ภาค 5 ผู้ขี่มังกรสู่ฟากฟ้า บทที่ 401 โดดเด่นเช่นนี้ถือว่าสมเหตุสมผล

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ปราชญ์ภาพวาดผู้อาวุโสม่อไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลก ไม่เข้าร่วมการแย่งชิงระหว่างดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหก

แต่ทั่วทั้งมหาอำนาจแปพิภพ ไม่มีใครสงสัยในศักดิ์ฐานะของยอดฝีมือเช่นเขา

ต่อให้เป็นคนหนุ่มสาวที่ไม่รู้จักคนผู้นี้ดีนัก ก็ต้องทราบว่าเขาเป็นถึงจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์

เหล่าผู้นำจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายล้วนทราบดีว่า ยอดฝีมือที่อยู่ในยุคเดียวกันกับจอมยุทธ์ระดับศักดิ์สิทธิ์เช่น ผู้สะเทือนสวรรค์ บุรุษเทียมสวรรค์ และจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์อาทิตย์ม่วง ล้วนแข็งแกร่งถึงเพียงใด

ในฐานะผู้อาวุโสที่มหาอำนาจแปดพิภพในปัจจุบันล้วนทราบว่ามีศักดิ์ฐานะสูงที่สุด ผู้อาวุโสม่อย่อมไม่ลงมือโดยง่าย แต่ถ้าลงมือขึ้นมาแล้วย่อมไม่ธรรมดา

การรุกรานของปีศาจอัคคีในครั้งนี้มีระดับความรุนแรงเหนือว่าจินตนาการของคนทั้งหมด ทำให้ทะเลชั้นนอกของทะเลตะวันออกสูญเสียการป้องกัน

ราชันปีศาจอัคคีที่มีระดับพลังเทียบเท่าจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่สองไม่น้อยกว่าหนึ่งตัวบุกเข้ามาในมหาอำนาจแปดพิภพ ผู้คุมหอคลื่นโหมอันชิงหลินที่มาถึงทะเลชั้นนอกทะเลตะวันออกก่อนก็ได้รับบาดเจ็บ

ดีที่ผู้อาวุโสม่อมาทันเวลา ไม่เช่นนั้นหากเผชิญการโจมตีระลอกแรกอย่างไม่ทันตั้งตัวของอีกฝ่าย อันชิงหลินอาจจะเสียชีวิตที่ทะเลชั้นนอกของทะเลตะวันออกไปแล้ว

ต่อมาผู้อาวุโสม่อก็ชะลอการบุกของปีศาจอัคคีโดยไม่เสียกระบวน สร้างแนวป้องกันบนจุดตัดที่อยู่ระหว่างทะเลชั้นในกับทะเลชั้นนอกของทะเลตะวันออกอีกครั้ง คอยค้ำยันจนการสนับสนุนของยอดฝีมือเผ่ามนุษย์คนอื่นมาถึง จึงพลิกเป็นฝ่ายโต้กลับได้

ในระหว่างนั้น ผู้อาวุโสม่อถูกปีศาจอัคคีหลายตัวรุมโจมตี ได้รับบาดเจ็บ

แต่ว่าเขายังคงเข้าร่วมการโต้กลับที่ทะเลชั้นนอกของทะเลตะวันออก

ขณะที่แกนไฟใต้ดินปะทุ อัคคีต้มทะเลตะวันออก ผู้อาวุโสม่อยังคงไม่ล่าถอย ประมือกับปีศาจอัคคีพร้อมกับพวกหยวนเจิ้งเฟิง การต่อสู้ในครั้งสุดท้ายขับไล่ปีศาจอัคคีออกจากมหาอำนาจแปดพิภพได้สำเร็จ

หลังจากที่หวงกวงเลี่ยเลื่อนเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่สอง ทุกคนล้วนคิดว่าพลังของเขาสมควรเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งในปัจจุบันของมหาอำนาจแปดพิภพแล้ว

