ภาคที่ 26 ศาสตร์ลับประจำวัง ตอนที่ 1 ขีดสุดของการบำเพ็ญ

Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน

ตอนที่ 1 ขีดสุดของการบำเพ็ญ โดย Ink Stone_Fantasy

ตงป๋อเสวี่ยอิงบินเข้าไปท่ามกลางอากาศอันสับสนอลหม่าน ก็สัมผัสได้ว่ากฎเกณฑ์อันไร้รูปร่างชนิดหนึ่งที่หมุนเวียนอยู่กวาดผ่านตนเองไป เขารู้ว่านี่ก็คือกฎเกณฑ์การหมุนเวียนของอากาศอันสับสนอลหม่าน! เมื่อเข้ามาถึงที่นี่ ก็จะไม่ได้รับการคุ้มครองจากจักรวาลอีกต่อไป จะต้องเป็นสิ่งมีชีวิตที่วิญญาณค่อนข้างจะครบสมบูรณ์จึงจะสามารถรอดชีวิตในอากาศอันสับสนอลหม่านได้ แน่นอนว่ายังต้องสามารถต้านรับสภาพแวดล้อมอันเลวร้ายของอากาศอันสับสนอลหม่านให้ได้ด้วย

“ฟึ่บๆๆ…” อากาศอันสับสนอลหม่านดูราวกับความว่างเปล่า แต่อันที่จริงคือพละกำลังจำนวนนับไม่ถ้วนที่ผสานรวมกัน และมีพลังทำลายล้างอันน่าหวาดหวั่นอยู่บ้าง ทั้งยังหนาวเหน็บเป็นอย่างยิ่ง ลำพังแค่ความหนาวเหน็บระดับนี้ ก็สามารถทำให้ผู้ปกครองบางคนแข็งตายได้แล้ว

ทว่าภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ตงป๋อเสวี่ยอิงกลับเหมือนปลากระดี่ได้น้ำ เพราะถึงอย่างไรเขาก็เป็นผู้ท่องอากาศ เมื่อบรรลุถึงชั้นที่สิบเอ็ดก็สามารถเอาชีวิตรอดในอากาศอันสับสนอลหม่านได้แล้ว แต่ตอนนี้เขาถึงชั้นที่ยี่สิบแล้ว จึงต้องสบายมากขึ้นเป็นธรรมดา

“จักรวาล”

ตงป๋อเสวี่ยอิงหันกลับไปมองด้านหลัง

สิ่งมีชีวิตขนาดมหึมาสุดลูกหูลูกตา…จักรวาล! นี่ก็คือจักรวาลบ้านเกิดของตน มันใหญ่โตทั้งยังปกป้องสิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนด้านใน เมื่อเทียบกับอากาศอันสับสนอลหม่านแล้ว ภายในจักรวาลก็ปลอดภัยกว่ามากทีเดียว

“อากาศอันสับสนอลหม่านที่กว้างใหญ่ไพศาล ช่างยากจะแยกแยะทิศทางได้จริงๆ” ตงป๋อเสวี่ยอิงมองดูอากาศอันสับสนอลหม่านที่หนาวเหน็บผืนนี้ พลางปลดปล่อยการสัมผัสรับรู้ของตนที่มีต่ออากาศออกมา ทันใดนั้นขอบเขตการรับรู้ก็แผ่กำจายออกไป หากพูดถึงความกว้างของอาณาเขต เกรงว่าคงจะประมาณร้อยเท่าของจักรวาล

เมื่อสัมผัสรับรู้ขอบเขตอันกว้างใหญ่เช่นนี้ สามารถสัมผัสรับรู้ทั้งอากาศอันสับสนอลหม่านได้อย่างชัดเจนนัก พละกำลังอันไร้รูปร่างนั้นกำลังเคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้ามาก

ราวกับทั้งอากาศอันสับสนอลหม่านมีใจกลางอยู่อันหนึ่ง

อากาศอันสับสนอลหม่านทั้งหมดกำลังขยายไปทุกทิศทุกทางโดยมีใจกลางนั้นเป็นจุดกำเนิด! มันขยายออกไปเรื่อยๆ อย่างไม่หยุดหย่อน

“โลกทิพย์โบราณอยู่ตรงนั้น!” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้าเล็กน้อย เมื่อวิเคราะห์สวนทางกับทิศที่อากาศอันสับสนอลหม่านแผ่ขยายออกไป ก็สามารถกำหนดพิกัดของโลกทิพย์โบราณได้แล้ว!

