“ที่นั่งที่ดีที่สุดอยู่ตรงไหน?”
เฉินเฉินลูบหัวเจ้าอสูรจิ้งจอกสองหางด้วยท่าทีสบายๆ ใบหน้าของเขาเยือกเย็นและสงบนิ่ง
เจ้าหน้าที่เริ่มคิดอะไรบางอย่างในหัว แต่ในท้ายที่สุดก็ไม่ได้พูดออกมา ที่นั่งที่ดีที่สุดที่พวกเขามีอยู่ที่ชั้นบนสุด แต่พวกเขาสงวนเอาไว้สำหรับคุณหนูของจริง แค่มีเงินอย่างเดียวไม่สามารถขึ้นไปนั่งได้
อย่างไรก็ตาม คุณชายที่อยู่ตรงหน้าเขาดูเหมือนกับคุณชายทั่วๆไปมากกว่าคุณชายของจริง
“อะไร? สถานที่เล็กๆแบบนี้จำเป็นต้องยืนยันตัวตนก่อนจะเข้าไปด้วยหรอ?” ริมฝีปากของเฉินเฉินเผยอขึ้น ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเสียดสี
เมื่อเห็นปฏิกิริยาของเฉินเฉิน เจ้าหน้าที่ก็คิดคำตอบได้ “คุณชายครับ เชิญตามข้าไปที่ชั้นบนเถิด มีคุณชายและคุณหญิงจากรัฐจี่อยู่ที่นั่น น่าจะมีคนที่ท่านรู้จักอยู่ด้วย”
“เห้อ ข้าไม่รู้จักพวกนั้นหรอก”
เฉินเฉินพูดต่ออย่างเป็นธรรมชาติ
ในตอนนี้เจ้าหน้าที่พิจารณาคำพูดของเขาอย่างระมัดระวัง และตระหนักได้ถึงความหมายที่สื่ออยู่เบื้องหลังคำขอของเขา เฉินเฉินไม่ได้อยากไปยุ่งเกี่ยวกับคุณชายคุณหญิงของรัฐจี่ ซึ่งข้อพิสูจน์นี้ทำให้เขาประหลาดใจมากๆ
หรือว่าคุณชายผู้นี้จะมาจากเมืองหลวง?
เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้นี้ ความหวั่นเกรงก็เติบโตขึ้นในใจของเจ้าหน้าที่
…
ครู่ต่อมา ทั้งกลุ่มก็ไปถึงชั้นบนสุดของหอลมใบไม้ผลิในที่สุด
ที่ชั้นบนสุด มีห้องสูทจัดเรียงรายอยู่หลายห้องและมีโถงใหญ่อยู่หนึ่งโถง ณ ตอนนี้ โถงใหญ่นั้นเต็มไปด้วยคุณหนูที่แต่งตัวด้วยชุดเลิศหรู
“จัดโต๊ะให้แขก VIP กลุ่มนี้ด้วย!”
เจ้าหน้าที่พูดกับพนักงานบริการที่ชั้นบนสุดด้วยสีหน้าจริงจัง
“พวกเขาเป็นใครหรอครับ?” พนักงานบริการถามด้วยความสงสัย
“อย่าถามเรื่องที่ไม่จำเป็นต้องรู้จะดีกว่า เอาเป็นว่าพวกเขาคือแขก VIP!”
ในส่วนของที่มาที่ไปของคนกลุ่มนี้หน่ะหรอ? ข้อมูลนั้นคงมีแค่พระเจ้าที่รู้ งานของคนงานมีแค่หลีกเลี่ยงการไปยั่วโมโหกลุ่มคนผู้ทรงเกียรตินี้
เจ้าหน้าที่จำใส่ใจเอาไว้อย่างเงียบๆ
“ได้ครับ แต่ว่า พวกเรามีกฎห้ามนำสุนัขเข้ามาที่นี่ ถ้าท่านต้องการรับประทานอาหารที่ชั้นบนสุด รบกวนฝากสุนัขของท่านให้พวกเราดูแลได้ไหมครับ?” พนักงานชี้ไปที่อสูรจิ้งจอกที่เฉินเฉินกำลังอุ้มอยู่อย่างระมัดระวัง
เมื่อได้ยินคำว่าสุนัข ดวงตาของอสูรจิ้งจอกก็ลุกไหม้ด้วยความโกรธ อย่างไรก็ตาม พอนึกถึงคำเตือนของเฉินเฉิน มันก็ทำได้แค่เงียบต่อไป
“สุนัขอะไร? นี่คือสุนัขศักดิ์สิทธิ์อักกราอิสโร ในแง่ของราคา เจ้าขายโรงเตี๊ยมทั้งหลังนี่ก็ยังซื้อจากข้าไปไม่ได้เลย เจ้ายังกล้าเอามันไปดูแลแทนข้าอีกหรอ?
