บทที่ 544 แผนการของฮองเฮา และฮ่องเต้ที่กำลังขุ่นเคือง

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 544 แผนการของฮองเฮา และฮ่องเต้ที่กำลังขุ่นเคือง
ทุกผลลัพธ์ย่อมผ่านการสั่งสมและบ่มเพาะ ฮองเฮาเกลียดชังเฟิ่งชิงเฉินมานานแล้ว ยิ่งตอนที่ฮ่องเต้ทรงมีราชโองการให้ส่งตัวองค์หญิงอันผิงไปแต่งงานที่เป่ยหลิง ความเกลียดชังนี้ก็ยิ่งทวีคูณมากกว่าเดิม จนนางอยากลากตัวเฟิ่งชิงเฉินไปประหารให้รู้แล้วรู้รอด

ในสายตาของฮองเฮา เฟิ่งชิงเฉินคือตัวซวย หากไม่ใช่เพราะเฟิ่งชิงเฉินแล้ว องค์หญิงอันผิงก็คงไม่ต้องไปแต่งงานอยู่ที่เป่ยหลิงหรอก

ไม่ต้องพูดถึงการเป็นองค์หญิงที่ประสูติจากฮองเฮาหรอก ขนาดองค์หญิงที่ประสูติจากเหล่านางสนมก็นานๆทีจึงจะมีการส่งตัวไปแต่งงานบ้านเมืองอื่น ส่วนองค์หญิงอันผิงเป็นถึงองค์หญิงเพียงองค์เดียวของฮองเฮา

อีกอย่าง เฟิ่งชิงเฉินก็เป็นอดีตว่าที่คู่หมั้นของตงหลิงจื่อลั่ว ตอนนั้นนางทำให้เฟิ่งชิงเฉินแบกรับความอัปยศไปได้แล้ว แต่ตอนนี้เฟิ่งชิงเฉินดันกลับมาอีกครั้ง ไม่เท่ากับว่าการลงทุนลงแรงที่ผ่านมาของนางต้องสูญเปล่าหรอกหรือ ตงหลิงจื่อลั่วยอมได้ แต่ฮองเฮายอมไม่ได้

นางจะให้ตัวเองเสียหน้าไม่ได้เป็นอันขาด บนโลกนี้ไม่ได้มีเฟิ่งชิงเฉินเก่งกาจอยู่ผู้เดียว ผู้หญิงที่สามารถช่วยเหลือตงหลิงจื่อลั่วได้ ผู้หญิงที่ดีเลิศยิ่งกว่าเฟิ่งชิงเฉินยังมีอีกมากมาย

“เหอะ หวังจิ่นหลิงกับอวี่เหวินหยวนฮั่ว เฟิ่งชิงเฉินคิดว่าจะพึ่งพาสองคนนี้ได้งั้นหรือ ตระกูลหวังไม่เคยสนใจว่าผู้ใดนั่งอยู่บนบัลลังก์มังกร พวกเขาสนใจแค่เพียงว่าผู้ใดจะมอบผลประโยชน์ให้พวกเขาได้เยอะที่สุด หากอยากได้แรงสนับสนุนจากตระกูลหวัง สู้ไปสู่ขอหญิงสาวตระกูลหวังจะดีกว่า ดีกว่ารับเอาเฟิ่งชิงเฉินมาเป็นชายารอง”

“ส่วนอวี่เหวินหยวนฮั่ว คนๆนี้ถูกฮ่องเต้ละทิ้งไปนานแล้ว อวี่เหวินหยวนฮั่วฝ่าฝืนรับสั่งของฮ่องเต้ จะต้องพบกับจุดจบอันเลวร้าย อย่าคิดว่าหนีไปอยู่ที่ด่านเป่ยเหมินแล้วฮ่องเต้จะทรงปล่อยเขาไป ไม่ช้าก็เร็วฮ่องเต้ต้องทรงสั่งฆ่าเขาแน่นอน แล้วเฟิ่งชิงเฉินก็ต้องจบไม่สวย”