โลกทิพย์โบราณ…

ก็เป็นหนึ่งในโลกทิพย์ทั้งห้า

ตามตำนาน โลกทิพย์โบราณเป็นต้นกำเนิดของทุกสิ่ง

ต่อมา บรรดาสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุดกลุ่มหนึ่งในโลกทิพย์โบราณซึ่งการบำเพ็ญบรรลุถึงขั้นสุด ได้ทำศึกครั้งใหญ่อันน่าหวาดหวั่นขึ้นมา ศึกใหญ่ครั้งนี้ทำให้โลกทิพย์โบราณในตอนนั้นระเบิดออก ‘โลกทิพย์โบราณ’ ที่หลงเหลืออยู่เป็นเพียงหนึ่งในร้อยของโลกทิพย์โบราณตอนแรกเริ่มเท่านั้น

และเพราะศึกใหญ่ครั้งนั้นนั่นเอง อากาศอันสับสนอลหม่านก็เริ่มขยายออกไปทั่วทุกทิศทุกทาง ทั้งยังระเบิดออกเป็นเศษเสี้ยวจำนวนนับไม่ถ้วน บ้างก็ก่อกำเนิดเป็นจักรวาล บ้างก็ก่อให้เกิดเป็นผืนดินอันสับสนอลหม่านซึ่งเล็กกว่าจักรวาลอยู่บ้าง และมีบางส่วนที่เล็กลงไปอีกจนไม่เหมาะแก่การอยู่อาศัยแล้ว

ส่วนบรรดาสิ่งมีชีวิตที่บำเพ็ญจนบรรลุถึงขั้นสุดเหล่านั้นก็แตกกระสานซ่านเซ็นออกไป แล้วเริ่มบุกเบิกโลกทิพย์ใบใหม่ขึ้นมา ทว่าเมื่อวันคืนอันยาวนานล่วงเลยผ่านไป โลกทิพย์บางส่วนก็แตกสลายไปเพราะศึกใหญ่ระหว่างสิ่งมีชีวิตที่บำเพ็ญจนบรรลุถึงขั้นสุดนั่นเอง

บัดนี้มีเพียงโลกทิพย์เพียงห้าแห่งเท่านั้น

โลกทิพย์โบราณและโลกทิพย์ทะเลสัตตดาราล้วนเป็นหนึ่งในจำนวนนั้น

“บรรดาสิ่งมีชีวิตที่บำเพ็ญจนถึงขั้นสุดช่างน่าหวาดหวั่นเสียจริง” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบรำพึง “ล้วนแต่เป็นสิ่งมีชีวิตที่สามารถทำลายล้างโลกทิพย์ได้ทั้งสิ้น”

“ทว่าข้าก็ได้ศาสตร์ลับที่สามารถทำลายล้างโลกทิพย์ได้มาเล่มหนึ่งเช่นกัน” บัดนี้ในห้วงสมองของตงป๋อเสวี่ยอิงมีศาสตร์ลับวิชาหนึ่งอยู่่จริงๆ นี่คือศาสตร์ลับประจำวังวิชาหนึ่งซึ่งเขามีคุณสมบัติพอจะได้มาหลังจากสำเร็จเป็นศิษย์อาภรณ์ทองแห่งวังทวีสูญแล้ว ศาสตร์ลับประจำวังแห่งวังทวีสูญมีทั้งหมดสามวิชาด้วยกัน

ที่ตงป๋อเสวี่ยอิงเลือกมีนามว่าสิบสามกระบี่ผลาญโลกา

เป็นศาสตร์ลับประจำวังเพียงวิชาเดียวในสามวิชาที่ค่อนข้างสอดคล้องกับความเร้นลับของกฎเกณฑ์ของตงป๋อเสวี่ยอิง เพราะศาสตร์ลับประจำวังนี้จัดเป็น ‘วิถีเข่นฆ่า’

สิบสามกระบี่ผลาญโลกานั้นเป็นสิ่งที่ประมุขวังทวีสูญ ‘บรรพชนเทียนอวี๋’ เป็นผู้คิดค้นขึ้น

น่าหวาดหวั่นและแข็งแกร่งยิ่งนัก!

กระบี่ที่หนึ่งก็พิสดารและซับซ้อนมากแล้ว ในผู้ปกครองร้อยคนไม่มีสักคนที่ศึกษาได้สำเร็จ! ผู้ที่ศึกษาได้สำเร็จนั้น ล้วนแต่เป็นผู้ที่มีการรับรู้สูงส่งอย่างยิ่ง เมื่อเข้าถึงแล้ว…อาศัยศาสตร์กระบี่นี้ก็สามารถอาศัยร่างของผู้ปกครองต่อสู้ข้ามขั้นกับเทพอากาศทั่วไปได้แล้ว! ก็หมายความว่า อาศัยแค่ศาสตร์กระบี่เพียงอย่างเดียว ก็เพียงพอให้เทียบเคียงกับตงป๋อเสวี่ยอิงในตอนนี้ได้แล้ว ที่ตงป๋อเสวี่ยอิงแข็งแกร่งเช่นนี้ สาเหตุหลักก็ต้องยกให้ระบบผู้ท่องอากาศ หากพูดถึงแค่ปรัชญาคลื่นลมที่ตนคิดค้นขึ้นเพียงอย่างเดียวกลับสู้กระบี่ที่หนึ่งนี้มิได้เอาเสียเลย

