บทที่ 1890+1891

ลำนำบุปผาพิษ

ตอนที่ 1890 บังเอิญพบ 2 

 

“ครูฝึกหลง มีข่าวของอวิ๋นเยียนหลีบ้างหรือไม่?” กู้ซีจิ่วยังคงระลึกถึงองค์ชายผู้นั้นอยู่ อย่างไรเสียสหายคนแรกที่เธอคบหาในดินแดนเบื้องบนก็คือเขา และตลอดสองร้อยปีมานี้อวิ๋นเยียนหลีก็ไม่เคยห่างเหินทอดทิ้งเธอเลย ขอเพียงเธอขึ้นมาปฏิบัติภารกิจที่ดินแดนเบื้องบน ขอเพียงเรียกหาเขาก็จะมา ช่วยเหลือเธออย่างไม่เกี่ยงงอนเลย… 

 

หลงซือเย่ถอนหายใจนิดๆ “ไม่มีเลย…” เขาชะงักไปครู่หนึ่งแล้วเอ่ยว่า “ซีจิ่ว ฉันรู้สึกว่าเขาอาจจะประสบเหตุร้ายไปแล้ว…” 

 

เป็นไปไม่ได้เลยที่องค์ชายคนหนึ่งจะหายตัวไปเนิ่นนานปานนี้ได้โดยไร้สาเหตุ ด้วยรูปการณ์เช่นนี้ มีความเป็นไปได้เกือบสิบส่วนว่าจะประสบเหตุไม่คาดฝันอันใดไปแล้ว 

 

กู้ซีจิ่วหลุบตาลงเล็กน้อย ส่ายศีรษะ “ไม่หรอก เขายังมีชีวิตอยู่!” 

 

หยกนภาบอกเธอไว้ องค์ชายผู้นั้นยังมีชีวิตอยู่ เพียงแต่ไม่รู้ว่าอยู่หนใด 

 

หลงซือเย่ค่อนข้างฉงนแล้ว “ซีจิ่ว เจ้ารู้ได้อย่างไร?” 

 

“ข้ามีช่องทางของข้าเอง เพียงแต่ข้าก็รู้แค่ว่าเขายังมีชีวิตอยู่เท่านั้น” 

 

หลงซือเย่หมุนถ้วยชาในมือรอบหนึ่ง ถอนหายใจแผ่วๆ “เขายังมีชีวิตอยู่ทว่าไม่เคยปรากฏตัวขึ้นมาเลย เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้เพียงสองกรณีเท่านั้น หนึ่งคือเขาถูกอะไรบางอย่างกักขังไว้ ไม่สามารถออกมาได้ อีกกรณีคือเขาสูญเสียความทรงจำ จำไม่ได้เลยว่าเขาเคยเป็นองค์ชายอวิ๋นเยียนหลี…” 

 

เขาชะงักไปอีกครั้ง “อันที่จริง ข้าปรารถนาให้เขาเสียความทรงจำไปแล้ว เช่นนั้นเขาจะได้ไม่เป็นทุกข์ หากว่าถูกอันใดกักขังไว้ เมื่อหลุดออกมา ได้เห็นครอบครัวตนบ้านแตกสาแหรกขาดไปแล้ว แผ่นดินก็ผลัดผู้ถือครองแล้ว เกรงว่าเขาจะทนรับไม่ไหว…” 

 

กู้ซีจิ่วจิบชาอึกหนึ่ง อันที่จริงเธอก็กังวลข้อนี้อยู่เหมือนกัน… 

 

เหมือนเธอจะนึกอะไรขึ้นได้ “ใช่แล้ว พี่สาวของเขาล่ะ?” 

