แม้รถม้าของกระทรวงสิบสามชิงเหย้าจากไปแล้ว แต่ลูกศิษย์หญิงหลายคนยังคงอยู่ต่อ พวกนางกับลูกศิษย์สถานศึกษาหนานซี และอาจารย์จากวังหลี กำลังทำการรักษาผู้บาดเจ็บอยู่ในป่า
หลายปีมานี้เป็นช่วงเวลาที่คนรุ่นใหม่ในแวดวงบำเพ็ญเพียรเบ่งบานเต็มที่ การสอบใหญ่ในปีนี้แม้ตรงกับวันขึ้นปีใหม่ แต่แสงของดวงดาวในสุสานเทียนซูสายนั้นก็ทำให้ผู้บำเพ็ญเพียรหนุ่มสาวอายุไม่ถึงยี่สิบนับสิบกว่าคนผ่านด่านเป็นตายไปได้ จนบรรลุขั้นทะลวงอเวจีในที่สุด ดูไปแล้วอนาคตสดใสไร้ที่เปรียบ แต่ใครจะคิดเล่าว่า การเดินทางมาสวนโจวจะทำให้เกิดเรื่องใหญ่ถึงเพียงนี้ ไม่ว่าจะเป็นนิกายหลวง ราชสำนัก หรือพรรคทางใต้ ย่อมกังวลใจสุดจะเปรียบ ดีที่ผู้บาดเจ็บแต่ละคนมิได้บาดเจ็บสาหัส ส่วนใหญ่ถูกเศษหินที่หล่นลงจากภูเขาบาดเอาตอนหนีออกจากสวนโจว ใส่ยาและพันแผลธรรมดาก็เพียงพอ ส่วนผู้บำเพ็ญเพียรจากทั่วทุกสารทิศในต้าลู่หลายสิบคนที่ถูกเหล่ามารผู้แข็งแกร่งลอบจู่โจมในสองคืนแรก ก็ได้รับการรักษาจากสวีโหย่วหรงกับเฉินฉางเซิงก่อนแล้ว จึงไม่มีปัญหาอะไร
ในบรรดาคนเหล่านี้ ชีเจียนบาดเจ็บหนักสุด กระบี่ร้ายกาจเล่มนั้นแทงเข้าไปในท้องน้อยของนาง ตัดเส้นชีพจรหลายเส้น แถมต้องหนีตายอย่างยากลำบากอยู่หลายสิบวัน บวกกับฤทธิ์ยาที่ใช้ ตอนนี้จึงยังสลบไสลอยู่ ไม่รู้เมื่อไหร่จึงสามารถฟื้นตื่น ทำให้ผู้เฒ่าเขาหลีซานที่ดูแลนางอยู่ข้างๆ มีสีหน้าไม่สู้ดียิ่ง
อาจารย์จากเขาหลีซานผลัดเปลี่ยนกันดูแลชีเจียน เจ๋อซิ่วจึงไม่สะดวกที่จะเข้าใกล้ แต่ก็ไม่ได้ไปไหน ยืนหลับตาอยู่ใต้ต้นไทรใกล้ๆ ดูสันโดษเสียนี่กระไร เมื่อเทียบกับความยุ่งเหยิงวุ่นวายในป่าตอนนี้
อันที่จริงเขาเองก็บาดเจ็บไม่เบา โดยเฉพาะพิษจากหนานเค่อที่แพร่กระจายไปทั่วร่างแต่แรก แต่เขากลับมิได้ขอให้นักบวชจากวังหลีรักษาให้ ใบหน้าที่ซีดขาวของเขาแลดูเฉยเมย ยังไม่ต้องพูดถึงหน้าตาไม่รับแขก ลำพังข่าวลือที่เกี่ยวข้องกับเขาก็ทำให้ผู้บำเพ็ญเพียรคนอื่นๆ ไม่กล้าข้องแวะกับเขาอยู่ก่อนแล้ว