“ใช่แล้วเพคะ” มามาเป็นคนมีหัวคิด นางจึงไม่พูดจาพร่ำเพรื่อ

“เฟิ่งชิงเฉินคือต้นตอของความชั่วร้าย ทำให้อาหลานต้องมาขัดแย้งกัน ผู้หญิงเช่นนี้ต่อให้ฮ่องเต้จะทรงละเว้นนาง แต่ฟ้าดินไม่ละเว้นนางแน่ เฟิ่งชิงเฉินต้องได้พบจุดจบที่เลวร้าย การที่ข้าจะส่งนางไปลงนรกก่อน ก็นับว่าเป็นการให้เกียรติตระกูลเฟิ่งมากแล้ว ถือว่าข้าได้ตอบแทนบุญคุณที่ข้าติดค้างไว้กับเฟิ่งฮูหยิน” เมื่อคิดได้เช่นนี้แล้ว ฮองเฮาก็พอจะสบายใจขึ้นมาบ้าง

“ฮองเฮาทรงมีพระเมตตาล้นเหลือ” มามากล่าวอย่างเคารพนบนอบ

ฮองเฮายิ้มกริ่ม แต่น่าเสียดายที่ดีใจได้ไม่นาน ก็มีขันทีเข้ามารายงานว่าคนที่นางส่งให้ไปสืบข่าวที่โรงเลี้ยงสัตว์หลวงกลับมาแล้ว

“เร็วเข้า พูดมา” ฮองเฮาเดินกลับไปที่เก้าอี้แล้วนั่งลง พร้อมกลบเกลื่อนความกระวนกระวายใจ

“ถวายพระพรฮอง……”

ยังไม่ทันที่ขันทีจะพูดจบก็ถูกฮองเฮาตัดบทขึ้นมาว่า “พอได้แล้ว เกิดอะไรขึ้นที่โรงเลี้ยงสัตว์หลวง?”

“ทูลฮองเฮา โรงเลี้ยงสัตว์หลวงถูกสั่งปิดชั่วคราว กระหม่อมพยายามอย่างสุดความสามารถแล้ว แต่ก็สืบอะไรไม่ได้มากพ่ะย่ะค่ะ……”

“อะไรนะ? โรงเลี้ยงสัตว์หลวงถูกสั่งปิดชั่วคราว คำสั่งของผู้ใด” ฮองเฮาโกรธจัด รัชทายาทไม่กล้าพอที่จะทำเช่นนั้นแน่ ส่วนจื่อลั่วก็ไม่มีทางทำเรื่องที่เกินตัว ยิ่งเป็นคนอื่นๆยิ่งไม่มีทางเป็นไปได้

ขันทีผู้น้อยหัวใจสั่นรัว เขาก้มหน้าแล้วตอบกลับไปว่า “เสด็จอาเก้าพ่ะย่ะค่ะ ไม่รู้ว่าเสด็จอาเก้าไปปรากฏองค์อยู่ที่โรงเลี้ยงสัตว์หลวงได้อย่างไร ทรงสั่งปิดที่นั่นทันทีที่เสด็จไปถึง คนนอกเข้าได้แต่คนในห้ามออก กระหม่อมได้สืบทราบมาว่าเสด็จอาเก้าทรงกักขังรัชทายาท ลั่วอ๋อง องค์รัชทายาทเหล่ย ท่านเย่ และคุณหนูซูหว่านไว้ที่นั่น ได้ยินว่าจะทรงทำการสอบสวนอย่างละเอียดเรื่องที่มีงูยักษ์ในโรงเลี้ยงสัตว์หลวงพ่ะย่ะค่ะ”

กึก……เล็บของฮองเฮาหักครึ่งในทันที

“แล้วรู้หรือไม่ว่ามีผู้ใดบาดเจ็บบ้าง?” เสด็จอาเก้าลงทุนถึงเพียงนี้ หรือว่าเฟิ่งชิงเฉินจะถูกงูพิษกัด?