แต่ว่าหลังจากผ่านสงครามที่ทะเลตะวันออก ผู้อาวุโสม่อที่เหมือนมังกรเห็นหัวไม่เห็นหาง ยากทำให้คนทราบถึงพลังฝึกปรือ ก็ลงมือด้วยพลังทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบ

ทุกคนจึงทราบว่า ถึงแม้จะเป็นคนที่สูงส่งที่สุดในมหาอำนาจแปดพิภพ แต่หวงกวงเลี่ยยังมิอาจยึดครองชื่ออันดับหนึ่งแห่งมหาอำนาจแปดพิภพในตอนนี้ได้

ด้วยเหตุนี้ ความสำคัญของคำพูดจากปากผู้เข้มแข็งระดับสุดยอดเช่นผู้อาวุโสม่อ ไม่ต้องคิดก็คาดเดาได้

โดยเฉพาะอายุและศักดิ์ของผู้เฒ่าผู้นี้ ยังเป็นผู้อาวุโสของพวกหยวนเจิ้งเฟิงและหวงกวงเลี่ยอีกต่างหาก

คำชมที่เขากล่าวต่อเยี่ยนจ้าวเกอ มิได้ให้ความรู้สึกยกตนข่มท่าน กลับมีความคาดหวังอยู่หลายส่วน

ทุกคนทราบดีว่า นอกจากผู้สะเทือนสวรรค์จ่านตงเก๋อ และบุรุษเทียมสวรรค์จ่านซีโหลวแห่งเขากว่างเฉิงที่ค่อนข้างได้รับการยอมรับแล้ว ไม่ว่าจะเป็นคนอายุเท่ากันหรือผู้อาวุโส ผู้อาวุโสม่อถนอมคำพูดประดุจทอง ไม่เคยวิจารณ์ใครในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหก

บัดนี้การยกย่องสูงส่งจากปากของผู้อาวุโสม่อ กลับเกิดขึ้นกับคนหนุ่มอายุยี่สิบกว่าปีผู้หนึ่ง

และสิ่งที่ทำให้หลายคนรู้สึกสับสนก็คือ หลังจากทุกคนได้ยินคำพูดของผู้อาวุโสม่อแล้ว ถึงแม้จะอยู่เหนือความคาดหมาย แต่กลับไม่เกิดความคิดขัดแย้ง

มิใช่เพราะพลังฝึกปรือกับตำแหน่งของผู้อาวุโสม่อ แต่เพราะไม่มีอะไรจะโต้แย้งจริงๆ

‘เยี่ยนจ้าวเกอแห่งเขากว่างเฉิง ผู้ขี่มังกรสู่ฟากฟ้า ใช้มือเดียวยกนภา อนาคตกว้างไกล’

คนหลายคนค่อยๆ ตกตะกอนคำพูดนี้ ถึงแม้ใจจะเกิดความคิดมากมาย แต่ก็มีความรู้สึกสมเหตุสมผลอยู่ด้วย

ความรู้สึกสมเหตุสมผลนี้เองที่ทำให้ทุกคนเกิดความรู้สึกซับซ้อน

มหาสงครามปิดฉากลง ไม่เพียงแต่ปราชญ์ภาพวาดผู้อาวุโสม่อจะกลับเกาะภาพวาดเท่านั้น ยอดฝีมือเผ่ามนุษย์ที่มาเข้าร่วมสงคราม ณ ทะเลตะวันออกคนอื่นก็เดินทางกลับไปยังสำนักของตนเองเช่นกัน

ผู้คุมหอคลื่นโหมอันชิงหลินยิ่งไม่จำเป็นต้องกล่าวถึง นางเข้าร่วมการต่อสู้พร้อมกับอาการบาดเจ็บเหมือนกับผู้อาวุโสม่อเช่นกัน ทนประคับประคองร่างกายต่อสู่นานถึงเพียงนั้น ครั้งนี้กลับหอคลื่นโหม เกรงว่าจะต้องเข้าฌานพักฟื้นทันที

