ภาค 5 ผู้ขี่มังกรสู่ฟากฟ้า บทที่ 402 ความเป็นไปได้ในการโต้กลับโลกปีศาจอัคคี

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ปีศาจอัคคีล้มเหลวในการรุกรานมหาอำนาจแปดพิภพ ถูกยอดฝีมือมากมายตีโต้จนต้องล่าถอย คลื่นลมบนทะเลตะวันออกในที่สุดก็ค่อยๆ สงบลง

แต่ตามที่เยี่ยนจ้าวเกอเห็น สำหรับสถานการณ์ของมหาอำนาจแปดพิภพหลังจากนี้ ผลกระทบจากการรุกรานในครั้งนี้ของปีศาจอัคคีเพิ่งจะเริ่มสำแดงผลเท่านั้น

ไม่ว่าจะพูดอย่างไร เมืองทะเลมรกตก็มีกระบี่สัตยาทะเลมรกต อาวุธศักดิ์สิทธิ์เป็นของตัวเองแล้ว ทำให้พลังของเมืองทะเลมรกตพัฒนาอย่างก้าวกระโดด

ถ้าหากไม่ใช่เพราะภัยพิบัติซึ่งเกิดจากปีศาจอัคคีในครั้งนี้ ทำให้เมืองทะเลมรกตได้รับความเสียหายนักและสูญเสียทรัพยากรไปมาก เมืองทะเลมรกตคงจะอยู่เขาไร้พรมแดน หอคลื่นโหม และตำหนักอัสนีสวรรค์ทันที

อาจจะยังไม่เหนือกว่างเฉิงและสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ แต่ก็อยู่ในระดับเดียวกัน

การรุกรานของปีศาจอัคคีทำให้เมืองทะเลมรกตประสบหายนะ ถึงแม้จะสร้างกระบี่สัตยาทะเลมรกตสำเร็จ แต่ว่าเจ้าเมืองซ่งอู่เลี่ยงได้รับบาดเจ็บ ค่ายกลทะเลมรกตไร้ขีดจำกัดที่คอยปกป้องสำนักก็พังลงโดยสิ้นเชิง จำเป็นต้องสร้างใหม่

นอกจากนี้ ลูกศิษย์ของสำนักก็เสียชีวิตและบาดเจ็บสาหัส ทะเลชั้นในของทะเลตะวันออกที่เป็นถิ่นของตัวเองมีปีศาจอัคคีบุกรุก ทำให้เกิดความเสียหายรอบด้าน

พื้นฐานและศักยภาพมีพร้อมอยู่แล้ว หากประคับประคองผ่านช่วงเวลายากลำบากในตอนนี้ไปได้ และคืนพลังกลับมาดังเดิม ครั้งต่อไปเมื่อเมืองทะเลมรกตปรากฏต่อหน้าคนทั่วทั้งใต้หล้าด้วยความพร้อม ทุกคนจะจับตาดูมากกว่าก่อนหายนะครั้งนี้

แต่ว่าจะประคับประคองช่วงเวลาลำบากนี้อย่างไร เป็นปัญหาที่เมืองทะเลมรกตต้องเผชิญ

ยังไม่ต้องพูดถึงว่าปีศาจอัคคีจะรุกรานอีกครั้งหรือไม่ แค่ในมหาอำนาจแปดพิภพ เมืองทะเลมรกตก็จำเป็นต้องระวังตัวมากเช่นกัน

ยากจะจินตานาการว่า สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์กับตำหนักอัสนีสวรรค์ จะรอดูเมืองทะเลมรกตพักรักษาตัวหรือไม่

หลังจากสงครามกว่างเฉิง เขากว่างเฉิง เมืองทะเลมรกต เขาไร้พรมแดนร่วมมือกันต่อสู้กับสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์และตำหนักอัสนีสวรรค์ และได้เปรียบไปในตอนแรก

ถ้าหากเมืองทะเลมรกตมีพลังเพิ่มขึ้น สถานการณ์เลวร้ายของพันธมิตรอัคคีพิภพและอัสนีพิภพย่อมย่ำแย่มากกว่าเดิม

