เสียงวิพากษ์วิจารณ์ของทุกคน ซูจิ่นซีล้วนได้ยินทุกคำ
ยิ่งพวกเขาพูดเกินจริงมากเท่าไร ซูจิ่นซีก็ทำเพียงยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย จากนั้นสายตาของนางก็หันไปมองทางเยี่ยโยวเหยา
เยี่ยโยวเหยานั่งอยู่ถัดจากมู่หรงเฟิง เขานั่งตัวตรงเป็นระเบียบ ท่าทางราวกับสนใจเพียงลิ้มรสสุราในมือ ไม่สนใจเรื่องที่เกิดขึ้นแม้แต่น้อย
อย่างไรก็ตาม ซูจิ่นซีเพียงชายตาผ่านเท่านั้น สายของนางไม่ได้จับจ้องที่ตัวเยี่ยโยวเหยา ทว่านางหันไปมองมู่หรงเฟิง
“ทูลมหาอุปราช คืนวันนี้ ขณะที่กระหม่อมกำลังเดินชมดอกไม้อยู่บนถนน เกิดโชคร้ายพบกับมือสังหารจำนวนหนึ่งเข้า”
ซูจิ่นซีพูดประโยคแรกจบ นางตั้งใจหยุดเพื่อสังเกตสีหน้าและการตอบสนองของทุกคนที่อยู่ในงานอย่างละเอียด
มีบางคนถอนหายใจและพูดว่า “ลอบสังหาร? ผู้ใดกันกล้าลอบสังหารคนของฉีอ๋อง? ”
มู่หรงเฟิงเลิกคิ้วเล็กน้อย “โอ้? ผู้ใดกัน กระทั่งท่านหมอซูยังกล้าลอบสังหาร? ต่อให้ไม่รู้จักท่าน อย่างน้อยก็ต้องให้เกียรติฉีอ๋องบ้าง ควรคิดให้ดีก่อนลงมือ! ”
“ผู้ใดจะรู้! ”
ซูจิ่นซียกจอกสุราขึ้น นางก้มมองจอกสุราพลางครุ่นคิด มู่หรงเฟิงผู้นี้ช่างแสแสร้งเสียจริง เห็นได้ชัดว่าเขาส่งคนไปลอบสังหารนาง ยังแสร้งทำเหมือนไม่รู้เรื่องอันใดอีก
เมื่อดื่มสุราหมดจอก ซูจิ่นซีก็พูดเสริมอีกครั้งว่า “ผู้ที่ลอบสังหารกระหม่อม ล้วนเป็นพลธนูที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี มีความเป็นมืออาชีพ เล็งธนูได้อย่างแม่นยำ ทั้งยังเล็งที่จุดตายทั้งสิ้น คนธรรมดาทั่วไปหรือขุนนางชั้นสูงไม่อาจฝึกฝนได้เช่นนั้น ดังนั้น… ท่านอ๋องช่วยกระหม่อมวิเคราะห์ด้วยเถิด หากยามนั้นสามารถตามตัวคนร้ายได้ ป้ายคำสั่งขนนกทองคำนี้สามารถใช้จัดการเขาได้หรือไม่”
ทันใดนั้น ทุกคนที่นั่งอยู่ต่างก็กลัวว่าตนจะตกเป็นผู้ต้องสงสัยโดยไม่ทันระวัง แต่ละคนต่างก้มหน้าลงต่ำ พยายามทำให้ตนเองไร้ตัวตน
ซูจิ่นซีพูดจบก็ยกจอกสุราขึ้นจิบ พลางเม้มริมฝีปากเล็กน้อย พยายามไม่ให้มู่หรงเฟิงจับพิรุธตนเองได้
บัดซบ ไม่อยากจะเชื่อว่าเจ้าจะไม่ตกใจ
อย่างไรก็ตาม มู่หรงเฟิงไม่มีท่าทีเปลี่ยนแปลงมากนัก แววตาของเขาคมกริบ ทันทีที่เขายกมือขึ้น องครักษ์ชุดดำก็ปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าเขา
“ไปสืบมาเดี๋ยวนี้ เรื่องราวเป็นมาอย่างไรกันแน่? ”
องครักษ์นายนั้นราวกับรับรู้อันใดบางอย่าง เขาไม่ได้จากไปในทันที ทว่าเอียงตัวพูดบางอย่างข้างหูมู่หรงเฟิง
มู่หรงเฟิงค่อยๆ ขมวดคิ้วเครียด
รอจนองครักษ์พูดจบ มู่หรงเฟิงก็กำชับต่อไป “สืบในส่วนที่ตกหล่นอีกครั้ง ต้องสืบให้ละเอียด”
เมื่อเห็นท่าทางของคนทั้งสอง คิ้วของซูจิ่นซีพลันขมวดเล็กน้อย
แม้นางจะได้ยินเนื้อหาทั้งหมดที่องครักษ์รายงานให้มู่หรงเฟิงฟัง ทว่าท่าทางการตอบสนองของเขาไม่เหมือนการเสแสร้งแม้แต่น้อย!
