บทที่ 393 ฉันเป็นคนด

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

แม้ว่ายามจะควบคุมตัวฉีหลินชิ่งไว้ได้ แต่ความวุ่นวายที่เขาสร้างไว้กลับไม่สงบลง

สถานการณ์ตรงนั้นชุลมุนโกลาหล ผู้คนต่างส่งเสียงประณามบริษัทแซ่เฉิน นักข่าวในที่ตรงนั้นต่างกดถ่ายรูปรัวๆกันอย่างบ้าคลั่ง

ถึงกระทั่งว่านักข่าวพวกนี้เริ่มคิดกันแล้วว่าจะพาดหัวข่าวพรุ่งนี้ว่ายังไงดี

“ประธานเฉิน ตอนนี้เราจะทำยังไงกันดีคะ”

กู้กวนชีเดินฉับไวไปอยู่ข้างกายเฉินหวั่นชิงและมองดูฝูงชนที่อารมณ์กำลังรุนแรง ใบหน้าเล็กๆของเธอไม่สู้ดีนัก

เฉินหวั่นชิงคิดไม่ถึงเหมือนกันว่าเรื่องราวจะดำเนินมาถึงขั้นนี้ นอกจากบอกให้ยามพยายามรักษาความเรียบร้อยแล้วก็ทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน

“ทำอะไรกันน่ะ ทำอะไรกัน?!”

“คุณหนูแซ่เจียมาแล้ว พวกนายยังไม่รีบหลีกไปอีก?”

ขณะนั้น คนอีกกลุ่มหนึ่งเดินวางมาดเข้ามาจากด้านนอก คนที่เดินนำคือหัวหน้า รปภ ของบริษัทแซ่เฉิน เหอเชิ่ง

เย่เทียนเห็นอย่างชัดเจนว่าคนที่กลุ่มเหอเชิ่งคุ้มกันโดยล้อมไว้ตรงกลางนอกจากดาราใหญ่อย่างแซ่เจียแล้วจะมีใครอีก

“ดาราดังเซ่ ครั้งนี้สินค้าที่คุณเป็นพรีเซ็นเตอร์มีผลข้างเคียงร้ายแรงมาก คุณทราบเรื่องนี้หรือไม่?”

“ตามกฎหมายโฆษณาล่าสุด ดาราต้องใช้ผลิตภัณฑ์ก่อนถึงจะรับงานเป็นพรีเซ็นเตอร์ได้ ฉันว่าคุณเซ่ต้องรู้เรื่องแน่นอน”

“ในเมื่อรู้เรื่องอยู่แล้วคุณเซ่ยังจะเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้เซรั่มปลูกผมของบริษัทแซ่เฉินอีก ก็หมายความว่าบริษัทแซ่เฉินเอาเงินซื้อตัวคุณเซ่น่ะสิ”

“คุณเซ่ บริษัทแซ่เฉินให้ผลประโยชน์เท่าไหร่แก่คุณกันครับ คุณถึงยอมทำในสิ่งที่ไร้มนุษยธรรมขนาดนี้?

แซ่เจีย ไม่มายังไม่เท่าไหร่ โผล่มาทีก็ดึงดูดความสนใจจากสื่อข่าวไปจนหมด

แต่ละคนพากันหันมาประหนึ่งจะทิ่มแทงหอกเข้าไปถึงจมูกของแซ่เจียเลยก็มิปาน

แซ่เจียมีสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อย ทว่าตาคู่สวยกรอกไปมาและเห็นเงาของเย่เทียน จึงมีความแวววาวอยากรู้อยากเห็นฉายผ่านไปในสายตา

พวกเหอเชิ่งก็ได้สติกลับมา แม้ว่าพวกเขายังไม่ทราบรายละเอียดมากนัก แต่ยังไงซะพวกเขาก็เป็นคนของบริษัทแซ่เฉิน จึงรีบหยุดกลุ่มนักข่าวไว้อย่างรวดเร็ว

เห็นมาถึงตรงนี้เย่เทียนก็ถึงบางอ้อ

ก่อนหน้านี้เขายังพึมพำอยู่ว่าอยู่ดีๆทำไมดาราใหญ่อย่างแซ่เจียถึงมาที่เมืองเจียงหนัน

ในความทรงจำของเย่เทียน ถึงแม้ชาติก่อนแซ่เจียจะมาที่เมืองเจียงหวย แต่ก็เพราะจะไปจัดคอนเสิร์ตที่เมืองเอก ไม่ได้มาถึงเจียงหนัน

พอมาคิดดูตอนนี้แล้ว ยัยเฉินหวั่นชิงต้องรู้แน่ๆว่าแซ่เจียจะมาจัดคอนเสิร์ตที่เมืองเอก จีงเร่งให้เธอมาล่วงหน้าสักสองสามวัน และมาร่วมงานแถลงข่าวเปิดตัวสินค้าที่เมืองเจียงหนัน!

