ตอนที่ 356 เลิกต่อยกันได้แล้ว / ตอนที่ 357 ฉันต้องรับผิดชอบเฉียวซือมู่

เสน่ห์รักร้ายคุณบอสเพลย์บอย

ตอนที่ 356 เลิกต่อยกันได้แล้ว 

 

 

           เฉียวซือมู่ไม่ค่อยอยากไปสักเท่าไหร่จึงขัดขืนเล็กน้อย เธอวางมือลงบนสองแขนของเขาเพื่อให้เขาปล่อยมือ มองเผินๆ ราวกับว่าทั้งสองกำลังจับมือถือแขนกันอย่างไม่อยากจะแยกจากกัน 

 

 

           จิ้นหยวนลงจากรถแล้วเห็นภาพตรงหน้าเข้าพอดี สีหน้าเขาถมึงทึง ก้าวเท้ายาวๆ เดินตรงเขาไปหาทั้งสองทันที 

 

 

           เฉียวซือมู่กับฉีหย่วนเหิงต่างพยายามเกลี้ยกล่อมอีกฝ่าย โดยที่ไม่รู้เลยว่าชายหนุ่มอีกคนกำลังพุ่งตรงเข้าไปหาพวกเขาราวพายุที่กำลังโกรธจัด 

 

 

           อาฮุยที่ยืนอยู่ไม่ไกลนักเห็นเข้าพอดี แต่เขากลับไม่กล้าพูดอะไรเลย ได้แต่มองดูจิ้นหยวนที่กำลังโกรธจัดเดินก้าวยาวๆ เข้าไปหาทั้งสอง จากนั้นปล่อยหมัดออกไปสุดกำลัง 

 

 

           ฉีหย่วนเหิงฝีมือใช่ย่อยเสียที่ไหน ยังไม่ทันที่หมัดของจิ้นหยวนจะถึงตัวเขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่ด้วยตำแหน่งที่เขายืนอยู่ หากเขาหลบหมัดจิ้นหยวน เฉียวซือมู่ต้องได้รับบาดเจ็บอย่างแน่นอน เขาจึงตัดสินใจไม่ขยับตัวหลบ ปล่อยให้จิ้นหยวนปล่อยหมัดกระแทกกลางหลังเขาอย่างจัง 

 

 

           เฉียวซือมู่ตกตะลึงนิ่งอึ้ง เธอจ้องจิ้นหยวนที่กำลังโกรธจัดแล้วตะโกนดังลั่น “คุณเป็นบ้าไปแล้วหรือไง!” 

 

 

           ฉีหย่วนเหิงรับกำปั้นของจิ้นหยวนเต็มเปาจนส่งเสียงเจ็บออกมาเบาๆ เขายืนโงนเงนเล็กน้อยแล้วหันกลับไปมอง เพิ่งจะได้เห็นหน้าจิ้นหยวนชัดๆ ก็เห็นจิ้นหยวนปล่อยหมัดกระแทกเข้ามาตรงหน้าอีก 

 

 

           เฉียวซือมู่กรีดเสียงร้อง “หยุดเดี๋ยวนี้นะ!” 

 

 

           จิ้นหยวนจ้องเธอตาเขม็ง “เดี๋ยวผมจะกลับมาจัดการคุณ!” 

 

 

           คราวนี้ฉีหย่วนเหิงหลบหมัดเขาได้อย่างสบายๆ 

 

 

           เขายิ้มเย็น ปล่อยหมัดตอบโต้จิ้นหยวนโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น 

 

 

           สองหนุ่มเริ่มตะลุมบอนกันนัว 

 

 

           เฉียวซือมู่โกรธจนควันออกหู จิ้นหยวนเป็นบ้าอะไรอีก? ทำไมเธอหนีมาถึงที่นี่แล้วยังจะตามมาระรานเธออีก? แล้วยังมาเจอฉีหย่วนเหิงเข้าพอดีอีก 

 

 