ตอนนี้ในสงครามต้านทานปีศาจอัคคี หวงกวงเลี่ยแห่งสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ กับเฉินลี่แห่งตำหนักอัสนีสวรรค์ ไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ เลย

ซ่งอู๋เลี่ยงรีบร้อนกลับไปเฝ้าเมืองทะเลมรกต เป็นเพราะไตร่ตรองถึงความปลอดภัย

เขาคิดจะรักษาอาการบาดเจ็บ ยังต้องระวังตัวไว้ตลอดเวลา ป้องกันไม่ให้สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์กับตำหนักอัสนีสวรรค์เหยียบย่ำสำนัก

หลังจากการต่อสู้ในครั้งนี้ หยวนเจิ้งเฟิงยังมีสภาพค่อนข้างดี ในฐานะพันธมิตรเป็นผู้สนับสนุนที่เชื่อถือได้ของเมืองทะเลมรกต

เพียงแต่เพราะการรุกรานของปีศาจอัคคีในครั้งนี้ เมืองทะเลมรกตจึงติดหนี้บุญคุณเขากว่างเฉิงมากเกินไป ทำให้พวกซ่งอู๋เลี่ยงเกิดแรงกดดันในใจ

เยี่ยนจ้าวเกอลูบคางของตนเอง ‘หอคลื่นโหมน่าจะไม่มีปัญหากระมัง’

ในฐานะเสาหลักของหอคลื่นโหม ผู้คุมหออันชิงหลินได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้ครั้งนี้ อีกทั้งอาจจะเป็นคนที่ได้รับบาดเจ็บหนักที่สุดในหมู่ยอดฝีมือระดับศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดของมหาอำนาจแปดพิภพด้วย

ที่นางกลับสำนักในครั้งนี้ เพราะต้องการเข้าฌานเพิ่มพลังฝึกปรือและรักษาอาการบอบช้ำ มิเช่นนี้จะเหลืออาการบาดเจ็บติดตัวตลอดไป อย่าว่าแต่เส้นทางในการเพิ่มพลังฝึกปรือถูกปิดตาย แค่ระดับฝึกปรือไม่ลดลงก็ถือว่าเป็นบุญแล้ว

อันชิงหลินเข้าฌาน พลังของหอคลื่นโหมย่อมอ่อนแอลง

ถึงแม้จะรักษาความเป็นกลางมาโดยตลอด แต่หอคลื่นโหมที่ควบคุมดินแดนไร้ขอบเขตหกสายในบึงพิภพ และมีทรัพยากรเหลือเฟือย่อมมีคนหมายตา

‘น่าจะไม่มีปัญหา’ เยี่ยนจ้าวเกอครุ่นคิดในใจ ‘ในสถานการณ์เช่นนี้ หากมีใครไปหาเรื่องหอคลื่นโหม เกรงว่าจะสะกิดโทสะของส่วนรวมขึ้น

‘ต่อให้ยึดครองดินแดนของบึงพิภพ การใช้ทรัพยากรมาเพิ่มพลังอย่างเหมาะสมก็ไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ในวันสองวัน’

ทุกคนกลับถึงเขากว่างเฉิงที่เกาะนภากลาง ระหว่างทางมีรายงายข่าวจากทั่วทั้งสารทิศส่งมาถึงมือหยวนเจิ้งเฟิง กับเยี่ยนจ้าวเกออย่างไม่ขาดสาย

หลังจากการเปลี่ยนแปลงของแกนไฟใต้ดินสงบลง ทะเลชั้นนอกของทะเลตะวันออกก็ค่อยๆ กลับคืนสู่สภาพเดิม ผลกระทบที่เกิดต่อน่านน้ำบริเวณอื่น เช่น คลื่นยักษ์ กระแสน้ำ อันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ก็ค่อยๆ สงบลงเช่นกัน

ผลกระทบที่ส่งผลเป็นบริเวณกว้างก่อนหน้านี้กระทบถึงแผ่นดินที่อยู่ติดทะเลด้วย

แต่สิ่งที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดก็คือการหมุนเวียนของปราณวิญญาณใต้ดิน

