บทที่ 549 นึกไม่ออกว่าหญิงผู้นี้ที่มาเป็นใคร

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ

ค่ำคืนนี้ทั้งสองคนพักอยู่ที่พระตำหนักหรงเต๋อ อาหารเย็นได้รับประทานร่วมกับองค์จักรพรรดิอวี้ตี้ ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกเกร็งอึดอัด

พักหนึ่งคืนอาการของต้ากั๋วจิ้วดีขึ้นมากแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นกับหนานกงเย่ถึงได้กลับไปที่จวนอ๋องเย่

วันนั้นต้ากั๋วจิ้วก็ได้ออกจากพระราชวังและกลับจวนกั๋วกงเช่นกัน

ฉีเฟยอวิ๋นไม่ต้องมารักษาต้ากั๋วจิ้วถึงในพระราชวัง นับว่าโล่งอกอย่างมาก

แต่ทว่าร่างกายของหนานกงเย่กลับได้ทำให้ฉีเฟยอวิ๋นนึกถึง

หนานกงเย่กล่าวด้วยสีหน้าอึดอัดว่าเขามิเป็นไร

“ไม่มีผู้ใดกล่าวว่าท่านอ๋องเกิดเรื่อง นี่ไม่ใช่ว่าดีเหมาะสม!”ฉีเฟยอวิ๋นกังวลใจไม่ค่อยได้นอนทั้งคืน จนกระทั่งตำหนิตนเอง

หนานกงเย่อารมณ์ปะทุ โรคหัวใจมีมาตั้งนานแล้ว แต่เธอไม่ได้ใส่ใจมาโดยตลอด กลับเป็นการประมาท

วันนี้เป็นเช่นนี้ เธอตำหนิตนเองหนักมาก

หนานกงเย่ไม่สามารถควบคุมหรือยุ่งวุ่นวายกับเธอได้มาก เลยจำเป็นต้องใช้การกระทำอย่างแท้จริงเพื่อพิสูจน์

หนานกงเย่ไม่พูดไม่จาทั้งวัน พอตกเย็นเขาต้องการไปพักที่สวนดอกกล้วยไม้ ฉีเฟยอวิ๋นไม่อนุญาต ต้องการให้เขาพักที่เรือนจวินจื่อ เพื่ออยู่ร่วมกันกับเหล่าลูกๆ และก็รู้สึกว่าอยู่ทางด้านนั้นรักษาบาดแผลจะเหมาะสมกว่า

เขาถือโอกาสตอนที่ฉีเฟยอวิ๋นไม่อยู่ทิ้งจดหมายไว้หนึ่งฉบับแล้วกลับไปที่เรือนสวนดอกกล้วยไม้

ฉีเฟยอวิ๋นจัดการดูแลลูกๆแล้ว ส่งต่ออวิ๋นจิ่นเสร็จจึงได้กลับมาที่เรือนสวนดอกกล้วยไม้ เธอกลัวว่าโรคหัวใจของหนานกงเย่จะกำเริบ เลยเดินเร่งฝีเท้าอย่างว่องไว

พอมาถึงห้องหลักของสวนดอกกล้วยไม้ เธอได้ผลักเข้าไป

ด้านในไม่มีคน บนพื้นมีชุดวางอยู่ ห้องน้ำแร่เปิดออก มีกลิ่นอายความร้อนแผ่กระจายออกมาจากด้านใน เมื่อนึกถึงอาการของหนานกงเย่ที่ยังไม่ดี ฉีเฟยอวิ๋นสาวเท้าก้าวฉับๆเข้าไป จากนั้นกล่าวว่า“หนานกงเย่”

ห้องน้ำแร่ไม่มีคน ฉีเฟยอวิ๋นร้องตะโกนอยู่ด้านในว่า“หนานกงเย่…….”

