บทที่ 550 หนานกงเย่สลบไสล

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 550 หนานกงเย่สลบไสล
จวินซือซือเดินไปถึงตรงหน้าฉีเฟยอวิ๋นก็หยุดลงและมองอย่างละเอียดอยู่ครู่หนึ่ง: “พระชายาเย่จำข้าไม่ได้แล้วหรือ?”

ฉีเฟยอวิ๋นได้ยินเสียงก็จำได้ว่าคือผู้ใด จวินซือซือ?

คุณหนูสามของจวนราชครู!

ฉีเฟยอวิ๋นนึกขึ้นได้ว่าจวินซือซือมาแล้ว ครั้งที่แล้วที่ได้พบกับจวินซือซือก็คือก่อนที่จะไปเมืองอู๋โย่วซึ่งจวินซือซือถูกทุบตีอย่างหนัก คาดไม่ถึงเลยว่าจะมีโอกาสได้พบกันอีก

“ท่านหาข้ามีธุระหรือ?” ฉีเฟยอวิ๋นมักจะเพิกเฉยต่อผู้ที่ไม่มีมารยาทและไม่มีเจตนาที่ดีเสมอ

จวินซือซือยิ่งรู้สึกขบขันมากขึ้น: “ดวงตาของพระชายาเย่นั้นสูงยิ่งนัก ท่านและข้ารู้จักกันมาตั้งแต่ยังเด็กยังสามารถที่จะจำกันไม่ได้อีก พูดออกไปไม่รู้ว่าจะทำให้ผู้อื่นตลกขบขันหรือไม่?”

ฉีเฟยอวิ๋นเกียจคร้านที่จะพูดเรื่องไร้สาระกับจวินซือซือจึงถามไปว่า: “เจ้าหาข้ามีเรื่องอันใดกันแน่?”

“เรื่องอันใด เช่นนั้นก็ต้องไปถามอ๋องเย่แล้ว เขาริเริ่มหาข้าเองและตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องของข้า พระชายาเย่จะตามข้าไปดูหรือไม่?”

ฉีเฟยอวิ๋นตกตะลึงครู่หนึ่งแล้วมองไปยังอาอวี่ อาอวี่นั้นเข้าใจทันทีและให้คนเตรียมรถม้าและขึ้นรถม้า

“ทำไม พระชายาเย่กลัวว่าข้าจะทำให้รถม้าของจวนอ๋องเย่ของพวกท่านเปรอะเปื้อนหรือ?” จวินซือซือยืนอยู่ด้านล่างของรถม้าและถามอย่างจองหอง

ฉีเฟยอวิ๋นไม่ได้จริงจังกับจวินซือซือเลยแม้แต่น้อยแล้วเหลือบมองอาอวี่และกล่าวว่า: “ปกติท่านอ๋องไม่ชอบผู้ที่ไม่สะอาดเสมอมา รีบหารถม้าเล็กๆมาคันหนึ่งในทันทีให้นางนำทางอยู่ด้านหน้า เรื่องนี้นั้นไปเชิญข้าหลวงประจำเมืองท่านเวยฉือให้เขามาช่วยสืบสวน คุณหนูสามจวินเป็นคนของจนตระกูลจวินรีบไปเชิญจวนราชครูเชิญราชครูจวินมา”

“พะย่ะค่ะ” อาอวี่เห็นด้วย จวินฉือฉือรู้สึกกลัวขึ้นมาบ้างแล้ว นางหลบสายตาพอได้ยินตระกูลจวินก็ไม่กล้าพูดจาเลย

ฉีเฟยอวิ๋นปิดม่านรถม้าลง ใบหน้าหมองหม่นและนั่งไปในรถม้าพร้อมกับอุ้มจิ้งจอกน้อยขึ้นมา: “ไป ไปหาท่านอ๋อง หาพบแล้วห้ามมิให้ผู้ใดเข้าใกล้ ข้าทายาพิษไว้บนตัวเจ้า นี่คือยาถอนพิษเจ้ากินซะก่อน”

จิ้งจอกน้อยอ้าปากกินยาถอนพิษที่ฉีเฟยอวิ๋นให้ลงไปแล้วหายวับไปในพริบตา

ราชครูจวินเพิ่งเสร็จราชการในราชสำนัก เดิมทีในวันนี้มีเรื่องต้องหารือกัน เมืองอู๋โย่วส่งจดหมายมาว่ามีท่านทูตมายังเมืองต้าเหลียงด้วยตนเองเพื่อแลกเปลี่ยนทางด้านการค้าและความเป็นอยู่ของผู้คน ราชครูจวินกำลังหารือเรื่องนี้กับเสนาเดีเฉินว่าผู้ใดจะไปต้อนรับ

เรื่องนี้ยังต้องให้หนานกงเย่คัดเลือกด้วยตนเอง แต่วันนี้ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ซึ่งควรจะเข้าราชสำนักไม่อยู่

รถม้าของราชครูจวินมาถึงหน้าประตูเสี่ยวซือก็ได้อยู่ตรงประตูแล้ว เมื่อเห็นราชครูจวินก็เดินไปหาทันทีและแสดงป้ายคาดเอวให้ราชครูจวินดู: “ท่านราชครูโปรดรอก่อน กระหม่อมผู้ต่ำต้อยเป็นคนของจวนอ๋องเย่ นี่คือป้ายคาดเอวของจวนอ๋องเย่ พระชายาเย่เรียนเชิญ”

“……”ราชครูจวินสีหน้าแปลกใจ อยู่ดีๆเชิญเขาด้วยเหตุใด?