           เธอชายตาขึ้นมองพลันเห็นร่างของใครคนหนึ่งที่แสนคุ้นเคย คนคนนั้นเห็นเธอมองมาที่ตนแล้วรีบหดหัวทันทีโดยไม่กล้าปริปากใดๆ 

 

 

           เธอเพิ่งเข้าใจเดี๋ยวนี้เองว่าจิ้นหยวนส่งอาฮุยมาคอยจับตาดูเธอ มิน่าเล่า เขาถึงตามมาได้ถูกจังหวะแบบนี้ 

 

 

           เธอหันกลับไปมอง เห็นจิ้นหยวนถูกต่อยเข้าอย่างจังจนเลือดกบปาก 

 

 

           ชายหนุ่มตัวโตสองคนชกต่อยกันกลางถนน เป็นภาพที่สร้างความสนใจให้ผู้คนได้ไม่น้อย ตอนแรกบนถนนยังไม่ค่อยมีคนสักเท่าไหร่ เพียงไม่นาน ผู้คนก็เริ่มทยอยออกันเข้ามามุงดูมากขึ้นๆ และยังมีคนหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูปด้วย 

 

 

           เธอร้อนใจดั่งไฟลน ผู้ชายสองคนนี้เจอกันทีไร เป็นต้องแปลงร่างเป็นวัยรุ่นใจร้อนจนขาดสติทุกที ถ้าเกิดภาพพวกนี้หลุดออกไป ภาพลักษณ์ของพวกเขาต้องเสียหายยับเยินเป็นแน่! 

 

 

           ในที่สุด ขณะที่ฉีหย่วนเหิงกำลังจะกระแทกกำปั้นลงบนหัวไหล่ของจิ้นหยวนนั้น เธอตัดสินใจวิ่งเข้าไปขวางหน้าจิ้นหยวน “หยุดนะ!” 

 

 

           ฉีหย่วนเหิงคิดไม่ถึงว่าจู่ๆ เธอจะวิ่งเข้ามาขวางเอาไว้เช่นนี้ เขาหน้าถอดสีทันที แต่ไม่ทันการณ์เสียแล้ว หมัดที่ปล่อยออกไปกระแทกเข้าใส่หัวไหล่เธออย่างจัง 

 

 

           ความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั่ว เธอรู้สึกเจ็บจนเหงื่อแตก 

 

 

           “พวกคุณ เลิกต่อยกันได้แล้ว…” 

 

 

           เธอพยายามกัดฟันบอกพวกเขา ทันใดนั้น ความเจ็บปวดตรงหัวไหล่ทำให้เธอเจ็บจนใบหน้าเผือดซีด ริมฝีปากซีดจนน่าตกใจ แต่เธอยังคงไม่ละความพยายามที่จะห้าม “พวกคุณเลิกต่อยกันได้แล้ว คนตั้งเยอะแยะ… น่าขายหน้าที่สุด…” 

 

 

           จิ้นหยวนตกใจสุดขีด รีบพุ่งตัวออกไปกอดเธอเอาไว้แน่น “คุณอดทนหน่อยนะ ผมจะรีบพาคุณไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้แหละ” 

 

 

           ท่าทางเจ็บปวดทรมานของเธอทำให้เขาลืมเรื่องคิดบัญชีแค้นกับฉีหย่วนเหิงไปจนสิ้น เขาชักหัวคิ้วชนกันแน่น ในหัวมีแต่ภาพใบหน้าขาวซีดของเธอเท่านั้น 

 

 

           เขาขึ้นไปนั่งในรถ ขณะที่กำลังจะปิดประตูนั้น จู่ๆ ก็มีเงาบางอย่างเคลื่อนไหว เขาหันไปมอง พลันเห็นฉีหย่วนเหิงก้าวขึ้นไปนั่งในรถเรียบร้อยแล้ว 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 357 ฉันต้องรับผิดชอบเฉียวซือมู่ 

 

 