เธอร้องอย่างต่อเนื่องอยู่สักพัก ฉีเฟยอวิ๋นมองเห็นกางเกงที่หนานกงเย่สวมใส่ด้านในอยู่ที่พื้น ฉีเฟยอวิ๋นเลยพุ่งกระโจนลงไปในน้ำ เพื่อที่จะไปหาหนานกงเย่ แต่ทว่าเธอกลับชะงักงันอยู่ครู่หนึ่ง เพราะรู้สึกว่าด้านหลังของเธอมีคน

เธอหมุนตัวมอง ภายในน้ำมีคนทะยานขึ้นมาหนึ่งคน ผมยาวสลวยอยู่บนไหล่

ชายหนุ่มไม่สวมใส่เสื้อผ้า ไหล่ทั้งสองข้างโผล่พ้นเหนือน้ำ บวกกับเอวสอบของเขา กล้ามเนื้อเป็นมัดรอน ฉีเฟยอวิ๋นกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ชายผู้นี้เท่ห์มีเสน่ห์เหลือเกิน!

“ท่าน…..”

ฉีเฟยอวิ๋นเพิ่งจะอ้าปากเอ่ย ทันใดนั้นหนานกงเย่ได้เข้ามาสวมกอดเธอ เธอถูกวางไว้บนขอบไม้ ตัวนอนอยู่บนนั้น ชายหนุ่มยืดตัวขึ้นตรง

“หนานกงเย่ ท่านอย่ามาลุ่มล่ามนะ ท่านมีโรคหัวใจต้องรู้ไว้ด้วย”

“…..”

วินาทีถัดมา ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาไม่ได้มีการทำสิ่งต่างๆตามสามัญสำนึกและสติสัมปชัญญะเลย ฉีเฟยอวิ๋นเวียนหัวตาลาย ร่างกายเริ่มกระเพื่อมไม่หยุด เวลานั้นก็ไม่รู้ว่าโยกย้ายไปแล้วกี่สถานที่ เปลี่ยนไปแล้วกี่ท่วงท่า จนถึงตอนที่ฉีเฟยอวิ๋นถูกปล่อยในน้ำ เธอได้มองหนานกงเย่ ใบหน้าแดงก่ำ ปากของเธอแห้งผาก

หนานกงเย่นำคนขึ้นมาจากน้ำมาไว้ในอ้อมกอด ถึงแม้ว่าครั้งนี้ของเขาจะจบสิ้นแล้ว แต่เขามีพละกำลังบึกบึนมากมาย เขาจูบสัมผัสร่างกายของเธอ ทำให้เธอไม่เชื่อฟัง ไม่เชื่อเขา!

ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกน้อยใจกล้ำกลืนความไม่เป็นธรรม เธอจะรู้ได้อย่างไร้ว่าการแมะจับจ้องจะเกิดข้อผิดพลาด

“หม่อมฉันเชื่อ”ฉีเฟยอวิ๋นเหนื่อยจนจะไม่ไหวแล้ว ผลักหนานกงเย่ออก แต่หนานกงเย่ไอ้อุ้มคนวางบนโขดหิน จากนั้นพัวพันฟัดเหวี่ยงอยู่ด้านบน

ค่ำคืนนี้ กำหนดไว้แล้วว่าเป็นค่ำคืนที่ฉีเฟยอวิ๋นนอนไม่หลับ จนถึงฟ้าสาง ฉีเฟยอวิ๋นถึงได้ถูกอุ้มไป

วันนี้ฉีเฟยอวิ๋นถูกรบเร้าจนกระดูกทั้งตัวกระจายแล้ว กลับกันกับหนานกงเย่ที่ช่วงเช้ามีภารกิจ ประมาณตีสามก็ไปแล้ว นั่นหมายความว่าเขาไม่ได้นอนเลย

ฉีเฟยอวิ๋นนอนถึงเที่ยงค่อยตื่นมา ไม่เห็นหนานกงเย่แต่ทว่ากลับนึกเรื่องของต้ากั้วจิ้วได้ เลยรีบผลัดเปลี่ยนชุดไปที่จวนกั๋วจิ้ว

ฉีเฟยอวิ๋นโอบกอดหีบยาไว้แล้วหลับไป

รถม้ามาถึงจวนกั๋วจิ้ว ฉีเฟยอวิ๋นลงมาจากรถม้า เธอปวดเอวแปลบ เกือบจะล้มหัวคะมำ

อาอวี่เดินเข้ามาประคอง ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกหายใจลำบาก ขนาดหายใจยังไร้เรี่ยวแรงเลย