ป้ายคาดเอวถูกต้อง คนก็ได้เห็นแล้ว เกิดเรื่องขึ้นราชครูจวินนั้นไม่กลัวฉีเฟยอวิ๋น ครั้งที่แล้วทำหลุมพลางใส่ฉีเฟยอวิ๋นหนานกงเย่ทำให้ลำบากไปสองสามวัน แต่ว่าฮูหยินรองของเขาก็ยังไม่ส่งคืนเขาก็ควรจะไปถามพระชายาเย่ชี้แจงเรื่องนี้ให้กระจ่าง

ราชครูจวินขึ้นรถม้าและตามเสี่ยวซือไปยังสถานที่ที่ต้องการไป

ลงจากรถราชครูจวินก็สอดมือเข้าไปในแขนเสื้อแล้วเงยหน้าขึ้นมองยังสถานที่ที่ไม่รู้จักแห่งนี้

เป็นเวลานานจึงถามเสี่ยวซือว่า: “มาจัดการคดีหรือ?”

เสี่ยวซือไม่มีคำพูดใดๆทว่าท่าทีนั้นเหลือบมองราชครูจวินอย่างดูแคลน หมายความถึงว่ายังจะมีหน้ามาถามอยู่อีกหรือ?

ราชครูจวินไม่สบอารมณ์ อย่าว่าแต่ในศูนย์กลางการค้าแม้แต่ในศาลน้อยคนนักที่จะกล้ามองเขาด้วยสายตาเหยียดหยามเช่นนี้

อย่างไรก็ตามจวนอ๋องเย่นั้นมีผู้คนอยู่มากมาย มีนายท่านเช่นไรก็มีบ่าวเช่นนั้น แต่ละคนไม่มีกฎระเบียบไม่ถือสากับพวกเขาเหล่านั้นเป็นพอ

ราชครูจวินกำลังคิดที่จะเข้าประตูก็เห็นรถม้าของข้าหลวงประจำเมืองหลวงมาถึงฝั่งนี้ คนห้าสิบคนมาถึงด้านหน้าของประตูจวนแล้วและล้อมลานที่มั่งคั่งเอาไว้อย่างรวดเร็ว

ราชครูจวินชะงักและมองไปยังรถม้าของเวยฉือ เวยฉือลงมาจากรถม้าสวมเสื้อคลุมสีน้ำเงินพร้อมลายนกกระเรียนสองตัวต่อสู้กัน

เวยฉือสวมเสื้อคลุมทางการแล้วก็มา ราชครูจวินมองเวยฉืออย่างประหลาดใจ เวยฉือเปลี่ยนเสื้อคลุมทางการมาหรือ?

เดินถึงยังด้านหน้าของราชครูจวินเวยฉือทักทายขึ้นทันทีแล้วกล่าวว่า: “กระหม่อมผู้ต่ำต้อยเวยฉือคารวะใต้เท้าราชครู”

ตามรัชสมัยฐานันดรของราชครูจวินนั้นน่าอายนัก แม้ว่าฐานะจะสูงแต่ไม่มีอำนาจอันแท้จริงดังเช่นราชครูจวินเช่นนี้นั้นมีน้อยยิ่งนัก

เวยฉือเป็นข้าหลวงประจำเมืองหลวง ตำแหน่งขั้นที่สี่แต่อยู่ต่อหน้าราชครูจวินกลับดูเหมือนเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น

มือที่แขนเสื้อของราชครูจวินขยับด้วยความแปลกใจ: “ข้าหลวงประจำเมืองเวยฉือมาถึงที่นี่ในวันนี้มีเรื่องสำคัญอันใดหรือ?”

เวยฉือลังเลที่จะเงยหน้าขึ้นเหลือบมองยังราชครูจวิน ผู้ใดก็ไม่ควรทำให้ขุ่นเคือง แต่เขาก็ไม่กล้ากล่าวสิ่งใด

“ราชครูจวินไม่รู้ว่าที่นี่คือที่ใด?” เวยฉือถามประโยคนี้ยิ่งทำให้ราชครูจวินสงสัยขึ้นไปอีก งานเลี้ยงที่หงเหมินในวันนี้เขาเป็นผู้จัดหรือ?