หรือว่าเรื่องการลอบสังหารนางกับอวิ๋นจิ่น ไม่ใช่ฝีมือของมู่หรงเฟิงจริงๆ ?
ซูจิ่นซีอดหันไปมองมู่หรงฉีไม่ได้ อย่างไรเสีย ข้อมูลข่าวสารต่างๆ มู่หรงฉีล้วนเป็นคนบอกนางทั้งสิ้น
มู่หรงฉีส่ายศีรษะเล็กน้อย ส่งสัญญาณว่าเขาเองก็ไม่รู้เช่นกัน
“ท่านหมอซู! ” ทันใดนั้น มู่หรงเฟิงก็พูดขึ้น “ในเมื่อป้ายคำสั่งขนนกทองคำอยู่ในมือเจ้า เจ้าก็ควรทราบเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของมันบ้าง ป้ายคำสั่งขนนกทองคำเป็นสิ่งของที่ตกทอดมาจากอดีตฮ่องเต้เรา สามารถชี้เป็นชี้ตาย มีอำนาจทางการทหาร ขอเพียงไม่ยุ่งเกี่ยวกับการบริหารราชสำนักของแคว้นหนานหลีก็พอ”
ซูจิ่นซีเผยรอยยิ้มแห้ง “มหาอุปราช พระองค์เพียงบอกว่ากระหม่อมสามารถทำสิ่งใดได้บ้าง สามารถควบคุมขุนนางได้มากน้อยเพียงใด กระหม่อมเล่าเรียนมาน้อย พระองค์พูดอ้อมค้อมวกวนเช่นนี้ กระหม่อมฟังไม่เข้าใจหรอกพ่ะย่ะค่ะ”
มู่หรงเฟิงไม่มีท่าทีขุ่นเคือง “เหล่าเชื้อพระวงศ์แห่งแคว้นหนานหลี รวมถึงขุนนางในแต่ละมณฑล ล้วนอยู่ภายใต้ป้ายคำสั่งขนนกทองคำนี้ ส่วนสามารถทำอันใดได้มากน้อยเพียงใดนั้น ต้องดูว่าผู้ที่ถือป้ายคำสั่งขนนกทองคำต้องการทำเรื่องใหญ่มากน้อยเพียงใด? ”
“กล่าวเช่นนี้ ป้ายคำสั่งนี้ก็สามารถควบคุมท่านอ๋องได้ใช่หรือไม่? ”
ซูจิ่นซีทำทีพูดเล่นโดยไม่ได้ตั้งใจ ราวกับนางไม่ได้นำมาใส่ใจ ทว่าทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างถูกความใจกล้าของนางทำให้ตกใจจนเหงื่อตก มิหนำซ้ำบางคนยังตกใจจนจอกสุราหล่นจากมือ
ผู้ที่มีสายตาเฉียบแหลมสามารถมองเห็นอย่างชัดเจนว่าแววตาของมู่หรงเฟิงเย็นชาดั่งคมมีด หลายคนตกใจกลัวจนหัวหดลงไปในลำคอ
ทว่ามีเพียงซูจิ่นซีผู้เดียวที่ยังคงมีท่าทีเรียบเฉยไม่หวาดกลัวแม้แต่น้อย การแสดงออกบนใบหน้าของนางยังคงสดใสไร้เดียงสา
“เหตุใดทุกคนถึงเงียบไปเล่า? ท่านอ๋อง กระหม่อมพูดอันใดผิดไปหรือ? ”
ซูจิ่นซีหันไปพูดกับมู่หรงฉีด้วยน้ำเสียงที่ดังกังวาน
ใจกลางฝ่ามือของมู่หรงฉีพลันเย็นเฉียบ เนื่องจากเป็นกังวลแทนซูจิ่นซี ก่อนที่เขาจะทันได้พูดอันใด มู่หรงเฟิงก็เอ่ยปากขึ้นก่อน
“เป็นคำพูดที่ไม่ถูกต้อง”
น้ำเสียงของมู่หรงเฟิงฟังดูเรียบเฉย ทั้งยังไร้อารมณ์ หลายคนถึงกับร่างกายสั่นเทาด้วยความตกใจ ยิ่งไปกว่านั้น บางคนยังมองซูจิ่นซีดั่งคนที่ตายไปแล้ว
พูดจารนหาที่ตาย บังอาจยิ่งนัก ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ในสายตาของพวกเขา นางเปรียบเสมือนคนที่ตายไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม นางต้องตายอย่างแน่นอน เพียงแต่… น่าสงสาร นางทำให้ฉีอ๋องต้องติดร่างแหไปด้วย
ใบหน้าของซูจิ่นซีไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย ทว่าความคิดของนางฉับไว สามารถจับความคิดของมู่หรงเฟิงได้
