ตอนที่ 354 มีลูกสักคนก็คงดี / ตอนที่ 355 มีชายคนหนึ่งอยู่ข้างกายเธอ

เสน่ห์รักร้ายคุณบอสเพลย์บอย

ตอนที่ 354 มีลูกสักคนก็คงดี 

 

 

           เขาชายตาขึ้นมอง สายตาแฝงรอยโกรธเคืองจางๆ “เธอเป็นคนปลดกระดุมเอง เมื่อกี้ผมกำลังจะผลักเธอออก คุณก็เข้ามาพอดี” เรื่องมันก็บังเอิญแบบนี้แหละ ทันทีที่เขาเห็นเธอเดินเข้ามา เขารู้ทันทีว่าแย่แน่แล้ว จึงตั้งใจปล่อยให้เธอเป็นคนไล่ผู้หญิงคนนั้นออกไปเอง เธอจะได้สบายใจขึ้น แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผลเสียแล้ว 

 

 

           เขาลุกขึ้นแล้วก้าวไปหยุดยืนข้างกายเธอ เอ่ยเสียงเบา “คุณยังไม่รู้อีกหรือไงว่าผมเป็นคนยังไง? ผู้หญิงแบบนั้นไม่อยู่ในสายผมรอก”  

 

 

           เธอยังคงไม่ยอมลดราวาศอก “งั้นคุณหมายความว่า ถ้าผู้หญิงคนนั้นสวยกว่านี้ คุณก็จะเห็นเธออยู่ในสายตาอย่างนั้นเหรอคะ?” 

 

 

           เขามองเธอแวบหนึ่ง “ไม่ว่ายังไงคุณก็ไม่เชื่อผมใช่ไหม?” 

 

 

           เธอยิ้มเย็น ภาพที่เธอเห็นเมื่อครู่ทำให้เธอหวนนึกถึงเรื่องโทรศัพท์คืนนั้นขึ้นมาอีก น้ำเสียงที่ฟังดูเหมือนทั้งคุ้นเคย ทั้งใกล้ชิดกับจิ้นหยวนของเจียงจื่อเสียนทำให้เธอโกรธจนควันออกหูขึ้นมาอีก “เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อกี้นี้ คุณคิดว่าฉันเห็นแล้วยังจะเชื่อคุณได้อีกงั้นเหรอ?” 

 

 

           จิ้นหยวนชักหัวคิ้วชนกันแน่น ไม่คิดเลยว่าเฉียวซือมู่ที่เคยเข้าใจอะไรง่ายๆ วันนี้จะกลายเป็นคนที่เข้าใจอะไรยากขึ้นมาเสียดื้อๆ เขาเองก็ชักจะมีน้ำโหแล้วเหมือนกัน “อะไรที่ผมไม่ได้ทำก็คือไม่ได้ทำ แล้วแต่คุณจะคิดก็แล้วกัน!” 

 

 

           เฉียวซือมู่ได้ยินแล้วโกรธหนักกว่าเดิม หมุนตัวเปิดประตูแล้วเดินออกจากห้องทันที 

 

 

           ไม่นึกเลยว่าเขาจะเป็นผู้ชายแบบนี้  

 

 

           ทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นคนนอกใจแท้ๆ ยังกล้าพูดได้เต็มปากเต็มคำแบบนั้นอีก จิ้นหยวน คุณแน่มาก! 

 

 

           ตอนนี้อารมณ์เธอแย่สุดๆ อยากจะลากจิ้นหยวนมาตบมาตีเพื่อระบายความโมโหให้รู้แล้วรู้รอด แต่การใช้กำลังไม่ใช่หนทางแก้ปัญหา ที่สำคัญ เขาคงไม่ยอมเธอง่ายๆ หรอก เฉียวซือมู่จึงได้แต่จินตนาการอยู่ในหัวเท่านั้น 

 

 

           หลังจากพูดออกไปว่า “ต่อให้ผมพูดอะไรไปคุณก็ไม่เชื่ออยู่ดี ถ้างั้นผมก็จะไม่พูดอีก” แม้จิ้นหยวนจะแสร้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่สภาพจิตใจเขาได้รับผลกระทบอย่างเห็นได้ชัด สายตาเขาจับจ้องอยู่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ แต่กลับอ่านอะไรไม่เข้าหัวแม้แต่คำเดียว 

 

 

           จังหวะนั้น โทรศัพท์มือถือบนโต๊ะดังขึ้น 

 

 

           เขาค่อยๆ ยื่นมือออกไปหยิบมันขึ้นมัน 

 

 

           ยังไม่ทันที่เขาจะได้พูดอะไร เสียงตื่นเต้นของหลินจื้อเฉิงก็ดังลอดมาจากปลายสาย “พี่ใหญ่ ผมเพิ่งเห็นข้อความที่พี่ฝากไว้เมื่อเช้านี้…” 

 

 

           “ไม่ต้องพูดมาก รีบตอบมาเร็ว!” น้ำเสียงจิ้นหยวนแฝงรอยขุ่นเคือง 

 