 

หลงซือเย่เอ่ยตอบ “พี่สาวของเขายังคงพำนักอยู่ในจวนองค์หญิงเช่นเดิม ความเป็นอยู่ยังนับว่าไม่เลว ไม่ได้แตกต่างจากเมื่อมากนัก” 

 

กู้ซีจิ่วพยักหน้า เธอรู้จักองค์หญิงผู้นั้น มีนามว่าอวิ๋นเยียนฮุ่ย อายุมากกว่าอวิ๋นเยียนหลีสองปี เป็นพี่น้องร่วมสายเลือด ความสัมพันธ์ระหว่างสองพี่น้องยอดเยี่ยมนัก 

 

อวิ๋นเยียนฮุ่ยเป็นอัจฉริยะด้านวิชาอาคมอย่างที่พบเห็นได้ยาก วรยุทธ์สูงกว่าอวิ๋นเยียนหลี บรรลุขั้นซ่างเซียนแล้ว 

 

นางลุ่มหลงในด้านคาถาอาคม มักจะปิดด่านฝึกฝนอยู่เสมอ ไม่ค่อยปรากฏตัวด้านนอกเท่าไหร่ และไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คน 

 

หลายปีก่อนกู้ซีจิ่วบังเอิญมีวาสนาได้พบหน้าตอนที่นางอยู่กับอวิ๋นเยียนหลีครั้งหนึ่ง องค์หญิงผู้นั้นเข้าสังคมไม่เก่ง ถึงขั้นที่ดูค่อนข้างไร้เดียงสาด้วยซ้ำยามที่สนทนากับผู้อื่น คุยได้สามประโยคก็พ้นไปจากเรื่องเคล็ดอาคม ลุ่มหลงในศาสตร์วิชาจนเข้าเส้น… 

 

ยามนั้นบิดามารดายังอยู่ ปลอดภัยไร้กังวล นางจึงกลายเป็นผู้ที่ลุ่มหลงในศาสตร์วิชาจนไม่ถามไถ่เรื่องราวภายนอก 

 

ยามนี้สำหรับนางแล้วกล่าวได้ว่าบ้านแตกสาแหรกขาด นางจะยังตั้งมั่นฝึกฝนไม่ถามไถ่โลกภายนอกอยู่หรือไม่? 

 

กู้ซีจิ่วส่ายหน้า โลกของผู้ที่ลุ่มหลงในศาสตร์วิชาเธอไม่เข้าใจ และไม่เคยคิดจะถาม 

 

ผู้คนหรือเรื่องราวของดินแดนนี้ เธอไม่เคยคิดจะมีส่วนร่วมมากนัก 

 

สาเหตุที่เธอถามไถ่ ก็เพียงเพราะเห็นแก่หน้าของอวิ๋นเยียนหลี ยามนี้ได้ทราบแล้วอีกฝ่ายยังมีชีวิตอยู่อย่างปลอดภัยไร้กังวลเธอก็สบายใจแล้ว 

 

กู้ซีจิ่วถามถึงข่าวคราวขององค์หญิงหย่าพระธิดาบุญธรรมของจักรพรรดิเซียนผู้นั้นต่อ เห็นได้ชัดว่าหลงซือเย่ไม่อยากเอ่ยถึงสตรีนางนี้เลย กล่าวอย่างเฉยชา “ปีนั้นหลังจากจักรพรรดิเซียนพ่ายแพ้ นางก็ประกาศตัดสัมพันธ์พ่อลูกกับจักรพรรดิเซียน หลายวันมานี้คิดจะตามเซ้าซี้วอแวจักรพรรดิเย่อยู่ตลอด ทว่าจักรพรรดิเย่ไม่สนใจนางเลย แม้แต่ตำหนักเซียนก็ห้ามนางเข้า เพียงแต่ยังคงเห็นแก่ความสัมพันธ์แต่เก่าก่อนอยู่จึงไม่ได้สั่งให้ขับไล่คนไปตรงๆ ก็เท่านั้น ตอนนี้แทบจะกลายเป็นที่น่าขบขันของทั้งสามภพไปแล้ว นางยังคงหน้าไม่อายยิ่ง…” 

 

ทั้งสองกินไปด้วยคุยไปด้วย ไม่ทันรู้ตัวฟ้าก็มืดเสียแล้ว 

 

จู่ๆ ด้านนอกก็มีแสงสีรุ้งสายหนึ่งพวยพุ่งขึ้นสู่นภา ส่ายไหวพุ่งตรงสู่ท้องฟ้า จากนั้นแสงหลากสีสันก็ปะทุขึ้นกลางนภา งดงามยิ่งนัก 

 

หลงซือเย่ลุกขึ้นยืน “ซีจิ่ว มีการจุดพลุเฉลิมฉลองการเถลิงราชย์ของจักรพรรดิองค์ใหม่แล้ว พวกเราก็ไปดูกันเถอะ!” 

