ตอนที่ 697

The Divine Nine Dragon Cauldron

697 – หุ่นเชิดสังหาร

 

สี่ศักดิ์สิทธิ์ตกตะลึงเขารีบปกป้องร่างกายตัวเองด้วยพลังชีวิต พร้อมกันนั้นเขายังรีบสร้างโล่สีอำพันในมือที่ทรงพลังกว่าครั้งแรก

 

ปั้ง!

 

ทุกอย่างที่ลำแสงโลหิตผ่านถูกทำลายสิ้นมันระเบิดโล่สีอำพันจนสิ้นซาก สี่ศักดิ์สิทธิ์ครางด้วยความเจ็บยปวด โลหิตของเขาไหลออกมาจากปากมากยิ่งกว่าเดิม ดูเหมือนว่าเขาจะบาดเจ็บหนัก

 

หยูฉิวฮั่นบอกว่านี่เป็นหุ่นเชิดที่จัดการกับภูติระดับกลางได้ทุกคนมันสังหารสี่ศักดิ์สิทธิ์ได้แน่นอน ซือหยูใช้ความได้เปรียบพุ่งไปที่รอยแยกมิติ เขามองมันด้วยเนตรวิญญาณและพบว่ามันคือก้อนพลังมิติที่กำลังสับสนวุ่นวาย

 

และพลังแห่งความตายที่ดูดกลืนพลังชีวิตเข้าไปก็กำลังพุ่งเข้าไปหามันดูเหมือนว่าพลังเหล่านั้นจะทำให้รอยแยกมิตินี้ขยายขนาด

 

“รอยแยกมิติรึ?”

 

ซือหยูพยักหน้าเขารู้แล้วว่ามันคืออะไร

 

รอยแยกมิติมีพลังที่ปั่นป่วนเพราะว่ามันกำลังขยายขนาดตอนนี้คือช่วงที่อ่อนแอที่สุดของมัน เขาเพียงแค่หยุดใส่พลังลงไปเท่านั้น จากนั้นมันก็จะหยุดขยายตัวและแตกสลายไปเอง

 

นี่เป็นเรื่องที่ทำได้แม้จะเป็นเด็กขอบเขตมังกรซึ่งมันไม่เป็นปัญหากับซือหยูเลย ด้วยเหตุนี้ มันจึงไม่น่าแปลกใจที่สี่ศักดิ์สิทธิ์เลือกที่จะทิ้งคนของตัวเองให้ต่อสู้และกลับมาคุ้มกันที่นี่

 

“หยุดเขาเร็ว!ขอเวลาข้าสามลมหายใจ”

 

เสียงดังมาจากอีกฝั่งของมิติเขารู้สึกถึงอันตรายจากซือหยู

 

สี่ศักดิ์สิทธิ์ที่เจอกับหุ่นเชิดมิอาจทำอะไรได้ยากที่เขาจะปกป้องแม้แต่ตัวเอง การขวางซือหยูไม่ใช่สิ่งที่เขาจะทำได้

 

เมื่อซือหยูดันฝ่ามือไปยังรอยแยกมิติและจะทำลายแผนการใหญ่ของราชาเขตกลางเสียงของคนที่บินเข้ามาอย่างรวดเร็วก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงตะโกนอย่างโกรธแค้น

 

“ซือหยูข้าจะเอาเจ้าไปตายกับข้าซะ!”

 

น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความชิงชังและความพร้อมใจที่จะตาย

 

“ฝ่ามือเทพ ดับ สวรรค์!”

 

เสียงตะโกนด้วยความโกรธแค้นดังก้องเสียงระเบิดส่งสะท้อนทั่วนภา

 

ซือหยูหันไปมองด้วยใจเต้นแรงเมื่อเห็นว่ามีจันทราปรากฏในพื้นที่แห่งนี้!มันตระการตาและสว่างราวกับดวงจันทร์ของจริง ดูเหมือนดวงจันทร์นี้จะแทนที่ดวงอาทิตย์ได้ด้วยซ้ำ

 

ซือหยูใจเต้นแรงเมื่อถูกแสงจันทร์กลืนกินเขารู้สึกราวกับว่าทั้งร่างจะหายลับไป อีกไม่นานเขาจะกลายเป็นฝุ่นผง