คิดมาถึงตรงนี้ เย่เทียนอดมองเฉินหวั่นชิงสูงขึ้นไม่ได้

ยัยนี่สมกับเป็นภรรยาของฉัน หัวดีใช้ได้

ก่อนหน้านี้ได้ทุ่มเงินไปไม่รู้ตั้งเท่าไหร่กับการโฆษณา ระหว่างทางที่มาเย่เทียนเห็นป้ายโฆษณาจำนวนมากเชียวล่ะ

บวกกับได้พรีเซ็นเตอร์ดาราชั้นนำอย่างแซ่เจีย เซรั่มปลูกผมนี้ไม่ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าเลยเหรอ?!

แน่นอนว่าเงื่อนไขคือบริษัทแซ่เฉินต้องผ่านด่านนี้ไปให้ได้ก่อน ไม่อย่างนั้นอย่าว่าแต่ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าเลย เกรงว่าแม้แต่แซ่เจียก็คงชื่อเสียงอื้อฉาวไปด้วย!

คิดได้ดังนั้น เย่เทียนแสยะยิ้มมุมปาก สายตาวิบวับดั่งไฟฟ้าเลื่อนไปที่คุณลุงผู้ได้สติกลับมาช้าๆ

ดูเหมือนคุณลุงจะรู้สึกตัว ไม่กล้าสบตาของเย่เทียนเลยสักนิด เขาลุกขึ้นด้วยท่าทีแตกตื่นเล็กน้อย และพยายามหลบหนีจากที่นี่

“คุณลุง ถ้าคุณไปตอนนี้หนังหัวของคุณคงหมดทางรักษา!”

“ผมรับประกันเลยว่าชีวิตหลังจากนี้ของคุณจะไม่เป็นแค่คนหัวโล้น แต่หนังศีรษะของคุณก็จะเน่าเปื่อยไปทั้งชีวิต!”

เย่เทียนหัวเราะเย็นๆในใจ และเอ่ยเตือนอย่างไม่รีบร้อน

ราวกับเป็นการเตือนสตินักข่าวที่อยู่ที่นี่ พวกเขาเบี่ยงเบนความสนใจจากตัวแซ่เจียและกลับมาสนใจจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด

ท้ายที่สุดแล้ววันนี้บริษัทแซ่เฉินต่างหากคือตัวเอก จะไขความข้องใจจากเหล่าสื่อใหญ่ต่างๆได้หรือไม่และกลายเป็นข่าวหน้าหนึ่งของวันพรุ่งนี้นั้นต้องรอดูบริษัทแซ่เฉินว่าจะทำยังไง

พวกเขาขยับตัวไม่ใช่เรื่องใหญ่ ทว่ากลุ่มคนที่อุตส่าห์กระจายตัวแล้วเมื่อกี้ล้อมเข้าหากันอีกครั้ง อุดทางไปของคุณลุงจนสิ้น

คุณลุงเห็นท่า หน้าตาฉายแววซับซ้อน แต่ไม่นานนักก็ตั้งสติได้ และแสดงทีท่าหัวฟัดหัวเหวี่ยง

“หัวของฉันก็เพราะใช้เซรั่มปลูกผมเฮงซวยของพวกแกบริษัทแซ่เฉินถึงได้เป็นแบบนี้น่ะสิ”

เย่เทียนส่ายหัวเล็กน้อย เลิกมุมปากขึ้นเบาๆเผยรอยยิ้มพิศวง นัยน์ตาสีนิลคู่นั้นมองคุณลุงอย่างเป็นประกาย ประหนึ่งว่าจะมองทะลุเข้าไปถึงจิตใจของเขา

“คุณลุง ข้าวกินมั่วๆได้ แต่คำพูดจะพูดมั่วๆไม่ได้นะครับ”

“บอกมาเถอะครับ ว่าอีกฝ่ายให้เงินคุณเท่าไหร่?”

“หนึ่งแสน? ห้าแสน? หรือหนึ่งล้าน?”

