับคนอื่นไล่ตามไม่ได้เลย พวกเขาคลาดสายตาจากห้าศักดิ์สิทธิ์