หวงกวงเลี่ยแห่งสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ และเฉินลี่แห่งตำหนักอัสนีสวรรค์ ไม่ได้บาดเจ็บมากเท่าไรนัก แต่พวกเขาก็ไม่ได้รั้งอยู่ที่นี่นาน พากันกลับสำนักอย่างรวดเร็ว

หลังจากหวงกวงเลี่ยได้ฟังคำรายงานจากจงเทียนจวิน เขาก็ไม่ได้กล่าวอันใด เพียงมองเยี่ยนจ้าวเกอเล็กน้อย จากนั้นก็มองหยวนเจิ้งเฟิงที่อยู่ข้างๆ ชายหนุ่ม ก่อนจะจากไปทันที

เจ้าตำหนักอัสนีสวรรค์เฉินลี่มองเยี่ยนจ้าวเกอด้วยสายตาซับซ้อนเล็กน้อย ในส่วนลึกของดวงตาปรากฏความคิดขุดคุ้ย ครู่ต่อมาก็จากไปพร้อมกับจอมยุทธ์ตำหนักอัสนีสวรรค์ทั้งหลาย

เจ้าเมืองทะเลมรกต จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ทะเลมรกตซ่งอู๋เลี่ยงพกพาอาวุธศักดิ์สิทธิ์ กระบี่สัตยาทะเลมรกตที่เพิ่งหลอมสร้างเสร็จเข้าต่อสู้ที่ทะเลชั้นนอกของทะเลตะวันออกเช่นกัน

หลังจากปีศาจอัคคียึดครองความได้เปรียบทางด้านสถานที่ เพราะเปลี่ยนแปลงของแกนไฟใต้ดิน ซ่งอู๋เลี่ยงก็ได้รับบาดเจ็บเพราะการต่อสู้กับราชันปีศาจอัคคีที่มีพลังเทียบเท่าจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่สอง

เมื่อการต่อสู้จบลง เขาก็กลับเมืองทะเลมรกตเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บเช่นยอดฝีมือคนอื่น

การรุกรานของปีศาจอัคคีในครั้งนี้ทำให้เมืองทะเลมรตที่อยู่แนวหน้าสุด ได้รับความเสียหายสาหัสมากที่สุด แทบจะล่มสลายเลยก็ว่าได้

ดีที่เมืองทะเลมรกตให้กำเนิดกระบี่สัตยาทะเลมรกต รักษาลมหายใจของเมืองทะเลมรกตเอาไว้ได้ เพียงแต่ว่าสำนักเกือบถูกทำลาย ซ่งอู๋เลี่ยงได้รับบาดเจ็บ พวกเขาต้องการเวลาพักฟื้น

งานจัดการเศษซากบนทะเลตะวันออกส่วนใหญ่จึงตกเป็นของทะเลมรกต

แต่ไม่ว่าจะเป็นหายนะของทะเลมรกตก่อนหน้า หรือว่าการต่อสู้ตัดสินครั้งสุดท้ายที่ทะเลชั้นนอกของทะเลตะวันออก ทั่วทั้งเมืองทะเลมรกตล้วนยอมรับและขอบคุณเยี่ยนจ้าวเกอ

“ตอนนี้ข้าต้องกลับเมืองทะเลมรกตเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ กลัวว่าจะต้อนรับไม่ดี หากวันไหนอาการบาดเจ็บดีขึ้นแล้ว ขอเชิญผู้อาวุโสปราชญ์เทียมฟ้ากับสหายเยี่ยนมาเป็นแขกที่เมืองทะเลมรกตด้วย” ขณะร่ำลากัน เจ้าเมืองทะเลมรกตซ่งอู๋เลี่ยงก็เชื้อเชิญเยี่ยนจ้าวเกอกับหยวนเจิ้งเฟิงด้วยตัวเอง

หากเป็นคนอื่นเชิญ คนส่วนใหญ่คงจะนึกว่าเป็นการเชิญหยวนเจิ้งเฟิง ส่วนเยี่ยนจ้าวเกอเป็นผู้ติดตามเท่านั้น