“เห็นไหม! พอถูกกล่าวหาว่าเป็นแค่สุนัขธรรมดามันก็หงุดหงิดแล้ว ดูดวงตาของมันสิ”
เฉินเฉินโวยวายอีกครั้ง และสร้างความสับสนให้พนักงานบริการอย่างเต็มที่
อย่างไรก็ตาม พนักงานบริการตกตะลึงกับการแสดงอารมณ์เหมือนมนุษย์ที่เจ้าสุนัขแปลกๆนี่แสดงออกมาจริงๆ
เขาเคยเห็นสัตว์เลี้ยงมามากมายแล้ว แต่ไม่มีตัวไหนที่แสดงสติปัญญาเช่นนี้ออกมา
“เข้าใจแล้วครับท่านแขกผู้ทรงเกียรติ โปรดตามข้ามาเถอะครับ”
พนักงานบริการไม่มีทางเลือกนอกจากพากลุ่มของเฉินเฉินไปยังสถานที่ที่ห่างไกลจากฝูงชน ซึ่งอยู่ใกล้กับหน้าต่าง
เฉินเฉินและจางจีนั่งที่โต๊ะนึง ส่วนคนดูแลม้าและคนคุ้มกันนั่งอีกโต๊ะนึง
ในตอนที่พวกเขานั่งลง พนักงานบริการก็หยิบเมนูออกมาแล้วพูด “ท่านอยากจะสั่งอะไรดีครับ? ชุดอาหารที่แพงที่สุดที่โรงเตี๊ยมของเรามีนั้นเสนอราคาอยู่ที่สองพันตำลึงเงิน ประกอบไปด้วยสามสิบเมนูอาหารซึ่งทำมาจากวัตถุดิบชั้นยอดครับ….”
เฉินเฉินแทบจะไม่ได้ตอบสนองอะไรกับราคาสองพันตำลึงเลย อย่างไรก็ตาม คนคุ้มกันและคนดูแลม้าเริ่มตัวสั่น เสียงรบกวนที่เกิดจากโต๊ะที่สั่นนั้นได้ยินไปทั่วทั้งโถง
เงินสองพันตำลึงเงินต่อหนึ่งชุดอาหารมันมากแค่ไหนหน่ะหรอ? ตระกูลจาง หนึ่งในสามตระกูลที่ใหญ่ที่สุดของมณฑลเสฉวน สามารถซื้อชุดอาหารพวกนี้ได้อย่างมากที่สุดก็ยี่สิบชุด แล้วตลอดทั้งชีวิตของพวกเขาพวกเขาจะเคยเห็นฉากแบบนี้ไหมหล่ะ? แน่นอนว่าไม่อยู่แล้ว
พนักงานบริการรู้สึกสับสนอย่างเต็มที่กับการตอบสนองนี้
ณ จุดนี้ เฉินเฉินได้พูดขึ้นมาอย่างกะทันหัน “ไม่จำเป็นต้องโมโหไปหรอก พวกเราออกจากบ้านมาก็ต้องรู้จักยอมอะลุ่มอล่วยซะบ้าง แม้ว่าสองพันตำลึงเงินต่อหนึ่งชุดอาหารจะค่อนข้างถูก แต่พวกเราอาจจะได้เจอสิ่งที่น่าประหลาดใจเป็นพิเศษในสถานที่ห่างไกลเช่นนี้ก็ได้”
สีหน้าของคนคุ้มกันและคนดูแลม้าเริ่มกระตุกอย่างไม่สามารถควบคุมได้
ท่านเฉินเป็นคนที่คุยโวได้เก่งจริงๆ!
ด้วยเศษเสี้ยวของความเฉลียวฉลาด คนคุ้มกันคนนึงก็พูดออกมาในที่สุด “สำหรับพวกเราจะกินอะไรก็ได้ครับ แต่พวกเราแค่เป็นห่วงว่าท่านจะได้รับการปฏิบัติที่ไม่เหมาะสม”
เมื่อได้ฟังเช่นนี้ เฉินเฉินก็ทำหน้าเหมือนกำลังประเมินราคา แล้วมองกลับไปที่พนักงานบริการ
“พวกเราจะยอมอะลุ่มอล่วย ขอเป็นชุดอาหารที่แพงที่สุดสองชุดที่เจ้ามีก็แล้วกัน”
“สนใจรับเครื่องดื่มเป็นอะไรดีครับ?”