 

————————————————————————————- 

 

ตอนที่ 1891 บังเอิญพบ 3 

 

ทั้งสองออกมาบนท้องถนน บนถนนมีเทพเซียนสัญจรอยู่ไม่น้อยเลย ผู้คนหลั่งไหลดั่งกระแสธาร คึกคักอย่างยิ่ง 

 

ออกมาหนนี้กู้ซีจิ่วไม่ได้สวมชุดนั้นที่ทำให้คนมองเพศไม่ออกแล้ว และไม่ได้สวมหน้ากากด้วย เพียงสุ่มหยิบชุดกระโปรงสีฟ้าชุดหนึ่งมาสวม ด้านนอกคลุมทับด้วยเสื้อคลุมกันลมสีเงินยวงตัวหนึ่ง เป็นเสื้อผ้าที่ธรรมดายิ่งนักชัดๆ แต่เมื่อประกอบกับดวงหน้างามล่มเมืองของเธอแล้ว และขับเน้นให้ดูงามพิสุทธิ์หลุดพ้นโลกีย์อย่างยิ่ง ทำให้คนมองหนแรกแล้วยังอยากมองซ้ำเป็นหนที่สองอีก… 

 

แน่นอนว่าหลงซือเย่ที่อยู่ข้างกายเธอก็โดดเด่นมากเช่นกัน เขาสวมเสื้อคลุมสีขาวซีด เรือนกายสูงโปร่งดั่งต้วอวี้ ยามที่ยืนอยู่กับกู้ซีจิ่วก็เข้าคู่กันยิ่งนัก 

 

แทบทุกคนที่เดินผ่านล้วนชะงักเท้ามองดูพวกเขาอยู่หลายครา 

 

ระยะนี้ชื่อเสียงของหลงซือเย่โดดเด่นนัก ผู้คนที่สัญจรอยู่บนถนนมีคนรู้จักเขาอยู่มากนัก พากันมาทักทายเขา 

 

แน่นอนว่าขณะที่เอ่ยทักทายก็ให้ความสนใจกับกู้ซีจิ่วด้วย สายตาลุ่มลึกเล็กน้อย… 

 

กู้ซีจิ่วกลับไม่เกรงกลัวการถูกคนมอง แต่เธอไม่อยากให้คนอื่นเข้าใจผิด ดังนั้นเธอจึงใช้อาคมเปลี่ยนแปลงรูปโฉมของตนเล็กน้อย ให้ดูธรรมดาไม่อัปลักษณ์ไม่งดงาม 

 

เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เมื่อมีสหายของหลงซือเย่เห็นเธอที่อยู่ข้างกาย สายตาก็ไม่มีนัยยะแล้ว แต่เอ่ยหยอกเย้าเขาตรงๆ แทน “หัวหน้ากองหลง พาสาวใช้ออกมาเที่ยวเล่นหรือ?” 

 

หลงซือเย่ไม่พอใจเล็กน้อย “…ไม่ นางเป็นสหายของข้า! ไม่ใช่สาวใช้!” 

 

ชุดกระโปรงสีฟ้าที่กู้ซีจิ่วสวมค่อนข้างคล้ายคลึงกับชุดของเสี่ยวเซียนที่โบยบินขึ้นมายิ่งนัก สาวใช้ทั่วไปก็สวมชุดเช่นนี้เหมือนกัน ดังนั้นก็ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดเช่นนี้ได้ 

 

เพื่อนร่วมงานที่มาทักทายหลงซือเย่เหล่านั้นเพ่งพิศกู้ซีจิ่วหัวจรดเท้าแวบหนึ่ง คล้ายจะนึกไม่ถึงว่าหลงซือเย่จะคบหา ‘เสี่ยวเซียน’ คนหนึ่งเป็นหายด้วย 

 