แต่ว่าทุกคนที่อยู่ที่นี่ล้วนราบดีว่า ตอนนี้เยี่ยนจ้าวเกอเป็นแขกที่ซ่งอู๋เลี่ยงกำลังเชื้อเชิญ

คนที่ทำให้เจ้าเมืองทะเลมรกตซ่งอู๋เลี่ยงเชิญด้วยตัวเองได้ ทั่วทั้งเขากว่างเฉิง นอกจากเจ้าสำนักคนปัจจุบันเยี่ยนตี๋แล้ว ก็มีแต่เยี่ยนจ้าวเกอที่อยู่ที่นี่เท่านั้น

หยวนเจิ้งเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ต่อจากนี้ย่อมมีโอกาส”

เยี่ยนจ้าวเกอตอบด้วยรอยยิ้มเช่นกัน “ท่านเจ้าเมืองเกรงใจเกินไปแล้วแล้ว หวังว่าวันข้างหน้าจะได้รับการชี้แนะจากท่าน”

หลังจากร่ำลากับซ่งอู๋เลี่ยงเสร็จ พวกเยี่ยนจ้าวเกอกับหยวนเจิ้งเฟิงก็เดินทางกลับ

ผู้ร่วมทางยังมีจอมยุทธ์จากเขากว่างเฉิงเช่นฟู่เอินซูและซือคงจิงด้วย

ถึงแม้ว่าปีศาจอัคคีจะโจมตีจนต้องล่าถอย แต่ก็ยังคงส่งผลคุกคามต่อดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย จึงยังคงมียอดฝีมือพำนักอยู่ที่นี่ เพื่อป้องกันการบุกรุกของปีศาจอัคคีอีกครั้ง

ในสงครามครั้งนี้ฟู่เอินซูได้รับบาดเจ็บสาหัส จึงกลับไปสำนักพร้อมกับพวกเยี่ยนจ้าวเกอเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ ตำแหน่งผู้อาวุโสระดับหนึ่งแห่งทะเลตะวันออกจึงมีคนอื่นมารับช่วงต่อ

“ข้าเกรงว่าตัวเองจะเป็นคนที่มีตำแหน่งอาวุโสระดับหนึ่งแห่งทะเลตะวันออก ที่ใช้เวลาสั้นที่สุดคนหนึ่งเท่าที่เคยมีมาแล้ว” ฟู่เอินซูยิ้มเยาะตัวเองพลางส่ายหน้า

หยวนเจิ้งเฟิงกล่าว “สั้นที่สุดจริงๆ หากเป็นไปได้ ข้าก็ไม่อยากให้เป็นเช่นนี้ แต่มิใช่ไม่ยินดีให้เจ้ากลับสำนัก ทว่านั่นหมายความว่าทะเลชั้นนอกของทะเลตะวันออกไม่มีสงครามใหญ่แล้ว ปีศาจอัคคีไม่ได้ก่อความวุ่นวายเหมือนเช่นครั้งนี้”

ฟู่เอินซูพยักหน้า “ศิษย์ก็ไม่หวังจะออกจากทะเลตะวันออกเพราะแค่อาการบาดเจ็บเช่นกัน”

เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ย “ครั้งนี้เป็นเพราะข้า อาจารย์ป้าจึงเกือบจะตายเพราะหยุดปีศาจอัคคี”

นางกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ “การหยุดความวุ่นวายของปีศาจอัคคี เป็นเรื่องสำคัญที่สุด”

ชายหนุ่มพลันครุ่นคิด ‘การบุกรุกของปีศาจอัคคีในครั้งนี้ถูกตีโต้แล้ว ย่อมส่งผลต่อสถานการณ์โดยรวมของมหาอำนาจแปดพิภพ แต่หนทางยังอีกยาวไกล เกรงว่าจะเพิ่งเริ่มเท่านั้น’