เล่มที่ 17 เล่มที่ 17 ตอนที่ 484 ป้ายคำสั่งขนนกทองคำสามารถทำงานใหญ่ได้

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

ทว่าซูจิ่นซีกลับเห็นเยี่ยโยวเหยามีท่าทีเรียบเฉย

ครู่หนึ่ง ราวกับมีบางอย่างติดอยู่ในลำคอ ทำให้นางหายใจไม่ออก

ซูจิ่นซียกยิ้มมุมปาก หัวเราะเยาะให้ตนเอง

นางกำลังทำอันใด?

เยี่ยโยวเหยาในตอนนี้จดจำนางไม่ได้แล้ว!

นางคาดหวังให้เขาตอบสนองสิ่งใดหรือ?

ชีวิตเป็นเช่นนี้ยังปรารถนาสิ่งใดอีก? มิสู้ดื่มสุราให้กับอดีตที่ลอยหายไปตามสายลม

ซูจิ่นซีรำพึงรำพันอยู่ผู้เดียว พลางยกจอกสุราขึ้นดื่ม

“นอกจากวิชาแพทย์ของท่านหมอซูจะโดดเด่นแล้ว ไม่คิดว่าท่านจะดื่มสุราเก่งอีกด้วย วันนี้ข้าต้องมองท่านหมอซูใหม่อีกครั้ง! เชิญ ท่านหมอซู ข้าดื่มให้ท่านหนึ่งจอก! ”

มู่หรงเฟิงเอ่ยเสียงดังและยกจอกสุราหันไปทางซูจิ่นซีกับมู่หรงฉี

ซูจิ่นซีรินสุราให้ตนเอง และรินสุราให้มู่หรงฉีจนเต็มล้น [1] นางกำลังจะยกจอกสุราขึ้นดื่ม ทันใดนั้น มู่หรงฉีก็กดมือซูจิ่นซีไว้

“เสด็จลุง ท่านหมอซูดื่มสุราไม่เก่งนัก สุราจอกนี้ข้าขอดื่มหมดจอกแทนท่านหมอซู”

เดิมทีมู่หรงฉีเห็นซูจิ่นซีเทสุราดื่มไปหลายจอกแล้ว หากดื่มมากไปกว่านี้อาจทำให้เสียงานใหญ่ได้ จึงคิดจะดื่มสุราแทนนาง ทว่ากลับทำให้มู่หรงเฟิงเข้าใจผิดอีกครั้ง

“ฉีเอ๋อร์ ไม่มีผู้ใดเมตตาผู้อื่นเช่นเจ้าแล้ว นี่เป็นสุราของลุง! อีกอย่าง จากที่ลุงมอง ท่านหมอซูก็เป็นคนที่ดื่มสุราเก่งเช่นกัน หากเจ้ายังเข้ามาขัดขวางอีก ลุงคงต้องสงสัยในเจตนาของเจ้าแล้ว”

คารมของมู่หรงเฟิงดั่งมีดเชือดเฉือน ทำให้มู่หรงฉีไม่มีเหตุผลอันใดให้เข้ามาขัดขวางอีก

ซูจิ่นซีลุกขึ้นยืนและยกจอกสุรา

“สมควรเป็นกระหม่อมที่ดื่มให้ท่านอ๋องหนึ่งจอก ให้ท่านอ๋องเริ่มก่อนเช่นนี้ กระหม่อมช่างเสียมารยาทยิ่งนัก เรื่องป้ายคำสั่งขนนกทองคำครั้งก่อน กระหม่อมยังไม่ได้ขอบพระทัยต่อพระพักตร์ท่านอ๋องเลย! ”

ซูจิ่นซีมีความคิดหลักแหลม นางคิดจะใช้โอกาสนี้โยนเผือกร้อนเช่นป้ายคำสั่งขนนกทองคำกลับไปให้มู่หรงเฟิง

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนมู่หรงเฟิงจะมองความคิดของนางออก “ในเมื่อข้าได้มอบป้ายคำสั่งขนนกทองคำให้ท่านหมอซูแล้ว ท่านก็รับไว้เถิด ไม่จำเป็นต้องคืนให้ข้า วันนี้ข้าขอประกาศต่อหน้าขุนนางทุกท่านที่มาร่วมงาน ณ ที่แห่งนี่ คำสัญญาที่เสด็จปู่ตรัสยามที่มอบป้ายคำสั่งนี้ให้ข้า มีผลเช่นเดียวกับท่านหมอซู”

เมื่อมู่หรงเฟิงเอ่ยคำพูดนี้ ภายในสวนดอกไม้พลันมีบรรยากาศครึกครื้นขึ้นมาทันที ผู้คนต่างส่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันไม่หยุด

“หลายวันก่อน ได้ยินมาว่ามหาอุปราชมอบป้ายคำสั่งขนนกทองคำให้ท่านหมอซู ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องจริง”