อาอวี่กล่าวถามว่า“พระชายาต้องการพักผ่อนหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”

ฉีเฟยอวิ๋นส่ายศีรษะกล่าวว่า“เข้าไปเถิด”

ฉีเฟยอวิ๋นเข้าไปดูกั๋วจิ้ว หวังเสียนรออยู่ที่หน้าประตูครึ่งค่อนเช้า คิดไม่ถึงว่าฉีเฟยอวิ๋นจะยังมาไม่ถึง หวังเสียนนึกว่าฉีเฟยอวิ๋นจะไม่มาเสียแล้ว กำลังจะกลับไปรายงานต้ากั๋วจิ้ว ฉีเฟยอวิ๋นก็มาพอดี

“พระชายาเย่”หวังเสียนเดินมากล่าวทักทาย ฉีเฟยอวิ๋นพยักหน้า และเดินอย่างโรยราเข้าไปในจวนกั๋วกง

พอตรวจดูอาการของต้ากั๋วจิ้วเสร็จ ได้รอสักพักหนึ่ง จากนั้นถึงได้พากันเดินทางกลับ

ฉีเฟยอวิ๋นขึ้นรถม้าแล้วอาอวี่ถึงได้ถามว่า“เชิญหมอประจำจวนโจวมาหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”

“โรคของต้ากั๋วจิ้วหมอประจำจวนโจวไม่สามารถตรวจดูได้ จำเป็นต้องมาทุกวันแล้ว พวกเรากลับกันก่อนเถิด”ฉีเฟยอวิ๋นไม่อยากไปไหนเลย เธอเพียงแค่อยากกลับเรือนไปนอนพักผ่อน

อาอวี่ขึ้นรถม้า และมุ่งตรงกลับจวนอ๋องเย่

ลงจากรถอีกนิดหนึ่งฉีเฟยอวิ๋นก็จะล้มแล้ว อาอวี่เลยรีบเร่งไปประคอง แต่ทว่ากลับมีคนผู้หนึ่งประคองไว้แล้ว

ฉีเฟยอวิ๋นเงยหน้าขึ้นมองด้วยความเลอะเลือน เป็นเวลานานถึงได้มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมา มองคนที่อยู่ตรงหน้า ฉีเฟยอวิ๋นตกใจจนพูดไม่ออกเก้ๆกังๆว่า“ท่าน…”

“ไม่เคยเจอชายที่รูปหล่อเช่นนี้ใช่หรือไม่?มองจนไม่มีความสดใสล่องลอยเช่นนี้ จนคางจะย้อยลงมาอยู่รอมร่อ หรือส่าได้ถูกทำให้หลงใหลเสียแล้ว?”มู่เหมียนกล่าวอย่างไม่พอใจ นางได้แต่งปลอมตัวเป็นชายออกมา หนึ่งเพื่อที่จะมาเยี่ยมดูท่านพ่อ สองเพื่อที่จะมาดูว่าหนานกงเย่เป็นอย่างไรบ้าง

ฉีเฟยอวิ๋นสงบลงถึงได้กล่าวถามว่า“ท่านออกมาได้อย่างไร?”

“อืม อยากออกมาก็ออกมาเลย เหตุใดท่านถึงได้ดูอิดโรยเช่นนี้ สีหน้าของท่านย่ำแย่มาก อาการโรคของท่านอ๋องเย่หนักหรือ?”มู่เหมียนแต่งกายด้วยชุดสีน้ำเงิน ด้านนอกสวมใส่เสื้อที่ไร้แขน ที่คลุมเป็นสีขาว รูปลักษณ์ที่มองภายนอกหล่อเหลาเหลือเกิน

ฉีเฟยอวิ๋นพินิจพิเคราะห์แล้วกล่าวว่า“ไม่ได้มีอะไรแล้ว เพียงแค่เมื่อคืนพักผ่อนน้อย ดูแลเขาตลอด เขาไม่เชื่อฟัง ตอนเช้าได้ออกไปทำภารกิจแล้ว”