ผู้เฒ่าเขาหลีซานท่านนั้นหันไปเหลือบมองเจ๋อซิ่วด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยคำถามและความระแวดระวัง แต่สุดท้ายก็หันกลับ จ้องมองชีเจียนที่นอนสลบต่อ
ชีเจียนเป็นศิษย์ปิดสำนักของหัวหน้าพรรคกระบี่หลีซาน จึงมีฐานะไม่ธรรมดา ตอนออกจากสวนโจว ก็มีมุขนายกในชุดแดงจากวังหลีสองคนมาตรวจรักษาให้ แน่ใจว่าพ้นขีดอันตราย แต่ยังบาดเจ็บสาหัสอยู่ โดยเฉพาะเส้นชีพจรที่ขาดและอาการสลบไสล ซึ่งพวกเขาคิดไม่ออกว่าจะรักษาอย่างไร จึงได้แต่บอกให้รีบพานางกลับจิงตูหรือไปก็เขาหลีซาน
ผู้เฒ่าเขาหลีซานท่านนั้นทราบอาการของชีเจียนจึงรู้สึกหนักใจ ถ้านางเป็นอะไรไป ใครจะรู้ว่าอาจารย์ปู่จะโมโหเช่นไร แต่สิ่งที่เขาหนักใจสุด กระทั่งแอบหวาดกลัวก็คือ บาดแผลของกระบี่ที่ท้องน้อยนาง
กระบี่มีเจตจำนงของมัน บาดแผลจากกระบี่ก็ย่อมมีร่องรอยของเจตจำนงกระบี่ เขาหลีซานเน้นการบำเพ็ญเพียรตามเส้นทางกระบี่ ผู้เฒ่าท่านนี้เห็นแวบเดียวก็รู้ทันทีว่า กระบี่ที่ทำร้ายชีเจียนมาจากไหน
และตอนที่เขากำลังหนักใจนั้น พลันได้ยินเสียงร้องตะโกนดังลั่นจากในป่า
“มาดูนี่เร็ว!”
พอผู้เฒ่าท่านนี้หันมองไปยังต้นกำเนิดเสียง สีหน้าก็เปลี่ยนทันที ไม่สนใจชีเจียนอีก รีบไหว้วานให้ศิษย์ที่อยู่ข้างๆ ดูแลชีเจียนแทน ส่วนตนรีบวิ่งไปยังที่เกิดเหตุ แหวกวงล้อมของกลุ่มคน ก่อนเอ็ดตะโร
“เกิดอะไรขึ้น!”
กลุ่มคนกำลังมุงดูเปลเปลหนึ่ง ซึ่งมีเหลียงเสี้ยวเซียวนอนอยู่บนเปล
ไม่รู้ว่าเหลียงเสี้ยวเซียวบาดเจ็บสาหัสได้อย่างไร บนร่างมีบาดแผลจากกระบี่สิบกว่าแผล ซึ่งศิษย์หญิงจากสถานศึกษาหนานซีสองคนกำลังพันแผลให้ แต่ก็ไม่สามารถหยุดโลหิตไม่ให้ไหลออกจากปากแผล จึงดูสยดสยองยิ่ง
สีหน้าเหลียงเสี้ยวเซียวขาวราวกระดาษ ริมฝีปากเขียว ดวงตามืดมน ลมหายใจรวยริน ชายหนุ่มผู้มากพรสวรรค์ บุคลิกองอาจกระตือรือร้น ตอนนี้อยู่ใกล้ความตายแค่เอื้อม ศิษย์หญิงสองคนของสถานศึกษาหนานซีที่นั่งยองๆ อยู่คนละข้างของเปลพยายามพันแผลให้เขาเพื่อหยุดการไหลของโลหิต แต่ที่สุดก็ไม่ได้ผล จึงเอะอะขึ้นมา คนที่อ่อนวัยกว่าร้องไห้พลางว่า
“ศิษย์พี่เหลียง ท่านต้องไม่เป็นไรนะ!”