 

“ฝ่ามือเทพดับสวรรค์!นั่นมันวิชาสูงสุดขององครักษ์แสงกระจ่าง”

 

ซือหยูใจสั่นเมื่อคิดถึงสิ่งที่วู่เหิงเคยบอก

 

รอยฝ่ามือที่มีทั่วทุกคนแห่งในเฉินหลงได้ทำลายอารยธรรมไปมากมายและรอยฝ่ามือเหล่านั้นก็คือสิ่งที่เกิดจากฝ่ามือเทพดับสวรรค์!

 

ห้าศักดิ์สิทธิ์เป็นองครักษ์เงาทมิฬคนเดียวที่เข้าใจส่วนของวิชาเพียงเล็กน้อยว่ากันว่าเพียงแค่ใช้มันเขาก็แข็งแกร่งเท่ากับภูติระดับเก้า

 

จันทร์กระจ่างขจัดความมืดมิดพลังมหาศาลดูน่ากลัว แต่ด้วยเหตุบางอย่าง ซือหยูรู้สึกว่าเขาเยือกเย็นถึงขีดสุด ดูเหมือนว่าเขาจะเริ่มเข้าใจถึงกฎเกณฑ์ลี้ลับที่อยู่ในวิชา ดูเหมือนว่าเขาเริ่มที่จะเข้าใจวิชานี้แล้ว

 

เขายกมือขึ้นช้าๆดวงตาของเขาว่างเปลบ่า แสงจันทร์อ่อนๆปรากฏบนฝ่ามือ รัศมีแสงนั้นกว้างใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ

 

เพียงไม่นานมันก็ใหญ่เท่ากับไข่ไก่มันอัดแน่นอยู่ในฝ่ามือและสะท้อนใบหน้าหล่อเหลาของเขา ดูเหมือนว่าเขากำลังถือดวงจันทร์ไว้ในมือ

 

สี่ศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นจากระยะใกล้ตกตะลึงและตะโกนร้องออกมา

 

“ฝ่ามือดับสวรรค์กระบวนท่าแรกฝ่ามือจันทรา!”

 

เขาทั้งตกใจและหวาดกลัวราวกับเห็นผี

 

“เจ้าเป็นใครกัน?ทำไมเจ้าถึงใช้วิชาสูงสุดขององครักษ์แสงกระจ่างได้?”

 

สี่ศักดิ์สิทธิ์ตื่นตระหนกอย่างหนัก

 

ในความคิดของซือหยู…

 

หืมถ้าเช่นนั้น ฝ่ามือนิรนามก็คือฝ่ามือดับสวรรค์งั้นรึ? ถ้าเช่นนั้น…มันไม่ได้หมายความว่าผู้เฒ่าจิวคือคนในเมืองเขตกลาง…และเป็นองครักษ์แสงกระจ่างหรอกรึ?

 

จิตใจของซือหยูส่องสว่างยิ่งกว่าเดิมสิ่งที่ศัตรูใช้ได้ทำให้เขาได้เห็นสิ่งที่เขาเคยไม่รู้ วิชาฝ่ามือนิรนามแจ่มชัดในตัวซือหยูอีกครั้ง

 

จันทราบนโลกเกิดจากความมืดมิดที่ตะวันตกดินมันจึงเปล่งแสงได้ในค่ำคืน

 

มันใช้แสงจากดวงตะวันเพื่อส่องสะท้อนให้แก่เหล่ามวลมนุษย์ในยามวิกาลทุกสิ่งล้วนส่องประกายเพราะดวงจันทร์

 

เมื่อมีฝ่ามือจันทราจะไม่มีใครกล้าต่อกร เขาเข้าใจมันยิ่งๆขึ้นไป ฝ่ามือจันทราในมือของเขาเปล่งประกายยิ่งขึ้น

 

มันขยายขนาดจากไข่ไก่ไปถึงภูเขาทั้งร่างของซือหยูหลอมรวมกับมันและทำให้เขากลายเป็นดวงจันทร์ด้วยตัวเอง!