ราชครูจวินกำลังคิด อาอวี่ก็ขับรถม้ามาถึงแล้ว

เมื่อราชครูจวินเห็นรถม้าของฉีเฟยอวิ๋นก็เงยหน้าขึ้นแล้วเหลือบมอง นึกถึงว่าฮูหยินรองของตนเองยังอยู่ในมือของนางอารมณ์ก็ไม่ได้ดีนัก

ฉีเฟยอวิ๋นลงจากรถม้าก็เห็นราชครูจวินก็เดินไปหาด้วยความสงบนิ่ง ย่อกายทำความเคารพแล้วฉีเฟยอวิ๋นก็ปฏิบัติด้วยความสุภาพ: “คารวะราชครู”

“พระชายาเย่ไม่จำเป็นต้องเกรงใจเช่นนี้” ดวงตาอันเพิกเฉยของราชครูจวินได้สู้ทั้งความสามารถและความกล้าหาญกับฉีเฟยอวิ๋นแล้ว เขาเป็นราชครูผู้หนึ่งสามารถสู้กับพระชายาผู้หนึ่งได้ เห็นได้ว่าเขาไว้หน้าเพียงพอแล้ว

ราชครูจวินมองไปยังจวนตรงหน้าแล้วสงสัยอยู่บ้าง จวนเป่าจวิ้น?

ราชครูจวินไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีสถานที่เช่นนี้อยู่ในเมืองหลวงดังนั้นจึงไม่ชัดแจ้งเท่าใด

ขณะที่กำลังคิดในเรื่องนี้อยู่ รถม้าอีกคันหนึ่งก็หยุดลง

ราชครูจวินไม่ได้สนใจรถม้าคันใหม่ที่มาเลยแม้แต่น้อย ไม่ใช่สิ่งใดที่นับได้เลยซักนิด

เห็นรถม้าที่ไม่ได้ดูดีราชครูจวินก็หันหน้าออกแล้วเดินย่างก้าวเข้าไปในจวนเป่าจวิ้น

ฉีเฟยอวิ๋นหันกลับไปเหลือบมองจวินซือซือที่ลงจากรถ ลูกหลานมาถึงก็เดินผ่านไปอย่างไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย

เวยฉือรีบทำความเคารพฉีเฟยอวิ๋นแล้วฉีเฟยอวิ๋นจึงกล่าวว่า “ข้าหลวงประจำเมืองเวยเชิญ”

เวยฉือรีบเชิญฉีเฟยอวิ๋นเข้าประตู ทั้งสองคนจึงได้เข้าประตูพร้อมกัน จวินซือซือด้านหลังกำมือทั้งสองเอาไว้แน่น นางมองไปยังผู้ที่เข้าประตูไปอย่างไม่เต็มใจและนางต้องการทำให้ฉีเฟยอวิ๋นอับอายขายหน้าจนตาย

ฉีเฟยอวิ๋นเข้าประตูไปแล้วมองไปโดยรอบ เจ้าจิ้งจอกน้อยกำลังหมุนไปมาตรงหน้าประตู ฉีเฟยอวิ๋นเดินไปยังฝั่งนั้น: “ราชครูเชิญ”

ราชครูจวินรู้สึกว่าเรื่องในวันนี้เตรียมไว้เพื่อเขาดังนั้นจึงไม่ได้รู้สึกแปลกใจเท่าไหร่ ฉีเฟยอวิ๋นต้องการทำเช่นไรเขาก็ทำเช่นนั้น

ราชครูจวินเดินไปทางฝั่งที่เจ้าจิ้งจอกน้อยคุ้มกันอยู่ มีคนสองสามคนนอนอยู่บนพื้นอยู่แล้วและดูเหมือนว่าพวกเขายังไม่ตายจากพิษกำเริบแต่ก็ไม่ค่อยดีนัก

เวยฉือก็ประหลาดใจเช่นกัน: “เกิดสิ่งใดขึ้น?”

ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวว่า: “สักครู่ข้าหลวงประจำเมืองเวยก็จะรู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้น ข้าหลวงประจำเมืองเวย ราชครูจวินเชิญ”

ทั้งสองคนเดินตามเข้าประตูไปก็ได้ยินเสียงคนตะโกนอยู่ด้านนอกประตู: “เกิดสิ่งใดขึ้น เกิดสิ่งใดขึ้น?”

จวินซือซือเห็นภาพตรงหน้าก็ตกใจขึ้น ราชครูจวินหันหลังกลับ ในเวลานี้ถึงได้รู้สึกว่ามีเสียงผู้ที่คุ้นเคยตะโกนอยู่ด้านหลัง ราชครูจวินกำลังจะหันหลังกลับเวยฉือก็ตกตะลึง: “อ๋องเย่!”

ราชครูจวินสีหน้าว่างเปล่าแล้วหันกลับมามองผู้ที่นอนอยู่บนเตียงในห้องส่วนตัว มองเห็นใบหน้าของคนผู้นั้นอย่างไม่ชัดเจน มองดูแล้วขมวดคิ้วรู้สึกงุนงงเล็กน้อย

เหตุใดหนานกงเย่ถึงได้มาอยู่ที่นี่?

เวยฉือรีบเดินเข้าไปใกล้ เจ้าจิ้งจอกน้อยรีบวิ่งเข้าไปขวางอยู่ข้างหนานกงเย่ แสดงท่าแยกเขี้ยวอันดุร้าย