กระบี่ที่สองก็น่าหวาดหวั่นยิ่งขึ้นอีก ผู้ปกครองแทบไม่มีหวังจะฝึกให้สำเร็จได้ ตั้งแต่วังทวีสูญถือกำเนิดขึ้นเป็นต้นมา ก็มีผู้มีพรสวรรค์ด้านวิถีกระบี่คนหนึ่งเข้าถึงตั้งแต่ยังอยู่ในขั้นผู้ปกครองแล้ว! คนอื่นๆ ที่รับรู้ศาสตร์ลับประจำวังนี้ บางคนเป็น ‘เทพอากาศขั้นกำเนิด’ แล้วก็ยังไม่รู้แจ้ง จะเห็นได้ถึงความยากของมัน! ผู้มีพรสวรรค์ด้านวิถีกระบี่ผู้นั้น เมื่ออยู่ในขั้นผู้ปกครองก็อาศัยกระบี่ที่สอง…แทบจะกวาดล้างอากาศขั้นกำเนิดได้ทั้งหมดแล้ว เขาสามารถห้ำหั่นกับเทพอากาศทั่วไปได้อย่างง่ายดาย แม้แต่กับ ‘ขั้นอากาศรวมเป็นหนึ่ง’ ก็ยังสามารถต่อสู้ได้ยกหนึ่ง

แน่นอนว่านอกจากคนผู้นั้น ก็ไม่มีผู้ใดที่สามารถเข้าถึงกระบี่ที่สองตั้งแต่ยังเป็นขั้นผู้ปกครองได้อีกแล้ว

……

ศาสตร์กระบี่นี้ แต่ละกระบี่แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ

กระบี่ที่สิบสามซึ่งเป็นกระบี่สุดท้ายก็เพียงพอให้โลกทิพย์ใบหนึ่งแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ ได้สมชื่อของมัน!

ในฐานะสิ่งมีชีวิตขั้นสุดของระบบความเร้นลับของกฎเกณฑ์ ศาสตร์ลับประจำวังทั้งสามที่บรรพชนเทียนอวี๋คิดค้นขึ้นมานั้น พลังอันแข็งแกร่งของมันเลื่องลือมากในโลกทิพย์ทั้งห้า อย่าง ‘องค์บรรพชนกู่’ และสิ่งมีชีวิตที่บำเพ็ญจนถึงขั้นสุดคนอื่นๆ กลับอ่อนแอกว่าอยู่ขุมหนึ่ง

หากแบ่งตามระดับขั้นการบำเพ็ญแล้ว

เทพอากาศแบ่งเป็นสามระดับขั้น ซึ่งได้แก่ขั้นกำเนิด ขั้นรวมเป็นหนึ่งและขั้นอลวน!

ในอากาศอันสับสนอลหม่านที่กว้างใหญ่ไพศาลไปจนถึงโลกทิพย์ หากพูดเพียงแค่เทพอากาศ โดยทั่วไปก็มักหมายถึง ‘เทพอากาศขั้นกำเนิด’ เทพอากาศส่วนใหญ่ล้วนอยู่ในระดับขั้นนี้

สิ่งมีชีวิตขั้นรวมเป็นหนึ่ง เมื่อเทียบกันแล้วก็พบเห็นได้ยากนัก

ส่วนขั้นอลวนน่ะหรือ

ภายใต้สถานการณ์ที่สิ่งมีชีวิตซึ่งบำเพ็ญจนถึงขั้นสุดไม่ปรากฏออกมา พวกเขาก็น่าหวาดหวั่นเป็นที่สุด

‘ขั้นอลวน’ ก็คือระดับขั้นที่ประมุขเกาะใจกลางทะเลสาบได้มาตั้งแต่ยังอยู่ภายในจักรวาลในตอนนั้น ช่างน่าเหลือเชื่อนัก เขาไม่มีศัตรูที่แข็งแกร่งและเก่งกาจมากมาเคี่ยวกรำ และไม่มีอาจารย์ที่ดีพอคอยชี้แนะ แค่อยู่ในสภาพแวดล้อมปกติของจักรวาลเท่านั้น ประมุขเกาะใจกลางทะเลสาบอยู่ในจักรวาลนี้ก็บรรลุถึงขั้นอลวนได้ แม้แต่ผู้ท่องอากาศกู่ฉีก็ยังต้องอ้าปากค้าง แม้แต่บรรพชนเทียนอวี๋ผู้สร้างจักรวาลขึ้นมาก็คงต้องคิดไม่ถึง

บวกกับ…

เป็นระดับขั้นของการบำเพ็ญขั้นสุด…เทพจักรวาลอีกด้วย!