“ใช่ ทว่าสิ่งที่คาดไม่ถึงมากกว่านั้นก็คือ ท่านหมอซูมีความเกี่ยวข้องกับฉีอ๋อง ฉีอ๋องกับมหาอุปราช ทั้งสองพระองค์ต่างเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมิใช่หรือ? มหาอุปราชมอบสิ่งของสำคัญเช่นนี้ให้กับคนของฉีอ๋อง พระองค์… คิดอย่างไรกันแน่? ”

“ความคิดของท่านมหาอุปราช พวกเราจะเข้าใจได้อย่างไร? คอยดูเถิด! เจ้าเคยเห็นผู้ใดรับสิ่งของจากพระหัตถ์ของมหาอุปราชแล้วอยู่สุขสบายบ้างเล่า? โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สิ่งนั้นเป็นป้ายคำสั่งขนนกทองคำ! ”

“ใช่ ใช่ ใช่! เป็นเรื่องจริง! ”

……

แม้เสียงวิพากษ์วิจารณ์จะไม่ดังมากนัก ทว่าซูจิ่นซีที่มีอาคมกำไลปี่อั้นกลับได้ยินอย่างชัดเจน

มู่หรงเฟิงและมู่หรงฉีต่างเป็นผู้ฝึกวรยุทธ์ ตามทักษะการสัมผัสรับรู้ของพวกเขา เป็นไปไม่ได้ที่จะพลาดข้อมูลสำคัญในบทสนทนา

มู่หรงเฟิงเผยรอยยิ้มที่ยากคาดเดา เขายกจอกสุราไปทางซูจิ่นซี

ซูจิ่นซีก็ยกจอกสุราของตนขึ้นดื่มเช่นกัน

ขณะที่แขนเสื้อและจอกสุราปกปิดอารมณ์บนใบหน้าทั้งหมดได้อย่างเหมาะสม ซูจิ่นซีก็จงใจเหลือบมองไปทางท่านแม่ทัพใหญ่จงเนี่ย นางพบว่าสีหน้าของจงเนี่ยดูถมึงทึงอย่างที่นางคาดไว้

ซูจิ่นซีอดทอดถอนใจไม่ได้

การเดินทางมายังแคว้นหนานหลีในครั้งนี้ นับว่าโชคร้ายเสียมากกว่า พบเรื่องดีเพียงไม่กี่เรื่อง ทว่ากลับสร้างศัตรูที่แข็งแกร่งขึ้นโดยไม่ตั้งใจ

ในระยะเวลาอันสั้น นางได้ล่วงเกินสองเสาอำนาจหลักแห่งแคว้นหนานหลี ต่อจากนี้ไปจะเป็นหรือตาย คงต้องขึ้นอยู่กับโชคชะตาแล้ว

โดยเฉพาะมู่หรงเฟิง ก่อนหน้านี้เขาใช้วิธีการโหดเหี้ยม โดยการส่งนักฆ่าจำนวนมากมาสังหารนางด้านนอกวังหลวง ทว่าผ่านไปเพียงครู่เดียว เขากลับปั้นหน้าดั่งคนดีจิตใจเมตตา แสร้งทำเป็นว่าไม่มีเรื่องอันใดเกิดขึ้น ช่างเป็นคนที่โหดเหี้ยมจริงๆ

อย่างไรก็ตาม… อย่าคิดว่าเรื่องลอบสังหารที่โหดเหี้ยมเช่นนี้ ซูจิ่นซีจะทำเหมือนไม่มีอันใดเกิดขึ้น ในอนาคต หากมีโอกาส นางต้องตอบแทนแค้นในครั้งนี้อย่างแน่นอน

ผู้อื่นไม่ใช่คนจิตใจดี ซูจิ่นซีก็ไม่ใช่คนจิตใจดีมีเมตตาสักเท่าไร

ขณะที่ซูจิ่นซีกำลังคิดแค้นอยู่ในใจ มู่หรงเฟิงที่ฉลาดหลักแหลมดั่งนกอินทรีก็เอ่ยปากพูด ทำให้ซูจิ่นซีตกตะลึง

“ท่านหมอซู จอกสุราเล็กนิดเดียว ท่านคิดจะดื่มนานเพียงใดกัน? ท่านกำลังครุ่นคิดสิ่งใดหรือ? จิตใจจึงเหม่อลอยเช่นนี้”

ซูจิ่นซีกลับมาได้สติ นางบีบจอกสุราในมือแน่น เมื่อเห็นสายตาของทุกคนจับจ้องมาที่นาง นางจึงค่อยๆ คลายมือออกและแย้มยิ้มด้วยใบหน้าเรียบเฉย

“กระหม่อมความคิดตื้นเขิน ทำให้มหาอุปราชมองได้ทะลุปรุโปร่ง เมื่อครู่นี้กระหม่อมกำลังครุ่นคิดว่า ป้ายคำสั่งขนนกทองคำที่ท่านอ๋องมอบให้กระหม่อมนั้น มีประโยชน์อันใดบ้าง? สามารถโยกย้ายตำแหน่งขุนนางชั้นผู้ใหญ่ได้หรือไม่? สามารถทำเรื่องใหญ่ได้มากน้อยเพียงใด? ”