“ท่านอ๋อง พระองค์อย่าทำให้กระหม่อมตกใจเลย กระหม่อมขวัญอ่อน พระองค์มีสถานะสูงส่ง เมื่อพระองค์ตรัสเช่นไร กระหม่อมก็เชื่อเช่นนั้น สำรับอาหารเลิศรสมากมายที่วางอยู่บนโต๊ะ กระหม่อมไม่ได้แตะต้องแม้แต่น้อย หวังรอให้ท่านอ๋องประทานอนุญาต จะได้ลิ้มลองสักสองสามคำ! หากกระหม่อมตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ คงไม่ทันได้ลิ้มรสอาหารอันโอชาเป็นแน่”
ซูจิ่นซีพูดจบก็ยกยิ้มมุมปาก ท่ามกลางผู้คนจำนวนหลายร้อยที่อยู่ในเหตุการณ์ รวมถึงองครักษ์ นางกำนัล และขันที มีเพียงนางผู้เดียวที่แย้มยิ้ม
ทั่วทั้งสวนดอกไม้ในวังหลวง มีเพียงนางผู้เดียวที่แย้มยิ้มอย่างสดใส ทั้งยังสดใสยิ่งกว่าดอกไม้ที่อยู่รอบงานเสียอีก
มู่หรงเฟิงนิ่งเงียบอยู่นาน ซูจิ่นซีเป็นดั่งนักแสดงเดี่ยว หน้าผากของแต่ละคนต่างมีเม็ดเหงื่อเย็นเฉียบผุดขึ้นมา ครั้งนี้ พวกเขาไม่เพียงมองซูจิ่นซีดั่งคนที่ตายไปแล้ว ทว่ายังชำเลืองมองมู่หรงเฟิงด้วยความระมัดระวัง รอดูว่าเขาจะเดือดดาลและจัดการกับซูจิ่นซีเช่นไร
อย่างไรก็ตาม ไม่มีผู้ใดคาดคิด หลังผ่านไปครู่หนึ่ง มู่หรงเฟิงก็หัวเราะออกมาเช่นกัน
เขาเงยหน้าหัวเราะเสียงดัง เสียงหัวเราะฟังดูสาแก่ใจอย่างมาก หลังจากหัวเราะเสร็จก็ชี้นิ้วไปทางซูจิ่นซีและพูดว่า “เจ้าเด็กน้อย ความคิดของเจ้าไม่เล็กเลย กล้าดีอย่างไรจะมาควบคุมอ๋องอย่างข้า! ”
ซูจิ่นซียังคงมีท่าทางใสซื่อ “แหะ แหะ ท่านอ๋อง ในแคว้นหนานหลี พระองค์มีตำแหน่งสูงส่งที่สุดแล้ว! หากสามารถควบคุมพระองค์ได้ กระหม่อมก็ไม่ต้องเป็นกังวลกับผู้อื่น ท่านอ๋องว่ามีเหตุผลหรือไม่? ”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! ”
มู่หรงเฟิงไม่พูดอันใด ทำเพียงยกจอกสุราชูไปทางทุกคนที่อยู่ในงานพิธี และพูดว่า “ข้าขอดื่มให้คณะทูตและขุนนางทุกท่าน วันนี้ไม่เพียงเป็นงานเทศกาลร้อยบุปผา ทว่ายังเป็นวันเกิดของข้า ขอบใจขุนนางและเชื้อพระวงศ์ทุกท่านที่มาร่วมงานเฉลิมฉลองพร้อมกับข้า ข้ามีความสุขมาก! มีความสุขมากจริงๆ ! เชิญทุกท่าน ดื่มหมดจอก! ”
เมื่อเห็นท่าทีเรียบเฉยของมู่หรงเฟิง ทุกคนก็ถอนหายใจอีกครั้ง ด้วยรู้สึกโล่งใจแทนซูจิ่นซีกับมู่หรงฉี
โชคดีที่ฉีอ๋องกับท่านหมอซูผู้ไม่รู้จักที่ตายไม่เป็นอันใด และโชคดีที่วันนี้ท่านมหาอุปราชอารมณ์ดี ไม่ได้เดือดดาลจนก่อให้เกิดหายนะ
ทว่าไม่มีผู้ใดคาดคิด ขณะที่มู่หรงเฟิงและทุกคนกำลังร่ำสุราอยู่นั้น พวกเขายังไม่ทันได้กลืนสุรา คำพูดรนหาที่ตายของซูจิ่นซีก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง
“แหะ แหะ สามารถควบคุมท่านอ๋องได้ กระหม่อมก็สบายใจ ทว่าท่านอ๋อง หากกระหม่อมใช้ป้ายคำสั่งนี้กวาดล้างพวกคนชั่วและแต่งตั้งเจ้าแคว้นหนานหลีขึ้นมาใหม่ จะได้หรือไม่? ”
‘พรวด… ’
เหล่าขุนนางพลันพ่นสุราในปากออกมา เนื่องจากตกใจคำพูดของซูจิ่นซีเมื่อครู่ จากนั้นพวกเขาก็รีบคุกเข่าลงกับพื้น ด้วยเนื้อตัวสั่นเทา ทั้งยังหวาดกลัวถึงขีดสุด แสดงท่าทีราวกับคำพูดเมื่อครู่เป็นของพวกเขา
“กระหม่อมผิดไปแล้ว ท่านมหาอุปราชโปรดระงับโทสะ… ”
“กระหม่อมผิดไปแล้ว ท่านมหาอุปราชโปรดระงับโทสะ… ”