คุณลุงฟังแล้วจิตใจตื่นตระหนกถึงขีดสุด แต่สีหน้ายังคงฝืนรักษาความสุขุมเอาไว้

“นาย นายพูดอะไรน่ะ? ใครให้เงินฉันกัน? ฉันไม่รู้เลยว่านายพูดเรื่องอะไร?!”

ใบหน้าเย่เทียนฉายรอยยิ้มลึกล้ำ

“เกรงว่าคุณคงไม่คิดไม่ฝันสินะว่าสิ่งที่พวกเขาทาบนหัวคุณนอกจากจะทำให้หนังศีรษะของคุณเน่าเปื่อยแล้ว ยังทำให้คุณต้องตายอีกด้วย”

“ถึงแม้เมื่อกี้ผมจะรีดพิษออกจากตัวคุณแล้ว แต่ก็แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น หากไม่มีการรีดพิษอย่างต่อเนื่อง ผมรับประกันได้ว่าไม่เกินหนึ่งอาทิตย์คุณจะเน่าเปื่อยไปทั้งตัวและตายลงในที่สุด”

เมื่อเห็นว่าคุณลุงกลัวจนหน้าซีด เย่เทียนก็เปลี่ยนท่าทีไป

“แต่ใครใช้ให้ผมเป็นคนจิตใจดีล่ะครับ”

“ขอเพียงคุณเล่ารายละเอียดทุกอย่างของเรื่องวันนี้มาให้หมด ผมเป็นตัวแทนบริษัทแซ่เฉินให้ไม่เอาเรื่องคุณได้ ส่วน…..”

“เรื่องพิษในร่างคุณผมก็ช่วยรีดเค้นออกมาได้ ช่วยฟื้นคืนสภาพหนังศีรษะของคุณให้กลับมาเป็นดังเดิม และผมจะให้เงินคุณเพิ่มอีกหนึ่งล้านด้วย”

ว่ากันว่า: ใครๆก็รักสวยรักงาม

หัวโล้นยังไม่เท่าไหร่ แต่กว่าครึ่งหัวเน่าเปื่อยแบบนี้ ต่อให้คุณลุงเป็นผู้ชายแต่ก็ใส่ใจเรื่องภาพลักษณ์มาก

หัวของเขาอย่างกับเป็นแผลไฟไหม้ ถ้าไม่หายตราบชั่วชีวิตต้องน่าเกลียดขนาดไหน!

ที่สำคัญกว่านั้น เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชีวิตของตัวเองด้วย แถมยังได้เงินอีก

หนึ่งล้านเลยนะ!

ถึงแม้เขาจะได้รับเงินมาจริงๆถึงได้จงใจใส่ร้ายบริษัทแซ่เฉิน แต่เงินที่พวกนั้นให้มาแค่สองแสน ต้องคิดอีกเหรอว่าจะเลือกทางไหน?

หลังจากสับสนอยู่ในใจสักพัก คุณลุงก็เอาชนะใจตัวเองได้ และมองเย่เทียนอย่างลังเล

“นาย นายจะไม่เอาความฉันจริงๆเหรอ แล้วจะช่วยฉันรีดพิษด้วยใช่มั้ย พร้อมทั้งให้เงินกับฉันด้วยรึ?”

“ผมรับประกันกับคุณได้เลย! คุณไม่เพียงแต่จะไม่เป็นอะไร และยังรับเงินได้จริงๆ!”

เย่เทียนยิ้มยิงฟันขาว นัยน์ตาสีนิลหรี่ลงเล็กน้อย

“ก็ ก็ได้ ฉันจะให้ความร่วมมือกับนาย แต่ แต่นายต้องให้เงินกับฉันก่อน!”

เห็นท่าทางคุณลุงซื่อๆ แต่พอจะมีเล่ห์เหลี่ยมอยู่บ้าง

เย่เทียนหัวเราะทันควัน เขาเรียกคุณลุงมาอยู่ข้างกายเฉินหวั่นชิงและเล่าข้อตกลงของทั้งสองให้ฟังสั้นๆ

แค่ล้านเดียว เฉินหวั่นชิงไม่ลังเลเลยสักนิด เธอหยิบเช็คออกมาเขียนไปหนึ่งล้านและยื่นให้ทันที

เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ต่อให้เป็นสิบล้าน ตราบเท่าที่ช่วยให้ผ่านด่านนี้ไปได้ เธอยอมทั้งนั้น!