เทพจักรวาลนั้นไม่มีการแบ่งระดับขั้นแล้ว เมื่อบรรลุถึงระดับขั้นเทพจักรวาล ก็คือขั้นสุดร่วมกันของระบบต่างๆ ร่างกายตนก็เหมือนกับจักรวาลแห่งหนึ่ง เช่นระบบความเร้นลับของกฎเกณฑ์ โลกภายในกายล้วนแปรเป็นจักรวาลแห่งหนึ่ง! ดังนั้นแค่กระบวนท่าตามอำเภอใจกระบวนท่าหนึ่งก็สามารถรวมพละกำลังของทั้งจักรวาลเข้าไว้ด้วยกันได้แล้ว สำหรับพวกเขาแล้ว การทำลายจักรวาลแห่งหนึ่งก็เป็นเรื่องง่ายดายราวพลิกฝ่ามือ

สิ่งมีชีวิตระดับขั้นนี้ เป็นสิ่งมีชีวิตขั้นสุด! จำนวนมีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย

เทพจักรวาลในแต่ละโลกทิพย์ของโลกทิพย์ทั้งห้าก็ล้วนมีน้อยเสียจนยกนิ้วนับได้ เช่นโลกทิพย์โบราณก็มีเทพจักรวาลอยู่เพียงสองท่านเท่านั้น! สถานะและพลังเช่นนี้นั้นลงมือน้อยมากแล้ว เพราะหากพวกเขาลงมือก็ล้วนต้องเป็นเรื่องยิ่งใหญ่มาก! ถึงขั้นที่ว่า การทำลายโลกทิพย์ใบหนึ่งลงไปด้วยเหตุนี้ก็เป็นเรื่องปกตินัก

……

“ฟิ้ว…” ตงป๋อเสวี่ยอิงแบ่งสมาธิออกมาส่วนหนึ่งเพื่อควบคุมอากาศ แล้วหลบหลีกในอากาศไปไกลลิบ

ทั้งร่างของเขาอยู่ในสถานะหลบหลีกตลอดเวลา

ไม่ว่าจะเป็นสถานที่แรกเริ่มหรือมรดกตกทอดของผู้ท่องอากาศ ก็ล้วนให้แผนที่ของอากาศอันสับสนอลหม่านที่สมบูรณ์แก่เขา! แน่นอนว่าในนั้นย่อมระบุพิกัดของจักรวาลบ้านเกิดเอาไว้ด้วยเป็นธรรมดา ตำแหน่งของจักรวาลบ้านเกิด ‘โลกทิพย์โบราณ’ ก็ได้กำหนดทิศทางเอาไว้แล้ว ตงป๋อเสวี่ยอิงย่อมรู้ว่าควรจะมุ่งหน้าไปทางนั้น!

ระหว่างหลบหลีกไปด้วยความเร็วสูง ความคิดจิตใจเก้าในสิบส่วนของตงป๋อเสวี่ยอิงล้วนเพ่งอยู่กับการรับรู้สิบสามกระบี่ผลาญโลกา เพราะถึงอย่างไรนี่ก็เป็นหนึ่งในศาสตร์ลับระดับยอดสุดของระบบความเร้นลับของกฎเกณฑ์อย่างแน่นอน สิ่งที่ตนได้มานั้นล้วนทุลักทุเลอย่างยิ่ง จึงย่อมต้องรับรู้อย่างเต็มที่เป็นธรรมดา ตามที่คาดการณ์เอาไว้ ตนกำลังเร่งมุ่งหน้าไปให้ถึงโลกทิพย์ทะเลสัตตดารา หากระหว่างทางราบรื่นมาก ก็ต้องใช้เวลายาวนานกว่าสองพันล้านปีเลยทีเดียว

นี่ก็นับว่าใกล้แล้ว!

โลกทิพย์ทะเลสัตตดาราเป็นโลกทิพย์ที่อยู่ใกล้กับจักรวาลบ้านเกิดของตนมากที่สุด แน่นอนว่าก่อนอื่นต้อง ‘ราบรื่นตลอดทาง’ ท่ามกลางอากาศอันสับสนอลหม่านนี้เต็มไปด้วยอันตรายนานาชนิด ต่อให้สามารถเอาชีวิตรอดได้ โดยทั่วไปก็มักต้องถูกขัดขวางระหว่างทางอยู่นั่นเอง

…………………………………..