ยิ่งคิดเช่นนี้ ฮองเฮาก็ยิ่งสบายใจ ขอเพียงเฟิ่งชิงเฉินตายไป อะไรๆก็จะง่ายขึ้นเยอะ

“กระหม่อมไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ” ขันทีผู้น้อยก้มหน้าตอบเสียงสั่น

“ไม่ได้เรื่องเลย เรื่องแค่นี้ก็สืบมาไม่ได้ จะให้ข้าเก็บเจ้าไว้ทำไมอีก” ฮองเฮาโกรธจัด นางชูถ้วยน้ำชาขึ้นมาแล้วขว้างใส่หน้าของขันที

ขันทีผู้น้อยอกสั่นขวัญแขวน เขาคิดจะก้าวเท้าถอยหลังเพื่อหลบหลีก แต่เมื่อนึกถึงความน่ากลัวของฮองเฮา จึงจำต้องคุกเข่าลงแล้วหลับตาน้อมรับถ้วยน้ำชาที่ขว้างใส่

ตุบ……

ถ้วยน้ำชากลิ้งไปมาบนพรมแดงโดยไม่มีรอยบิ่นแม้แต่น้อย ทว่าหน้าผากของขันทีกลับได้รับแรงกระแทกจนมีแผล เลือดของเขาไหลอาบหน้า แต่ก็ไม่กล้าส่งเสียงร้องโอดโอย

ฮองเฮายิ่งเห็นยิ่งหงุดหงิด “ไสหัวไปสิ……”

“ขอบพระทัยฮองเฮา ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ……” ขันทีพยายามรักษาชีวิตของตัวเองโดยการวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว

ฮองเฮาสงบสติอารมณ์อยู่พักหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาว่า “มามา ไปจัดการคนพวกนั้นให้เรียบร้อย ข้าไม่อยากให้เรื่องนี้กลับมาทำให้ข้าต้องปวดหัว”

“วางพระทัยเถิดเพคะ ฮองเฮา”

มามาเฒ่าเดินออกไป แล้วในคืนเดียวกันนั้น สาวใช้จำนวนหนึ่งในวังหลวงก็ถูกอุ้มไปโยนลงบ่อน้ำ ขันทีชั้นผู้น้อยจำนวนหนึ่งก็ถูกทุบตีจนตายอย่างทรมาน และยังมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายคุ้มกันบางส่วนเสียชีวิตอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย……

เรื่องโรงเลี้ยงสัตว์หลวง ฮองเฮาออกคำสั่งในทันทีโดยมิได้หารือกับฮ่องเต้ นางสั่งให้เสด็จอาเก้ายุติคำสั่งเรื่องการปิดโรงเลี้ยงสัตว์หลวง พร้อมทั้งให้ปล่อยตัวองค์รัชทายาทเหล่ย ท่านเย่ และซูหว่าน แต่ผลสุดท้ายกลับกลายเป็นว่าผู้ที่นำคำสั่งไปถ่ายทอด กลับถูกเสด็จอาเก้าจับไปขังไว้อีกคน

“เสด็จอาเก้า ไม่กลัวฮองเฮาตั้งข้อหาท่านว่าละเมิดรับสั่งฮองเฮาหรือ?” เฟิ่งชิงเฉินไม่เข้าใจเลยจริงๆ ทำไมเสด็จอาเก้าถึงได้ใจกล้าบ้าบิ่นถึงเพียงนี้ นี่ไม่เท่ากับว่าเป็นการเสนอตัวไปให้ฮองเฮาลากไปทรมานหรอกหรือ

“ขนาดนางยังเอาตัวไม่รอด จะเอาเวลาที่ไหนมาหาเรื่องข้าล่ะ” เสด็จอาเก้ากล่าวอย่างไม่กลัวเกรง

เมื่อเห็นดังนั้นแล้ว เฟิ่งชิงเฉินก็ถึงกับนิ่งอึ้ง หรือว่าเสด็จอาเก้าจะมีแผนสำรองเตรียมไว้แล้ว เพียงแต่ว่า……

พวกเขาสอบสวนมาตั้งนาน แต่กลุ่มคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องก็ไม่มีใครยอมสารภาพเลย หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปคงไม่เป็นผลดีแน่

การปิดคดีควรปิดให้ได้ภายใน 24 ชั่วโมง หากเกิน 24 ชั่วโมงแล้ว เบาะแสและหลักฐานจะเริ่มถูกทำลาย ยิ่งปล่อยให้เวลาผ่านเลยไปเท่าไร สิ่งที่พวกเขาจะสืบได้ก็จะยิ่งน้อยลงไปเรื่อยๆ