นึกที่มู่เหมียนเป็นคนของฝ่าบาท ไม่ดีที่จะมีอะไรก็พูดหมด ฉีเฟยอวิ๋นเลยเก็บความคิดบางอย่างไว้

มู่เหมียนเงยหน้ามองประตูใหญ่ของจวนอ๋องเย่ ในมือถือพัดโบกสะบัดอยู่ครู่หนึ่ง และหันมาเคาะลงที่ศีรษะของฉีเฟยอวิ๋น เธอไม่รู้เรื่องอะไรเลย อยู่ดีๆถูกตี และยังเคาะตีแรงมากด้วย แน่นอนว่าเธอไม่พอใจ

สีหน้าอคมครึมลงฉีเฟยอวิ๋นกำลังคิดจะโวยวาย มู่เหมียนได้กล่าวว่า“ดึกมากแล้ว ข้าจะต้องกลับละ ตอนเช้าข้ารออยู่ที่จวนกั๋วกง ไม่เห็นท่านไป ตอนบ่ายข้ามารอท่าน ท่านก็ไม่อยู่อีก ไม่รู้เลยจริงๆว่าวันหนึ่งนี้ท่านทำสิ่งใด”

มู่เหมียนกำลังจะกลับไป ฉีเฟยอวิ๋นไม่วางใจเลยให้นางมานั่งรถม้า มู่เหมียนโบกมือพัลวันกล่าวว่า“ไม่ต้องหรอก รถม้าของจวนอ๋องเย่ของท่านมันขวางหูขวางตาเกินไป ไม่เหมาะสมกับที่ข้าจะนั่ง นั่งแล้วง่ายต่อการถูกคนพบเจอ”

ฉีเฟยอวิ๋นไม่วางใจต้องการให้อาอวี่คุ้มกันไปส่ง

อาอวี่ได้ตามไปแล้วส่งมู่เหมียนกลับ

ฉีเฟยอวิ๋นกลับมาที่สวนดอกกล้วยไม้ถือโอกาสพักผ่อนจิตใจ เพื่อรออาอวี่กลับมา

“พระชายาเย่……”อาอวี่กลับมาได้เป็นเวลาฟ้ามืดแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นเรียกเขาเข้ามา

“เป็นอย่างไรบ้าง?”

“กลับไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

“อืม กลับไปก็ดี เจ้าออกไปเถิด ข้าจะพักสักครู่ ท่านอ๋องมาแล้วบอกกับเขาด้วยว่าข้าอยู่ที่แห่งนี้ แล้วไปบอกอวิ๋นจิ่นที่เรือนจวินจื่อว่าคืนนี้ไม่ไปแล้ว”

“พ่ะย่ะค่ะ”

อาอวี่ไปแจ้ง ฉีเฟยอวิ๋นได้ทนไม่ไหวแล้ว ได้หลับข้ามวันไปเลย

รอหนานกงเย่กลับมา ตั้งแต่ต้นจนจบก็ไม่สามารถรอไหว กลับได้รอรับข่าวที่ไม่ดีมา

ตอนเช้าตื่นขึ้นมาฉีเฟยอวิ๋นไม่เห็นหนานกงเย่กลับมา เธอเลยเริ่มกังวลใจ เธอลุกขึ้นแล้วไปรออยู่ด้านนอกประตูจวนอ๋องเย่กับอาอวี่

ด้านนอกจวนอ๋องเย่รถม้าวิ่งขวักไขว่ คล้ายดั่งวันปกติทั่วไป แต่ทว่าฉีเฟยอวิ๋นกลับมองเห็นหญิงนางหนึ่ง เดินสะโอดสะองอ้อนแอ้นมาจากทางด้านหนึ่ง

มองใบหน้าของนางที่เต็มไปด้วยแป้ง แววตาที่มีเลศนัย ความทรงจำของฉีเฟยอวิ๋นเลือนรางไม่ชัดเจน คล้ายดั่งเคยเจอที่แห่งไหน แต่ก็คิดนึกไม่ออกเลย!