ไม่เหมือนกับตอนที่เยี่ยนจ้าวเกอใช้ประโยชน์จากการเขากว่างเฉิง โจมอัคคีพิภพเพื่อค้นหาแกนไฟซึ่งเกิดในวังสุสานทะเลเพลิง ณ ทุ้งร่างแดนใต้ นั่นเพื่อกำหนดตำแหน่ง

ปราณวิญญาณใต้ดินที่อยู่ในทะเลชั้นนอกของทะเลตะวันออกทั้งหมดกลายเป็นแกนไฟ ก่อนจะระเบิดขึ้นที่ทะเลตะวันออก ขณะเดียวกันก็ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของชั้นใต้ดินรอบๆ อย่างรุนแรง

ชั้นใต้ดินก้นทะเลชั้นในของทะเลตะวันออกที่อยู่บริเวณใกล้เคียง ทะเลชั้นนอกของทะเลเหนือ ทะเลชั้นนอกของทะเลใต้ รวมถึงอาณาเขตท้องทะเลที่อยู่สุดขอบตะวันออก ซึ่งมีทะเลชั้นนอกของทะเลตะวันออกเป็นศูนย์กลาง ล้วนเกิดการเปลี่ยนแปลงพร้อมกัน ปราณไฟร้อนแรงสลาย ปราณน้ำแข็งเย็นเยียบพวยพุ่งขึ้นด้านบน

น่านน้ำทะเลเหนือที่เย็นอยู่แล้ว จึงมีธารน้ำแข็งเพิ่มขึ้นจำนวนมาก

เมืองทั้งสามของวารีพิภพบนแผ่นดินสุดขอบทิศตะวันออก และเมืองที่อยู่ติดทะเลตะวันออกก็เผชิญหน้าสถานการณ์ที่คล้ายคลึงกัน

ทั้งหมดนี้เป็นผลข้างเคียงหลังจากที่เพลิงผลาญทะเลตะวันออก จำเป็นต้องค่อยๆ จัดการ

พอได้ข่าว ฟู่เอินซูก็ส่ายหน้า “เพราะไม่ใช่สถานที่ของตัวเอง ปีศาจอัคคีจึงอาละวาดอย่างเต็มที่ สุดท้ายคนในมหาอำนาจแปดพิภพอย่างพวกเราต้องเก็บกวาด หวังว่าจะมีสักวันที่เราจะได้ทำลายโลกปีศาจอัคคีบ้าง!”

เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะเจื่อน “บนดินแดนของพวกมัน เกรงว่าปีศาจอัคคีจะอาละวาดโดยไม่สนอะไรเช่นกัน”

“ส่วนเรื่องทำลายโลกปีศาจอัคคี…” เยี่ยนจ้าวเกอนวดขมับเบาๆ “เกรงว่าตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาขอรับ”

ไฟใต้พิภพที่ทะเลชั้นนอกของทะเลตะวันออกปะทุ เกิดไฟเผาทะเล สภาพแวดล้อมที่สร้างขึ้นทำให้ปีศาจอัคคีมีพลังเพิ่ม พลิกจากผู้มาเยือนเป็นเจ้าบ้าน ใช้ข้อได้เปรียบจากสถานที่

ในโลกปีศาจอัคคีที่พวกมันอาศัยอยู่ ข้อได้เปรียบหลักกับพลังที่เพิ่มขึ้นน่าจะยิ่งเห็นได้ชัดยิ่งกว่า

หยวนเจิ้งเฟิงกล่าวว่า “จ้าวเกอ กระบวนท่าที่เจ้าใช้ทำลายแกนกลางตาข่ายเพลิงนั้น เหมือนจะก่อให้เกิดผลสะกดข่มต่อปีศาจอัคคีใช่หรือไม่”

ชายหนุ่มพยักหน้า “ข้าลองใช้วิธีการโบราณดู ตั้งชื่อให้กับของที่กลั่นออกมาว่า ‘ข่ายอาคมบึงน้ำแข็ง’ ขอรับ”

“ต้นกำเนิดของมันคือยอดฝีมือที่ได้รับการขนานนามร่วมกับจักรพรรดิปีศาจอัคคี และราชันก่อนมหาภัยพิบัติ จักรพรรดิน้ำแข็ง