ในป่าเงียบกริบ กลุ่มคนตะลึงงัน เหลียงเสี้ยวเซียวไม่ใช่ผู้บำเพ็ญเพียรธรรมดา แต่เป็นศิษย์เอกของพรรคกระบี่หลีซาน หนึ่งในเจ็ดคำโคลงแห่งแดนเทพ รั้งอันดับหนึ่งในการสอบใหญ่เมื่อปีก่อน แต่ตอนนี้เขากำลังจะตาย
นี่มันเรื่องอะไรกัน? ใครทำร้ายเขา?
มุขนายกชุดแดงจากวังหลีท่านหนึ่งรุดเข้ามา พอเห็นเหตุการณ์ก็อดไม่ได้ที่จะตื่นตระหนก รีบใช้วิชาแสงศักดิ์สิทธิ์รักษาอย่างเต็มกำลัง แสงบริสุทธิ์ตกลงบนร่างของเหลียงเสี้ยวเซียว
ทุกคนเงียบเสียงและรออย่างลุ้นระทึก สักพักโลหิตบนร่างของเหลียงเสี้ยวเซียวก็หยุดไหล แต่…สีหน้าของเขายังคงซีดขาว ดวงตายังคงมืดมน มุขนายกชุดแดงจึงส่ายศีรษะ
ร่างผู้เฒ่าเขาหลีซานท่านนั้นโงนเงนเล็กน้อย ขณะจ้องมองสีหน้ามุขนายกชุดแดง แต่ยังคงยืนหยัดไหว ฟังจากคำบอกเล่าของผู้คนจำนวนหนึ่ง ค่อยรู้ว่าเหลียงเสี้ยวเซียวถูกจวงห้วนอวี่แบกออกมา จึงหันมองพร้อมสายตาเย็นชา
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
เนื้อตัวของจวงห้วนอวี่ก็เต็มไปด้วยบาดแผลจากกระบี่เช่นกัน แต่ไม่หนักหนาอะไร สีหน้าที่ซีดขาว มิใช่เพราะอาการบาดเจ็บ แต่เป็นเพราะจิตใจกำลังปั่นป่วน พอได้ยินผู้เฒ่าเขาหลีซานท่านนี้ตวาด ก็มองดูเหลียงเสี้ยวเซียวที่นอนอยู่บนเปลพลางลังเล
สีหน้าเหลียงเสี้ยวเซียวดีขึ้นกว่าเดิม หายใจแรงเล็กน้อย แต่พอแสงแดดส่องต้องร่าง ผู้คนก็เห็นว่าในอกเสื้อของเขาคลับคล้ายมีกระจกสีแตกละเอียดอยู่
นี่เป็นลางบอกเหตุของการจากลา สามในเจ็ดคำโคลงแห่งแดนเทพกำลังจะตาย
ในป่าเงียบสนิท ความเศร้าโศกเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ
หญิงสาวจากสถานศึกษาหนานซีนางนั้นร้องไห้ขึ้นมาอีก
ผู้เฒ่าเขาหลีซานจ้องมองจวงห้วนอวี่พลางตวาด “พูด!”
เจตจำนงกระบี่ปะทุขึ้นพร้อมเสียงตวาด ปกคลุมตัวจวงห้วนอวี่ ราวกับว่าขืนจวงห้วนอวี่มัวชักช้าอีก เจตจำนงกระบี่จะฟันเขาให้แหลกลาญ!
จวงห้วนอวี่ก็มิใช่ผู้บำเพ็ญเพียรธรรมดา เขาเป็นนักศึกษาของสำนักเทียนเต้า แต่ผู้เฒ่าเขาหลีซานท่านนี้กลับไม่สนใจเรื่องนี้ เห็นชัดว่าท่านผู้เฒ่าเดือดดาลเพียงใด
จูลั่วในฐานะหัวเรือใหญ่ของการเปิดประตูสวนโจวมาถึงที่เกิดเหตุ เขาย่อมไม่สามารถมองดูจวงห้วนอวี่ตายลงเช่นนี้ จึงจ้องมองผู้เฒ่าเขาหลีซานพลางว่า “ใจเย็นๆ ท่าน”
และในตอนนี้เอง เสียงอ่อนแรงเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากเปล
“อาจารย์ปู่ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณชายห้วนอวี่”
ผู้เฒ่าเขาหลีซานหันมองเหลียงเสี้ยวเซียว พลางพูดเสียงสั่นเครือ “เช่นนั้นใครเป็นผู้ทำร้ายเจ้าถึงเพียงนี้?”