           “นายขึ้นมาทำไม?” สายตาจิ้นหยวนน่ากลัวมาก เขาจ้องฉีหย่วนเหิงที่หน้าด้านที่สุดตาเขม็ง 

 

 

           ฉีหย่วนเหิงปรายตามองเฉียวซือมู่แล้วเอ่ย “ฉันเป็นคนทำเธอเจ็บ ฉันก็ต้องรับผิดชอบสิ” 

 

 

           จิ้นหยวนมือสั่น หากไม่ใช่เพราะเขากำลังกอดเฉียวซือมู่เอาไว้จนทำให้เคลื่อนไหวไม่สะดวกล่ะก็ ป่านนี้เขาคงเตะฉีหย่วนเหิงลงจากรถแล้ว “ใครขอให้นายรับผิดชอบไม่ทราบ ไสหัวไปได้แล้ว!” 

 

 

           รังสีเย็นยะเยือกที่แผ่ออกมาจากตัวจิ้นหยวนในยามนี้สามารถทำให้ผู้ชายร่างยักษ์กลัวจนหัวหด แต่ไม่ใช่กับฉีหย่วนเหิงอย่างแน่นอน ช่วงที่ผ่านมาเขาถูกจิ้นหยวนเล่นงานจนสะบักสะบอม แถมจิ้นหยวนยังยุยงให้ลูกพี่ลูกน้องในตระกูลเป็นปฏิปักษ์กับเขาอีกต่างหาก ความแค้นอันใหญ่หลวงที่เขามีต่อจิ้นหยวนทำให้เขาไม่ยอมถอยเด็ดขาด ที่สำคัญ เขาเป็นคนทำให้มู่มู่บาดเจ็บ หากเขาไม่ตามไปดูให้เห็นกับตา เขาไม่มีทางสบายใจแน่ 

 

 

           จิ้นหยวนหน้าตาถมึงทึง ในใจคิดหาสารพัดวิธีที่จะทำให้ฉีหย่วนเหิงลงจากรถ แต่สุดท้ายก็ต้องล้มเลิกความตั้งใจทั้งหมดเพราะหญิงสาวที่หลับไม่ได้สติในอ้อมแขนตน 

 

 

           ในที่สุดฉีหย่วนเหิงก็ตามพวกเขาไปที่โรงพยาบาลจนได้ เขาได้แต่ยืนมองทีมแพทย์ที่พาตัวเธอเข้าไปตรวจร่างกายตาละห้อย 

 

 

           จิ้นหยวนกับฉีหย่วนเหิงยืนรออยู่นอกห้อง จิ้นหยวนส่งสายตามองฉีหย่วนเหิงอย่างไม่สบอารมณ์ “นายกลับไปได้แล้ว” 

 

 

           ฉีหย่วนเหิงหัวเราะเบาๆ “ไม่กลับ” เขาเอ่ยอย่างแน่วแน่ ไม่แม้แต่จะคิดหาเหตุผลใดๆ ประกอบ 

 

 

           ไหนๆ ตอนนี้มู่มู่ก็ไม่ได้อยู่ตรงนี้ด้วย แล้วเขาจะสร้างภาพเป็นคนอ่อนโยนไร้พิษภัยให้ใครดู? 

 

 

           แสงเย็นยะเยือกแวบขึ้นในดวงตาจิ้นหยวน เขาอยากจะกระแทกหมดใส่ฉีหย่วนเหิงเหลือเกิน แต่ที่นี่เป็นโรงพยาบาล เขาจึงต้องระงับความพลุ่งพล่านเอาไว้ 

 

 

           เขาเอ่ยเสียงเย็นยะเยือก “ฉันไม่เอาเรื่องที่นายทำเธอบาดเจ็บแล้ว นี่นายยังกล้าเสนอหน้าอยู่ที่นี่อีกเหรอ? นายนี่มันใจกล้าไม่เบาเลยนะ” 

 

 

           “ฉันถึงต้องอยู่ที่นี่ไง ดูซิว่าจะชดใช้อะไรให้เธอได้บ้าง” ฉีหย่วนเหิงเอ่ยยิ้มๆ 

 

 

           “กลับไปซะ เธอไม่ต้องการการชดใช้ใดๆ จากนาย” 

 

 

           “นายไม่ใช่เธอสักหน่อย นายจะไปรู้ได้ยังไง? จะว่าไปแล้วนายเป็นอะไรกับเธอ? ถือสิทธิ์อะไรมายุ่งเรื่องของเธอด้วย?” 