พนักงานบริการยังคงมีสีหน้าจริงจัง สายตาของเขาเต็มไปด้วยความหวั่นเกรงในขณะที่มองเฉินเฉิน
คนแบบไหนกันที่เรียกชุดอาหารราคาสองพันตำลึงว่า ‘อะลุ่มอล่วย’?
นี่ยังไม่รวมถึงความจริงที่เขาสั่งชุดอาหารนี้ให้กับคนรับใช้ของเขาด้วย พนักงานบริการเคยเห็นคนรวยมาก่อน แต่ไม่เคยเห็นใครรวยขนาดนี้เลย
“เครื่องดื่มไม่ต้องหรอก ถึงยังไงก็คงจะไม่มีเครื่องดื่มดีๆอยู่แล้ว จางจีไปเอาไวน์คุณภาพดีของข้าที่อยู่ในรถม้ามาให้หน่อยสิ”
“เอ่อ… ครับพี่!”
จางจียังอยู่ในสภาพสับสน เขาตอบรับคำสั่งอย่างมึนงง แล้วลงไปจากชั้นบนสุด
เขารู้จัก ‘ไวน์คุณภาพดี’ ที่เฉินเฉินพูดถึง มันคือน้ำแร่ แม้ว่ามันจะเป็นแค่น้ำ แต่มันก็ทำให้สดชื่นขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ
ตอนนี้จางจีก็รู้สึกว่าเขาต้องการน้ำดื่มนั่นเหมือนกัน เนื่องจากการคุยโวของเฉินเฉินสร้างความตกตะลึงให้เขาจริงๆ และเขาก็ยังสับสนอยู่เลย
“พี่ใหญ่เป็นคนที่ยอดเยี่ยมจริงๆ! ไม่เพียงแค่จะมีระดับการฝึกตนที่สูง แต่เขายัง….”
“มีความสามารถในการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนที่พูดได้เลยว่าทั้งลื่นไหลและยอดเยี่ยม! เขาคือต้นแบบของคนในรุ่นของพวกเรา!”
…
หลังจากที่จางจีลงไปจากชั้นบนสุด เฉินเฉินก็เริ่มสังเกตดูรอบๆ
มีชุดอาหารจัดอยู่ในห้องโถงนี้ประมาณสิบโต๊ะ และแค่การแต่งกายเพียงอย่างเดียวก็บอกได้ถึงความแตกต่างของชนชั้นอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม เฉินเฉินรู้สึกว่าทุกคนกำลังพุ่งความสนใจไปที่ผู้หญิงคนนึงที่อยู่ทางซ้าย
ด้วยประสาทสัมผัสที่คมกริบของเขา เขาได้ยินทุกอย่างที่พวกเขากำลังคุยกันอยู่
“ท่านหญิงมู่หลง ข้าได้ยินเกียรติศัพท์ของท่านมานานแล้วตั้งแต่ตอนที่ข้ายังอยู่ในรัฐพยัคฆ์บิน และวันนี้พอได้มาเห็นท่านกับตานั้น ข้าพูดได้เลยว่าสมคำร่ำลือจริงๆ!”
“ท่านหญิงมู่หลง ท่านพ่อของข้าเคยได้รับเกียรติทำงานร่วมกับท่านพ่อของท่าน ข้าอยากรู้ยิ่งนักว่าข้าจะได้รับสิทธิ์ในการเดินทางร่วมกับท่านหญิงรึเปล่า?”
“ท่านหญิงมู่หลงได้รับการคัดเลือกจากสำนักเทียนหยุนตั้งแต่เนิ่นๆ เธอจะต้องเป็นผู้อาวุโสของพวกเราในอนาคตแน่ๆ! ข้าขอชนแก้วให้แก่ว่าที่ผู้อาวุโสของพวกเรา!”