ตอนนี้คนส่วนใหญ่ในป่าล้วนคิดว่าพวกมารแข็งแกร่งที่แฝงตัวเข้าไปในสวนโจวเป็นผู้ทำร้ายเหลียงเสี้ยวเซียว ต้องรู้ว่าที่เหลียงเสี้ยวเซียวได้อันดับหนึ่งในการสอบใหญ่ และสามารถอยู่ในสุสานเทียนซูเพื่ออ่านแผ่นป้ายอนุสรณ์เป็นเวลาหนึ่งปีนั้น ต้องผ่านการบำเพ็ญเพียรที่แก่กล้ามาก พูดตามเหตุผลก็คือ มีเพียงมารเหล่านั้นเท่านั้นที่สามารถทำร้ายเขาจนมีสภาพเช่นนี้ได้
ทว่าผู้เฒ่าเขาหลีซานชัดเจนดีว่า เหลียงเสี้ยวเซียวมิได้ถูกพวกมารทำร้าย เพราะเขามองบาดแผลกระบี่บนร่างของเหลียงเสี้ยวเซียวออกว่า คล้ายบาดแผลบนท้องน้อยของชีเจียน ซึ่งล้วนเกิดจาก…เพลงกระบี่เขาหลีซาน
ศิษย์พรรคกระบี่เขาหลีซานที่เข้าไปในสวนโจว มีเพียงชีเจียนกับเหลียงเสี้ยวเซียวสองคน
ผู้เฒ่าเขาหลีซานแอบเดาถึงความเป็นไปได้หลายอย่าง แต่กลับไม่อยากจะเชื่อ ดังนั้นน้ำเสียงของเขาจึงสั่นเทา
เหลียงเสี้ยวเซียวมองดูอาจารย์ปู่ของตน พลางส่ายศีรษะช้าๆ
ผู้เฒ่าเขาหลีซานเข้าใจความหมายของเขา ใบหน้าจึงปรากฏความรู้สึกเหลือเชื่อให้เห็น
เหลียงเสี้ยวเซียวนอนอยู่ในตำแหน่งย้อนแสง สีหน้าเขาดูดีขึ้นกว่าเดิม จึงค่อยๆ กวาดตามองไปรอบๆ ตอนเห็นชีเจียนในระยะไกล เขาแอบชะงักเล็กน้อย จากนั้นจึงมองต่อ จุดนี้มีเพียงผู้เฒ่าเขาหลีซานกับจูลั่วที่สังเกตเห็น ทั้งสองยังเห็นแววตาของเขาขณะมองชีเจียน ซึ่งเต็มไปด้วยการตำหนิตนเอง เสียใจ เศร้าใจและเจ็บปวดใจ
ผู้คนเริ่มมองตามสายตาเหลียงเสี้ยวเซียว คลับคล้ายเข้าใจว่าเขากำลังมองหาอะไร
สุดท้าย สายตาของเหลียงเสี้ยวเซียวก็หยุดอยู่ที่ใต้ต้นไทร
ใต้ต้นไทรมีชายหนุ่มเผ่าหมาป่ายืนอยู่
สายตาหลายคู่พุ่งไปที่ร่างของเขา
เจ๋อซิ่วกำลังหลับตา คล้ายไม่รู้ว่ามีคนจ้องมองมา
“เป็นมัน” เสียงของจวงห้วนอวี่แหบแห้งเล็กน้อย “วั่วฟูเจ๋อซิ่ว…สายลับพวกมาร มันลอบจู่โจมพวกเราในสวนโจว เพราะศิษย์พี่เหลียงช่วยข้าไว้ จึงถูกมันฉวยโอกาสทำร้าย”
พอได้ยินคำนี้ บรรยากาศในป่าก็เงียบกริบ จากนั้นก็โกลาหลไปหมด