 

           หลินจื้อเฉิงชะงักเล็กน้อย “พี่ใหญ่ไปกินรังแตนที่ไหนมาครับ…” เขารู้จักนิสัยจิ้นหยวนดี จึงไม่กล้าพูดเล่นไปเรื่อย รีบเอ่ยขึ้นใหม่ “ผมคิดทบทวนไปมา แล้วเอาไปประกอบกับความเห็นของเมียสุดที่รักแล้วได้ข้อสรุปออกมาแล้วล่ะครับ” 

 

 

           “รีบพูดมาเร็ว” น้ำเสียงจิ้นหยวนฟังดูดีขึ้นเล็กน้อยทันทีที่ได้ยินว่าได้ข้อสรุปแล้ว 

 

 

           “พี่สะใภ้ต้องมีรีบมีลูกไงครับ คนแก่น่ะนะ ใครๆ ก็ชอบอุ้มหลานกันทั้งนั้น พี่กับพี่สะใภ้ก็มีลูกชายสักสองสามคน รับรอง ต่อให้พวกท่านไม่ชอบพี่สะใภ้มากแค่ไหนก็ตาม เดี๋ยวทุกอย่างก็ดีขึ้นเองแหละครับ” หลินจื้อเฉิงเอ่ยอย่างมั่นใจ 

 

 

           “นายพูดจริงเหรอ?” จิ้นหยวนลังเลเล็กน้อย บางครั้งหลินจื้อเฉิงก็เป็นคนไม่ได้เรื่องได้ราว แล้วจะเชื่อคำพูดเขาได้แน่หรือ? 

 

 

           “โธ่ ผมรับรองเลยว่าต้องได้ผลอย่างแน่นอน ไม่เชื่อพี่ก็ลองไปถามคนอื่นๆ ดูสิครับ” หลินจื้อเฉิงชักร้อนใจ รีบแก้ตัวเป็นพัลวัน 

 

 

           จิ้นหยวนคิดๆ แล้วรู้สึกว่าความคิดนี้เข้าท่าไม่เบา วิธีต่างๆ ผุดขึ้นในใจทันที เขาเอ่ยตัดบท “ก็ได้ งั้นมีอะไรจะถามนายอีกก็แล้วกัน” เอ่ยจบแล้วกดตัดสายทันที 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 355 มีชายคนหนึ่งอยู่ข้างกายเธอ 

 

 

           จิ้นหยวนไม่พูดพล่ามทำเพลง ข้ามแม่น้ำได้แล้วก็รื้อสะพานทิ้งทันที 

 

 

           เขาจมลงสู่ความคิดของตนเอง หรือว่าต้องมีลูกเสียก่อนคุณแม่ถึงจะยอมรับเธอ? 

 

 

           เขาครุ่นคิดไปมา ดูเหมือนจะเหลือแค่วิธีนี้แล้วจริงๆ 

 

 

           แต่เมื่อกี้เขาเพิ่งทะเลาะกับเธอ หากจะปั้นเด็กเร็วๆ ล่ะก็ คงไม่ใช่เรื่องง่ายแน่… 

 

 

           เขาสูดหายใจลึก หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาอีกครั้งแล้วกดโทรออก “ตอนนี้เธออยู่ไหน?” 

 

 

           อาฮุยที่อยู่อีกฟากสายกลืนน้ำลายอย่างยากเย็น “อยู่… อยู่ที่ถนนชุนไหลครับ…” 

 

 

           จิ้นหยวนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย นั่นมันถนนสายที่ขายเสื้อผ้าสตรีนี่ ดูเหมือนเฉียวซือมู่จะอารมณ์ไม่ดี ก็เลยไปเดินช้อปปิ้งที่นั่นสินะ 

 

 

           ช่างเถอะ เรื่องนี้เขาเองก็มีส่วนผิดเหมือนกัน ออกไปง้อเธอหน่อยดีกว่า 

 

 

           เขาเอ่ยตอบเพียงสั้นๆ “รู้แล้ว” ขณะที่กำลังจะกดวางสายนั้น อาฮุยก็รีบเอ่ยขึ้นด้วยความร้อนใจ “เดี๋ยวครับ!” 

 

 

           “มีอะไรอีก?” เขามุ่นหัวคิ้ว สังหรณ์ใจว่าสิ่งที่กำลังจะได้ยินน่าจะไม่ใช่ข่าวดีเสียแล้ว 

 

 

           อาฮุยเอ่ยอย่างลำบากใจ “คุณเฉียวไม่ได้อยู่คนเดียวครับ…” 

 

 

           “แล้วเธออยู่กับใคร?” จิ้นหยวนถามตรงประเด็นทันที 

 

 

           “ฉี… ฉีหย่วนเหิงครับ…” อาฮุยเอ่ยจบแล้วสัมผัสถึงความโกรธของท่านประธานที่แผ่กระจายมาจากอีกฟากสายทันที  

 

 

           จากนั้น สายโทรศัพท์ถูกตัดทันที 

 

 

           อาฮุยเก็บโทรศัพท์มือถือเข้ากระเป๋า มองไปยังแผ่นหลังของสองหนุ่มสาวที่กำลังคุยกันอย่างชื่นบานที่อยู่ไม่ไกลจากตนสักเท่าไหร่ด้วยสายตาอยากร้องไห้ ทำไมนะ ทำไมคุณเฉียวถึงมาพบฉีหย่วนเหิงเข้า แล้วผู้ชายตัวโตๆ อย่างฉีหย่วนเหิงมาทำอะไรที่นี่? นี่เขาเป็นบ้าไปแล้วหรือ? 