ยิ้มเจื่อนๆ แวบหนึ่ง กล่าวว่า ‘เข้าใจผิดไปแล้วๆ’ จากนั้นก็ไปเลย 

 

“ซีจิ่ว ไม่งั้นเจ้าเปลี่ยนชุดดีไหม? ข้าไม่อยากให้พวกเขาเข้าใจเจ้าผิด” 

 

กู้ซีจิ่วกลับไม่เก็บมาใส่ใจ “ไม่เป็นไรหรอก ไม่ถือสาอะไร” 

 

หลงซือเย่ไม่กล้าบังคับฝืนใจเธอ จึงแล้วแต่เธอ 

 

ขณะที่ทั้งสองเดินเล่นกันอยู่ ก็มีคนผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้นมาอย่างกะทันหัน “หัวหน้ากองหลง!” น้ำเสียงสดใส เป็นเซียนหญิงในชุดขาวซีดคนหนึ่ง 

 

กู้ซีจิ่วรู้สึกว่าผู้คนของที่นี่มองระดับบำเพ็ญได้ง่ายนัก แค่เห็นชุดก็รู้แล้ว! 

 

สตรีนางนี้น่าจะระดับเดียวกับหลงซือเย่ เป็นเสินจวินหญิงผู้หนึ่ง 

 

“หยวนเสินจวิน” หลงซือเย่ขมวดคิ้วนิดๆ แต่ยังคงทักทายสตรีนางนั้น 

 

“หัวหน้ากองหลง ท่านใจร้ายมากเลยนะ ก่อนหน้านี้ข้าชวนท่านมาชมดอกไม้ไฟด้วยกันท่านก็ไม่มา บอกว่ามีธุระด่วน ยามนี้กลับมาคนเดียวแล้ว ซ้ำยังพาสาวใช้คนหนึ่งมาด้วย…” รูปโฉมของสตรีนางนั้นก็งดงามมากเช่นกัน จะยิ้มจะบึ้งก็แฝงความรู้สึกเอาไว้ยิ่งนัก 

 

หลงซือเย่ตีสีหน้าจริงจัง “ข้ามีธุระจริงๆ ยังมีอีก ท่านนี้คือสหายสนิทของข้า หาใช่สาวใช้อันใดไม่!” 

 

สหายงั้นหรือ? 

 

สตรีนางนั้นเลิกคิ้ว สายตากวาดผ่านร่างกู้ซีจิ่วอยู่สองสามครา เบ้ปากนิดๆ “หัวหน้ากองหลง ท่านคบหาเสี่ยวเซียนเป็นสหายตั้งแต่ยามใดกัน?” 

 

สายตาที่มองกู้ซีจิ่วแฝงแววเหยียดหยามอยู่รางๆ 

 

คิ้วหลงซือเย่ขมวดแน่นกว่าเดิม “นางไม่ใช่เสี่ยวเซียน…หยวนเสินจวิน โปรดอย่าคาดเดาส่งเดช” 

 

“มิใช่เสี่ยวเซียน?” คิ้วของสตรีนางนั้นเลิกสูง “เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่านางสวมใส่อาภรณ์ของชั้นเสี่ยวเซียน…” 

 

“มองอาภรณ์จำแนกคน สายตาคู่นี้ของเจ้าไร้แววเสียแล้ว” เสียงเด็กน้อยเยาว์วัยสายหนึ่งพลันแว่วมา 

 

กู้ซีจิ่วตัวแข็งทื่อไปเล็กน้อย หันไปมองตามเสียง เห็นเด็กชายคนหนึ่งกำลังขี่คอคนผู้หนึ่งอยู่ ก้าวออกมาจากฝูงชนที่เดินกันขวักไขว่ ทอดมองพวกเขาจากมุมสูง 

 

ว่ากันตามจริงคือ ทอดมองหยวนเสินจวินผู้นั้นจากมุมสูง 

 

กู้ซีจิ่วยังคงจดจำคนได้แม่นยิ่งนัก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเด็กชายที่มีรูปโฉมโดดเด่นเช่นนี้เลย! 

 

…เป็นเสินเนี่ยนโม่! บุตรแห่งเทพมารคนนั้น! 

 

———————————————-