เฟิ่งชิงเฉินมองเสด็จอาเก้าด้วยความเป็นกังวล เรื่องราวในวันนี้เป็นเรื่องไม่คาดคิด แถมยังเกิดขึ้นกะทันหัน เกรงว่าเสด็จอาเก้าอาจจะไม่ทันได้เตรียมการรับมือ

“เอาล่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงนะ ต่อให้เรื่องโรงเลี้ยงสัตว์หลวงจะยังสืบอะไรไม่ได้ แต่ที่แน่ๆคืนนี้ฮองเฮาข่มตานอนไม่ได้แน่ หากเจ้าเป็นกังวล เช่นนั้นเราก็มาสอบสวนต่อ เรายังมีเวลาทั้งคืนนะ……” เสด็จอาเก้าเห็นเฟิ่งชิงเฉินดูเหนื่อยล้า ตอนแรกเขาก็อยากให้นางพักผ่อน

แต่เห็นท่าทางกระวนกระวายของนางแล้ว เขารู้ว่าหากไม่ทำให้เรื่องราวกระจ่าง นางคงนอนไม่หลับแน่นอน

เป็นไปตามที่เฟิ่งชิงเฉินคาดคิด เมื่อฮองเฮาทราบว่าคนของตนเองถูกจับตัวไว้ก็มิได้หัวฟัดหัวเหวี่ยงแต่อย่างใด มิหนำซ้ำ ยังแต่งองค์ทรงเครื่องอย่างสบายอารมณ์

“ไป ข้าจะไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้”

ภายในตำหนักไท่เหอมีการจุดไฟสว่างจ้า ฮ่องเต้กำลังหารือราชกิจสำคัญกับเหล่าขุนนางใหญ่ บรรยากาศภายในมีแต่ความตึงเครียด เหล่าขุนนางได้แต่ก้มหน้านิ่ง ส่วนฮ่องเต้ก็มีสีหน้าที่เคร่งเครียด และไม่พูดไม่จาเช่นเดียวกัน

ขันทีผู้น้อยคนหนึ่งเข้ามาเห็น ก็ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ เมื่อขันทีคนสนิทของฮ่องเต้สังเกตเห็นก็ค่อยๆเดินเข้าไปหาแล้วกระซิบบอกว่า “เจ้าตาบอดหรืออย่างไร ไม่เห็นหรือว่าฮ่องเต้กำลังทรงงานอยู่ ถ้าไม่มีอะไรก็อย่ามาวุ่นวาย”

ขันทีผู้น้อยทำหน้าเศร้า “ท่านกงกง ฮองเฮามีรับสั่งว่าต้องการจะเข้าเฝ้าฮ่องเต้ ข้าน้อยไม่กล้าขัดรับสั่ง”

“ฮองเฮาหรือ? อืม เจ้าออกไปได้แล้ว” ขันทีผู้ใหญ่มีสีหน้ากลัดกลุ้ม แล้วจึงเดินมากระซิบที่ข้างหูของฮ่องเต้

“ฮองเฮา? รู้ตัวเร็วดีนี่ ข้าเพิ่งมีคำสั่งไปเมื่อครู่ นางรู้ข่าวเร็วจริงๆ เยี่ยมมาก ฮองเฮาผู้แสนดีของข้า!” ความขุ่นเคืองใจของฮ่องเต้ ในที่สุดก็กำลังจะปะทุออกมาแล้ว

“ให้ฮองเฮาเข้ามา ข้าเองก็มีเรื่องจะถามนาง ข้าเคยทำให้นางชอกช้ำตรงไหนหรือ นางถึงทำเรื่องเช่นนี้ออกมาได้”

ขุนนางทั้งหลายไม่กล้าแม้แต่จะสูดลมหายใจเข้าออก แต่ละคนต่างพากันก้มหน้า สถานการณ์ในตอนนี้ หากมีใครกล้าเอ่ยปากเพื่อจะช่วยฮองเฮาก็คงโง่สิ้นดี

“เชิญฮองเฮาเข้าเฝ้าได้!”

“เชิญเสด็จพ่ะย่ะค่ะ ฮองเฮา!”

……

ฮองเฮาเดินเข้ามาด้วยท่าทางองอาจพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า หารู้ไม่ว่าสิ่งที่กำลังรอนางอยู่ภายในตำหนักไท่เหอจะเป็นความขุ่นเคืองของฮ่องเต้……