 

 

           เขาไม่อยากจะเห็นภาพตอนที่ท่านประธานมาถึงที่นี่จริงๆ เพราะถึงตอนนั้นเขาที่ทำหน้าที่คอยติดตามคุณเฉียวจะต้องถูกตำหนิเป็นแน่ แต่เขาเองก็ไม่กล้าเอ่ยเตือนเฉียวซือมู่ตรงๆ เช่นกัน หากท่านประธานรู้เข้า ถึงตอนนั้น เนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง แล้วยังเอากระดูกมาแขวนคอตัวเองอีก 

 

 

           เพราะฉะนั้น เขาจึงได้แต่ยืนสังเกตการณ์อยู่ห่างๆ และพยายามส่งสายตาเตือนพวกเขาอยู่กลายๆ ว่าให้รีบแยกย้ายกันได้แล้ว อีกประเดี๋ยวไดโนเสาร์ขี้โมโหก็จะมาถึงแล้วนะ… 

 

 

           สาบานได้เลยว่าเฉียวซือมู่ไม่มีทางรู้เด็ดขาดว่าเขาอยากจะบอกอะไรเธอ เธอกับฉีหย่วนเหิงนั่งอยู่บนม้านั่งข้างทางและกำลังคุยกันอย่างสนุกสนาน 

 

 

           เรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ทำให้เฉียวซือมู่รู้สึกประทับใจฉีหย่วนเหิงมาก แต่หลังจากเธอกลับประเทศแล้ว ดูเหมือนว่าจะเอาแน่เอานอนกับการเคลื่อนไหวของฉีหย่วนเหิงไม่ค่อยได้ ทั้งสองจึงติดต่อกันน้อยลง ตอนนี้เธอกลับพบเขาเข้าโดยบังเอิญ เธอจึงรู้สึกดีใจมาก 

 

 

           ฉีหย่วนเหิงเป็นคนรูปหล่อมาก โดยเฉพาะสายตาที่จับจ้องมาที่เธอนั้น ต่อให้เป็นเพียงแค่คนเดินถนนที่เดินผ่านเท่านั้นยังสามารถรับรู้ได้ว่านั่นเป็นสายตาแห่งรัก 

 

 

           แต่เฉียวซือมู่กลับไม่รู้สึกตัวเลยสักนิด เธอมองหน้าเขาพลางยิ้มสดใส มันเป็นรอยยิ้มที่ยิ้มให้เพื่อนเท่านั้น “ดูเหมือนช่วงนี้คุณจะยุ่งมากเลยนะคะ บางทีฉันทักคุณไปก็ไม่เห็นตอบกลับมาบ้างเลย” 

 

 

           ฉีหย่วนเหิงได้แต่ยิ้มขื่นในใจ “ครับ ช่วงก่อนผมยุ่งนิดหน่อย แต่ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว อย่างตอนนี้ผมก็ว่างพอดี คุณอยากไปเที่ยวที่ไหนหรือเปล่า ผมแนะนำที่ดีๆ ให้คุณได้นะ” 

 

 

           เขาเบี่ยงประเด็นอย่างแนบเนียน แถมยังเบี่ยงประเด็นไปที่เธอแทนอีกต่างหาก  

 

 

           เธอครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วเอ่ยตอบ “ก็ไม่ได้อยากไปที่ไหนเป็นพิเศษหรอกค่ะ แล้วก็ไม่มีอารมณ์ทำอะไรด้วย” 

 

 

           เธอกำลังอารมณ์เสีย ทำอะไรก็ไม่สนุกทั้งนั้นแหละ 

 

 

           เขาดูออกว่าเธอกำลังอารมณ์ไม่ดี ครุ่นคิดชั่วครู่จึงเอ่ยขึ้น “ไป เดี๋ยวผมพาคุณไปที่ที่หนึ่ง” 

 

 

           “ที่ไหนคะ?” เธอเอ่ยถามด้วยความสงสัย เห็นสีหน้ายิ้มๆ ของเขาแล้วจึงส่ายศีรษะ “ไม่ไปบาร์เหล้านะคะ ที่แบบนั้นเสียงดังเกินไปค่ะ” 

 

 

           “สบายใจได้ ไม่ใช่บาร์เหล้าหรอก แต่เป็นที่ดีๆ ต่างหากล่ะ…” เขาเห็นท่าทางลังเลของเธอแล้วตัดสินใจดึงแขนเธอให้ลุกขึ้น