 

“มนุษย์ดุจจันทราจันทราดุจมนุษย์!”

 

ซือหยูพูดเบาๆเขารู้สึกผ่อนคลายใจ

 

ราวกับว่าจู่ๆเขาก็ได้รับรู้ทุกอย่างแต่เขาก็ยังคงสงสัยอย่างมากเมื่อเข้าใจวิชาไปหนึ่งส่วน เพราะมันยิ่งทำให้ส่วนอื่นดูสับสนขึ้นไปอีก! ณ ตอนนี้ ดวงจันทร์สองดวงกำลังฉายแสงต่อกันจนก้นบึ้งมังกรสว่างจ้า

 

สี่ศักดิ์สิทธิ์ยังคงตกตะลึงไม่จางหาย

 

“ระดับปัญญาอะไรกัน!เขาเข้าใจส่วนของวิชาเพียงได้มองห้าศักดิ์สิทธิ์”

 

“เจ้าใช้ข้าเรียนรู้ฝ่ามือดับสวรรค์งั้นเรอะ?”

 

ห้าศักดิ์สิทธิ์ตะโกนอย่างเกรี้ยวกราดเขาพุ่งเข้าใส่ซือหยู

 

ถ้าหากมองจากระยะไกลจะพบว่ามีจันทราดวงหนึ่งพุ่งเข้าหาดวงจันทร์อีกดวงอย่างบ้าคลั่ง

 

ปั้ง!

 

คลื่นสายลมอันรุนแรงจากแรงปะทะพัดไม่หยุดดวงจันทร์ของห้าศักดิ์สิทธิ์กลับกลายเป็นฝ่ายที่ถูกทำลาย ร่างของเขาที่เผยออกมาร่วงหล่นไปกับพื้นและถูกแสงจันทร์อีกดวงกลืนกิน

 

ห้าศักดิ์สิทธิ์ทั้งตกตะลึงและไม่เชื่อสายตา

 

“เป็นไปได้ยังไง…”

 

แสงจันทร์สะท้อนในแววตาชายหนุ่มผมสีเงินก้มหน้ามองบางอย่างที่อยู่ในดวงจันทร์ ดวงจันทร์ของเขานั้นเริ่มที่จะขยายขนาดอีกครั้ง

 

เวลายาวนานหลากหลายปีของเขาที่ใช้บ่มเพาะมิอาจเทียบได้เลยกับช่วงเวลาเดียวของเด็กหนุ่มน้อยผู้นี้เขาคงจะไม่มีวันเป็นสุข…แม้ในความตาย

 

“มันยังไม่พอ…”

 

ซือหยูพยายามจะทำความเข้าใจมันอยู่สิ่งที่เขาได้รู้เมื่อครู่เป็นแค่ผิวเผินของวิชาเท่านั้น เขายังไม่เข้าใจฝ่ามือจันทราที่แท้จริงทั้งหมด

 

“คงจะดีถ้ามีคนมาใช้มันให้ข้าเห็นอีกครั้ง…”

 

ซือหยูเสียใจมากสิ่งที่ได้หยั่งรู้ได้จบลงไปแล้ว ระดับการเรียนรู็ของซือหยูในตอนนี้นับว่าอยู่ในขั้นที่สูงจนน่าตกใจแม้จะไม่มีพลังเร่งเวลาของหม้อเก้ามังกร

 

ซือหยูมังห้าศักดิ์สิทธิ์ที่กลายเป็นถ้าถ่านดวงตาของเขามีเพียงความเศร้า

 

“ขอบคุณเจ้ามาก…”

 

แม้จะอยู่ในสภาพปางตายเขาก็บินอย่างยาวไกลมาเพื่อช่วยให้ซือหยูเข้าใจวิชาระดับภูติมากขึ้น ดังนั้นซือหยูจึงรู้สึกขอบคุณกับเขา

 

สี่ศักดิ์สิทธิ์สั่นไปทั้งตัวเมื่อมองชายหนุ่มในแสงจันทร์ที่ลอยอยู่กลางอากาศสี่ศักดิ์สิทธิ์รู้สึกกดดันเป็นอย่างมาก เขาไม่ได้รู้สึกกดดันเพราะพลังของฝ่ามือ แต่เป็นเพราะพรสวรรค์ของชายหนุ่มตรงหน้า

 

เมื่อเขาคิดถึงเรื่องที่ได้ยินว่าซือหยูสังหารร่างเงาของจ้าวเทวะในกระโจมเทพสวรรค์เขาก็หวาดกลัวยิ่งกว่าเดิม เพราะชายคนนี้คือคนที่เขากำลังต่อสู้ด้วยและก็เป็นคนที่น่ากลัวถึงขีดสุด!