“จักรพรรดิน้ำแข็งมีความสามารถล้ำเลิศ แต่มรดกที่ตกทอดมามีน้อยมาก อีกทั้งยังชำรุดเสียหาย ไม่เป็นระบบระเบียบ ทำให้ยากจะเห็นถึงความสามารถในอดีตของเขา”

เยี่ยนจ้าวเกอยื่นสองมือออกไปด้านหน้า แบฝ่ามือข้างหนึ่งออกด้านบน ส่วนมืออีกข้างหนึ่งวาดบนฝ่ามือ เหลือรอยไว้หลายรอย

จากนั้นญาณจริงแท้ก็รวมไอน้ำให้กลายเป็นน้ำแข็ง ค่อยๆ จับตัวกันเป็นน้ำแข็งย้อยชิ้นหนึ่ง

ทว่าน้ำแข็งย้อยชิ้นนี้เป็นรูปทรงสามเหลี่ยม คิดจะใช้งาน จำเป็นต้องใช้เวลาขัดเกลาและหลอมเป็นเวลานาน

เขาสาธิตไปพลาง อธิบายไปพลาง “ข้าลองเชื่อมคำพูดที่ส่งต่อมาในคัมภีร์โบราณกับค่ายกลของสำนักเรา ใช้วิธีการโบราณของจักรพรรดิน้ำแข็งเล็กน้อย อีกทั้งยังใส่กระบวนท่าาที่ได้ศึกษาอย่างละเอียดหลังจากเข้าไปที่ซึ่งจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์มังกรน้ำแข็งเคยอยู่ สุดท้ายก็ผสมกันกลายเป็นลักษณะนี้

“ปัจจุบันยังมีจุดที่ยังไม่สมบูรณ์อยู่มาก ครั้งนี้ที่ข้าอยู่ที่ทะเลตะวันออก ก็เพื่ออยากจะใช้ทดลองกับปีศาจอัคคี เพื่อทำให้กระบวนท่านี้สำเร็จ”

เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวต่อ “น่าเสียดายที่การโจมตีในครั้งนี้ของปีศาจอัคคีรุนแรงกว่าที่คาดคิดไว้ ดังนั้นข้าจึงได้แต่ลองเสี่ยงดู”

ทุกคนผ่านประตูสำนักที่ยอดเขาคุนตี้ มุ่งหน้าไปยังยอดเขาเฉียนเทียน ยอดเขาหลักของเขากว่างเฉิง

เขาเดินไปพลาง กล่าวไปพลางว่า “หากกระบวนท่าสมบูรณ์แบบขึ้นเรื่อยๆ และมีอานุภาพแข็งแกร่งมากขึ้น ย่อมมีความเป็นไปได้ที่จะนำพลังซึ่งมีมากพอมาเร่งรัด ผูกมัด หรือโต้กลับโลกปีศาจอัคคี

“ถึงแม้จะไม่สูงส่งเท่าจักรพรรดิน้ำแข็งในอดีตก็ไม่เป็นไร ถึงอย่างไรในโลกปีศาจอัคคี ก็ไม่มีจักรพรรดิปีศาจอัคคีอยู่แล้ว”

หยวนเจิ้งเฟิงกับฟู่เอินซูได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าเล็กน้อย

ขณะที่พูดอยู่ เยี่ยนจ้าวเกอก็นึกถึงเจดีย์เล็กสีแดงองค์นั้นไปด้วย

‘ถ้าไม่ใช่เพราะสิ่งนี้ เกรงว่าปีศาจอัคคีจะทำสำเร็จได้ไม่ง่ายนัก’ เยี่ยนจ้าวเกอเกิดจินตนาการมากมาย

คิดไปคิดมา ความคิดของเยี่ยนจ้าวเกอก็ไปหยุดอยู่ที่คำพูดซึ่งหลินโจวกล่าวก่อนตาย

‘ท่าทางของมันเหมือนไม่ได้กำลังขู่ สำหรับมหาอำนาจแปดพิภพ จะมีภัยพิบัติที่ร้ายแรงกว่าการรุกรานของปีศาจอัคคีในครั้งนี้หรือ’

เยี่ยนจ้าวเกอเลิกคิ้วเล็กน้อย ‘จะเป็นภัยพิบัติอะไรกัน’