 

 

           “สิทธิ์ที่ฉันเป็นผู้ชายของเธอไง!” จิ้นหยวนโกรธจนทะลุปรอท 

 

 

           ฉีหย่วนเหิงยิ้มเยาะ “นายเป็นผู้ชายของเธออย่างนั้นเหรอ? มีคำเรียกอย่างนี้ด้วย? นายไม่ใช่สามีเธอสักหน่อย ถือสิทธิ์อะไรมาออกความเห็นแทนเธอ?” 

 

 

           คำพูดของฉีหย่วนเหิงทำให้จิ้นหยวนพูดไม่ออกในบัดดล 

 

 

           “ฉีหย่วนเหิง นายอยากตายหรือไง!” จิ้นหยวนกำหมัดแน่น อยากชกหน้าเขาให้เต็มรักเสียเดี๋ยวนั้น 

 

 

           ฉีหย่วนเหิงยังคงพูดไม่หยุด “ฉันพูดแทงใจดำนายหรือไง? แค่นี้ก็โกรธแล้ว? ฉันล่ะไม่เข้าใจจริงๆ ถ้าบอกว่านายไม่ชอบเธอ แต่นายก็เก็บตัวเธอเอาไว้ข้างกายไม่ยอมให้เธอไปไหน ถ้าบอกว่านายชอบเธอ แต่ผ่านมานานขนาดนี้แล้วนายกลับไม่ทำอะไรให้เธอมั่นใจสักอย่าง นายคิดอะไรอยู่กันแน่? ถ้านายแต่งงานกับเธอไม่ได้ก็รีบปล่อยเธอไปซะ อย่าทำให้เธอต้องเสียเวลาอยู่แบบนี้”          

 

 

           “พูดเป็นเล่น นายจะได้ฉวยโอกาสละสิ ฝันไปเถอะ ฉีหย่วนเหิง ฉันจะบอกอะไรให้นะ ชาตินี้เธอต้องเป็นของฉันคนเดียว นายไม่มีโอกาสหรอก” 

 

 

           “จริงเหรอ? นายแน่ใจนะ?” รอยยิ้มของฉีหย่วนเหิงไม่เคยทำให้จิ้นหยวนรู้สึกชิงชังมากขนาดนี้มาก่อน เขาทนไม่ไหวอีกต่อไป กำหมัดขึ้นจะกระแทกใส่หน้าฉีหย่วนเหิง แต่กลับถูกลูกน้องที่ยืนขนาบข้างขัดขวางเอาไว้เสียก่อน 

 

 

           “พี่ใหญ่อย่าเพิ่งใจร้อนสิครับ ที่นี่โรงพยาบาลนะ จะมาชกต่อยกันไม่ได้นะครับ…” 

 

 

           “ใช่ครับๆ ต่อยกันไม่ได้นะครับ เดี๋ยวคุณหมอก็ออกมาแล้ว…” 

 

 

           “ใช่ครับ นั่นไง ออกมาแล้ว…” 

 

 

           ลูกน้องทั้งสองพยายามกันตัวจิ้นหยวนและฉีหย่วนเหิงออกจากกันโดยไม่ยอมเปิดโอกาสให้ทั้งสองเข้าใกล้กันอีก และพยายามพูดเกลี้ยกล่อมอย่างสุดกำลัง จิ้นหยวนหรี่ตา ขณะที่กำลังคิดจะสลัดพวกเขาออกนั้น จู่ๆ พลันได้ยินเสียงประตูห้องเปิดออก