…
ครู่ต่อมา เฉินเฉินก็เข้าใจสถานการณ์ในที่สุด
ผู้หญิงที่ถูกทุกคนรายล้อมอยู่นี้ดูเหมือนจะได้รับเลือกจากสำนักเทียนหยุนตั้งแต่เนิ่นๆ เหมือนกับจางจี อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงคนนี้ดูแข็งแกร่งกว่าจางจีมาก
จากคำพูดของคนอื่นๆ ผู้หญิงคนนี้สามารถเข้าสำนักเทียนหยุนได้โดยตรงโดยไม่ต้องมาทดสอบที่รัฐจี่ก็ได้
อย่างไรก็ตาม เธอปฏิเสธเนื่องจากปัญหาบางอย่างในครอบครัว และเดินทางตัวคนเดียวมาเข้ารับการทดสอบของสำนักเทียนหยุนที่รัฐจี่แทน
ที่สำคัญกว่านั้น ผู้หญิงคนนี้ยังมีพื้นเพที่ไม่ธรรมดา—ลูกสาวคนเดียวของเจ้าเมืองใหญ่แห่งนึง—และยังมีเซียนคอยคุ้มกันเธอไปจนถึงจี๋โจวด้วย
เมื่อนำเรื่องทั้งหมดนี้มาประติดประต่อเข้าด้วยกันก็ทำให้เข้าใจว่าพวกคุณหนูกลุ่มนี้คงจะพยายามประจบเธอ เพื่อความสะดวกในตอนที่อยู่สำนักเทียนหยุนในอนาคต หรือไม่ก็เพื่อให้ได้รวมกลุ่มไปที่รัฐจี่
อย่างไรก็ตาม ท่านหญิงมู่หลงคนนี้ดูจะไม่สนใจคนพวกนี้เลย เธอยังคงนั่งนิ่ง และตอบโต้กลับไปอย่างขอไปที
“เอาแบบนี้เป็นไง? ข้าจะสอนวิชาลับในการทำให้ผู้หญิงคนนั้นตกหลุมรักเจ้า และเจ้าก็ปล่อยข้าไปเป็นการแลกเปลี่ยน”
หูเซียงเอ๋อ อสูรจิ้งจอกเสนอกับเฉินเฉินด้วยเสียงที่แทบจะไม่ได้ยินเนื่องจากถูกรัดตรงช่วงคอเอาไว้แน่นจากการกอด
“เจ้าคิดว่าข้าเป็นใครกัน!? ถ้าเจ้ายังพูดอะไรออกมาอีก คืนนี้เจ้าจะได้ที่รักสิบตัวแน่!”
สีหน้าของเฉินเฉินดูนิ่งเฉยในขณะที่เขาตำหนิอย่างเงียบๆ
เจ้าอสูรกำลังล้อเล่นอะไรอยู่? ถ้าเฉินเฉินสนใจในตัวผู้หญิง เขาจำเป็นต้องใช้ ‘วิชาลับ’ ด้วยหรอ?
เจ้าอสูรนี่กำลังสบประมาทเขาอยู่!
“ระบบ ใครคือคนที่หล่อที่สุดในรัศมียี่สิบเมตรกัน?”
“แปดเมตรตรงหน้าท่าน…”
“พอได้แล้ว เงียบไปเลย ข้าถามผิดเองหล่ะ” เฉินเฉินพูดขัด ในขณะที่จ้องไปยังลูกคุณหนูหน้าตาดีที่อยู่ไม่ไกลนัก
หล่อแล้วยังไงหล่ะ? จุดสำคัญคือเสน่ห์ต่างหาก!
“ที่รักอะไรกัน?” อสูรจิ้งจอกรู้สึกสงสัยอย่างเต็มที่ ดังนั้นมันจึงถามออกมา
“หมาที่อยู่ในช่วงตกมันอย่างเต็มที่ หมาที่ยอมผสมพันธุ์แม้กระทั่งกับท่อนไม้”
อสูรจิ้งจอกเงียบไปในทันทีที่ได้ฟังคำตอบของเฉินเฉิน
ทันใดนั้นเอง เฉินเฉินก็เริ่มส่งเสียงฮึดฮัด แล้วมองกลุ่มชายหญิงที่แต่งตัวดูดี แล้วถอนหายใจเงียบๆ
มีสมบัติมากมายฝังอยู่ในโลกใบนี้โดยไม่มีใครพบเจอ ซึ่งสาเหตุหลักๆก็คงเพราะขาดความสามารถในการแยกแยะพวกมัน
เหมือนกับเขา ว่าที่ผู้อาวุโสผู้ยิ่งใหญ่ของทุกคนที่มีคุณสมบัติเหมาะสมในการเข้าสำนักเทียนหยุนครบทุกข้อ กำลังถูกเมินเฉยอยู่ที่มุมห้องโถง ณ ตอนนี้
ใครสามารถอธิบายได้บ้าง?