 

เมื่อแสงจันทร์สลายซือหยูกลับมาอยู่ในสภาพเดิม เขาเดินไปยังรอยแยกมิติ เขาหยุดห่างจากมันไม่ไกลนัก

 

“สามลมหายใจผ่านไปแล้วข้าสายไปรึ?”

 

ซือหยูถอนหายใจเบาๆ

 

ซ่า!

 

รอยแยกเปล่งแสงงดงามมีคนเดินออกมาจากที่นั่น เขาสวมชุดสีดำ เส้นผมสีดำ และดวงตาเยอืกเย็น

 

สิ่งรอบตัวเขาเยือกเย็นถึงจุดเยือกแข็งทันทีที่เขาปรากฏตัวยังมีเกล็ดหิมะทมิฬปรากฏรอบตัวเขาอีกรอย ความเย็นยะเยือกทำให้วิญญาณของซือหยูสั่นสะเทือน

 

“บ่มเพาะน้ำแข็ง…”

 

ซือหยูไม่แปลกใจกับวิชานี้เพราะเขาเองก็เคยบ่มเพาะวิชาน้ำแข็งมาก่อนแต่ความเย็นที่ปล่อนออกมาจากชายตรงหน้านั้นเหนือกว่าต้นกำเนิดน้ำแข็งของซือหยูไปมาก

 

“ต้นกำเนิดน้ำแข็งมิใช่สุดทางของการบ่มเพาะสินะ…”

 

ซือหยูลูบอกที่มีแก่นแท้น้ำแข็งอยู่ภายในที่หลับใหลมาเนิ่นนานมันเริ่มสั่นสะเทือนอีกครั้ง ดูเหมือนว่าเขายังคงเดินในเส้นทางน้ำแข็งได้ตามวิถีของจิวโจว

 

“ท่านสาม”

 

ความยินดีปรากฏบนใบหน้าสี่ศักดิ์สิทธิ์เขายื้อเวลาได้ทันเพราะห้าศักดิ์สิทธิ์พยายามจะโค่นซือหยู นั่นทำให้สามศักดิ์สิทธิ์มาถึงเฉินหลงทันเวลา

 

สามศักดิ์สิทธิ์เป็นภูติระดับเจ็ดที่เป็นภูติระดับสูงดังนั้น เขาคนเดียวก็มากพอที่จะพลิกสถานการณ์

 

หุ่นเชิดลูกสุนัขปล่อยลำแสงโลหิตไปที่เขาสี่ศักดิ์สิทธิ์พยายามจะป้องกัน

 

แกร๊ก!

 

แต่ลำแสงโลหิตก็ไปไม่ถึงตัวเขามันกลับหยุดที่กลางอากาศอย่างประหลาด เมื่อมองให้ดีจะพบว่ามันถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง แม้แต่ลำแสงที่สร้างจากพลังบริสุทธิ์ก็ถูกแช่แข็งอย่างไม่น่าเชื่อ

 

หลังจากที่เขามองหุ่นเชิดสุนัขอีกครั้งก็พบว่ามันถูกแช่แข็งไปแล้วแม้แต่ดวงวิญญาณภายในของมันก็กลายเป็นน้ำแข็งไปด้วย ซือหยูมองสามศักดิ์สิทธิ์อย่างเงียบเชียบ แค่ดัชนีเดียวของเขาก็สังหารหุ่นเชิดสุนัขได้แล้ว!