มู่หรงเฟิงนั่งพิงเก้าอี้ด้วยท่าทีผ่อนคลาย พลางหรี่ตามองซูจิ่นซี “โอ้? ท่านหมอซูคิดจะใช้ป้ายคำสั่งขนนกทองคำเพื่อโยกย้ายตำแหน่งขุนนางแคว้นหนานหลีของข้าหรือ ตำแหน่งใหญ่โตมากน้อยเพียงใด? ต้องการทำสิ่งใดในแคว้นหนานหลีของข้า? และต้องการใช้ประโยชน์จากมันมากน้อยเพียงใด? ”

สีหน้าของมู่หรงเฟิงราวกับไม่แยแส ทว่าอำนาจของเขาไม่ลดลงแม้แต่น้อย กระทั่งคำว่า ‘แคว้นหนานหลีของข้า’ ยังพูดเน้นย้ำอย่างชัดเจน เพื่อบ่งบอกให้คนฟังรู้ว่าซูจิ่นซีคือคนนอก เป็นคนของแคว้นอื่น

คนของแคว้นอื่นที่ครอบครองป้ายคำสั่งสำคัญของแคว้นหนานหลี ทั้งยังถามว่าป้ายคำสั่งที่มีอำนาจในราชสำนักแคว้นหนานหลีสามารถใช้ประโยชน์ได้มากน้อยเพียงใด ทำให้ผู้อื่นอดสงสัยในเจตนาและแผนการของนางไม่ได้

ซูจิ่นซีครุ่นคิดอย่างหนัก คำว่า ‘แคว้นหนานหลีของข้า’ ทำให้ทุกคนคิดว่านางคือไส้ศึก

หากเรื่องนี้ประสบกับผู้อื่น คนผู้นั้นคงหวาดกลัวจนเหงื่อตกหรืออกสั่นขวัญแขวนไปนานแล้ว กระทั่งมู่หรงฉีที่ยืนอยู่ด้านข้างซูจิ่นซี ยังตกใจแทนซูจิ่นซีจนเหงื่อตก

อย่างไรก็ตาม ทั้งสองฝ่ายต่างหยุดนิ่ง ซูจิ่นซีไม่พูดตอบแม้แต่คำเดียว ดวงตาของนางจ้องมู่หรงเฟิงโดยไม่มีท่าทีหวาดกลัวแม้แต่น้อย

ขณะที่มู่หรงฉีกำลังจะเอ่ยปากพูดแทนซูจิ่นซีเพื่อแก้สถานการณ์ ซูจิ่นซีก็ค่อยๆ ยกยิ้มมุมปากด้วยแววตาสดใส

“ท่านอ๋องถามเช่นนี้ กระหม่อมไม่รู้จะตอบพระองค์อย่างไร มิสู้ให้กระหม่อมชี้แจงความคิดภายในใจ จากนั้นรบกวนท่านอ๋องช่วยกระหม่อมครุ่นคิดได้หรือไม่? ”

ในยามนี้ ไม่เพียงมู่หรงเฟิงเท่านั้น กระทั่งเหล่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่ที่อยู่ในงาน ก็ลอบถอนหายใจอย่างเสียไม่ได้

“ช่างบังอาจยิ่งนัก ท่านหมอซูผู้นี้ ฉีอ๋องเราคงเอาอกเอาใจจนเสียคนไปแล้วกระมัง? เหตุใดจึงพูดจาไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ไม่รู้เสียแล้วว่ามหาอุปราชเป็นบุคคลเช่นไร? ”

“พูดเบาๆ เถิด อย่างไรเขาก็เป็นคนของฉีอ๋อง”

“คนของฉีอ๋องแล้วอย่างไร? ต่อให้เป็นฉีอ๋องเอง ยังต้องเรียกมหาอุปราชว่าเสด็จลุงมิใช่หรือ? ”

“คอยดูเถิด! ตามอุปนิสัยของมหาอุปราช คนแซ่ซูผู้นี้ต้องตายแน่นอน วันนี้เขาไม่มีทางออกจากวังหลวงไปได้”

“ใช่ ปล่อยให้เขาอวดดีไปก่อนเถิด! ”

……

เชิงอรรถ

[1] รินสุราจนเต็มล้น ธรรมเนียมการรินสุราของจีน ต้องรินให้ผู้อื่นจนเต็มล้น ถึงจะเป็นการให้เกียรติ ส่วนการรินชาให้แขกจะนิยมรินให้สามในสี่ส่วน ปกติจะไม่รินจนล้น หากรินชาจนล้นถ้วยจะเหมือนเป็นการไล่แขก ดั่งคำจีนที่กล่าวไว้ว่า เต้าหม่านฉ๋าซ่งเค้อ