 

“ถ้าเจ้าอยากฆ่าเขาเจ้าก็ควรจะถามข้าก่อน”

 

สามศักดิ์สิทธิ์เริ่มพูดเสียงของเขาเยือกเย็นไม่ต่างจากน้ำแข็ง แม้แต่หูของซือหยูก็ถูกแช่แข็งเมื่อได้ยินเสียงของเขา

 

สี่ศักดิ์สิทธิ์ที่เพิ่งรอดชีวิตดีใจอย่างมากเขารีบวิ่งไปที่ข้าวสามศักดิ์สิทธิ์

 

ซือหยูยังคงไร้อารมณ์แม้จะถึงตอนนี้เขาโบกมือ สัตว์ประหลาดสีดำขนาดเท่าฝ่ามือลอยออกมา

 

มันดูอัปลักษณ์แม้มันจะเป็นแค่แมงมุม แต่ความอันตรายของมันก็เหนือกว่าหุ่นเชิดสุนัขเป็นสิบเท่า

 

“หุ่นเชิดภูติระดับสูงรึ?”

 

สามศักดิ์สิทธิ์เลิกคิ้วและพุ่งไปยังสี่ศักดิ์สิทธิ์

 

แต่เมื่อแมงมุมไปถึงมันก็พ่นใยออกมาอย่างรวดเร็ว และสี่ศักดิ์สิทธิ์ก็จมอยู่ในใยก่อนที่จะตั้งตัวทัน

 

พอแมงมุมอ้าปากที่เต็มไปด้วยเขี้ยวแหลมสี่ศักดิ์สิทธิ์นั้นตะโกนร้องด้วยความกลัว เขารีบใช้พลังชีวิตปกป้องร่างกายแต่เขี้ยวแมงมุมนี้คมอย่างไม่น่าเชื่อ มันทะลวงผ่านชั้นพลังป้องกันไปถึงเลือดเนื้อของเขา

 

เสียงกรีดร้องจากความเจ็บปวดดังลั่นร่างของสี่ศักดิ์สิทธิ์เริ่มกระตุก ดวงตาของเขาไร้แววไปพร้อมกันชีวิตที่ปลิดปลิว ภูติระดับหกตายเพราะพิษไปในเวลาอึดใจเดียว!

 

ซือหยูละสายตาจากเขาและมองไปที่สามศักดิ์สิทธิ์

 

“ต่อให้เจ้าอยู่ที่นี่มันก็รอดตายไม่ได้”

 

“ไอ้เฒ่าหยู!”

 

สามศักดิ์สิทธิ์ไม่ลืมเรื่องที่หยูฉิวฮั่นให้หุ่นเชิดสองตัวกับซือหยูหนึ่งในนั้นคือหุ่นเชิดสุนัข ส่วนอีกตัวคือหุ่นเชิดแมงมุมที่ฆ่าได้แม้แต่ภูติระดับสูง

 

“ถึงตาเจ้าแล้ว”

 

ซือหยูชี้นิ้วไปที่สามศักดิ์สิทธิ์

 

เขาใช้สมบัติทั้งหมดที่มีโดยไม่ซุกซ่อนอะไรเอาไว้นั่นก็เพราะทวีปกำลังจะล่มสลาย

 

“ข้ารู้เรื่องหุ่นเชิดของเจ้าแล้ว”

 

สามศักดิ์สิทธิ์มองซือหยูอย่างโหดร้าย

 

“มันจะจบที่นี่แหละซือหยู”

 

เมื่อเขตกลางรู้ว่าคนที่พวกเขาจะเผชิญหน้าคือซือหยูพวกเขาก็ได้รู้อีกว่าซือหยูยังมีหุ่นเชิดที่น่ากลัวอยู่อีกสองตัว ดังนั้นเขาจึงเตรียมการมาก่อนแล้ว

 

สามศักดิ์สิทธิ์หยิบเหยือกสีแดงอิฐออกมาและขว้างมันลงกับพื้น

 

ปั้ง!

 

เมื่อเหยือกตกลงกับพื้นของเหลวสีเลือดได้กระจายไปทั่ว หลังจากนั้น ของเหลวสีเลือดเหล่านั้นเริ่มที่จะขยับด้วยตัวมันเอง มันได้ร่วมตัวกันเป็นตะขาบยาวสามสิบเมตร!!