นับตั้งแต่ที่หวงฝู่อี้เซวียนสั่งให้มีการโบยเฉี่ยวเยว่จนตาย คนทั้งเมืองหลวงต่างก็ได้รู้กันว่าร้านขายบะหมี่มันฝรั่งแห่งนี้เปิดกิจการโดยหญิงคนรักของเขา ด้วยเหตุนี้ช่วงเวลาหนึ่งคนเกือบครึ่งหนึ่งของเมืองหลวงต่างก็แห่เข้ามาอุดหนุนธุรกิจ ลิ้มรสบะหมี่มันฝรั่งไม่ขาด กิจการในร้านยุ่งเป็นอย่างมาก ยังดีที่พนักงานในร้านค่อนข้างมีประสบการณ์อยู่บ้างจึงไม่ถึงกับมือไม้ลนลานแต่อย่างใด

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหลังจากช่วยงานอยู่ในร้านได้สองถึงสามวัน เห็นว่าพวกพนักงานเริ่มคุ้นชินกันแล้วสามารถรับมือกันเองได้จึงไม่ได้ไปที่ร้านอีก จะมีก็แต่แวะไปที่Uกับซุนเหลียงไฉสองถึงสามครั้ง ทำความรู้จักกับเถ้าแก่และพนักงานในร้านคร่าวๆ นอกเหนือจากนั้นส่วนใหญ่ก็เอาแต่ขลุกอยู่แต่ในบ้านเตรียมยาสำหรับรักษารอยแผลเป็นเพียงอย่างเดียว

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนตะบึงม้ามาหยุดอยู่หน้าจวนของเมิ่งเชี่ยนโยว หลังจากพลิกตัวกระโดดลงมา เขาก็โยนบังเ**ยนม้าไปให้กับคนที่ยืนเฝ้าประตูอยู่แล้ววิ่งเข้าไปในลานเรือนหลักด้วยความรีบร้อน

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวกำลังจัดยาอยู่ในห้อง ได้ยินเสียงฝีเท้าดังส่งเข้ามาก็เดาได้ว่าต้องเป็นหวงฝู่อี้เซวียนแน่ๆ ไม่ทันรอให้นางได้วางสมุนไพรในมือลง หวงฝู่อี้เซวียนก็ผลักประตูเข้ามาเสียแล้ว

 

 

เห็นว่าเขาในยามนี้หน้าผากเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ สีหน้าดูวิตกกังวลเด่นชัด เมิ่งเชี่ยนโยวก็ขมวดคิ้วแล้วถามออกไปว่า “เกิดเรื่องยุ่งยากอะไรขึ้นอย่างนั้นเหรอ?”

 

 

“ท่านแม่ข้าป่วยหนัก ข้าอยากขอให้เจ้าไปดูอาการของนางให้หน่อย” หวงฝู่อี้เซวียนบอก

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวสัมผัสได้ถึงความกังวลที่ส่งมากับน้ำเสียงของเขา จึงได้มองเขาด้วยสายตาประหลาดใจชั่วครู่ แล้วพูดออกไปว่า “เจ้าออกไปรอข้างนอกก่อน ข้าขอเปลี่ยนเสื้อผ้าสักครู่ประเดี๋ยวตามไป”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนเดินออกไปอย่างเชื่อฟัง

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวล้างมือให้สะอาด เปลี่ยนเสื้อผ้าเอาชุดที่มีแต่กลิ่นยาสมุนไพรออกแล้วเลิกผ้าม่านขึ้นเดินออกจากห้องไป ก่อนไปยังหันไปกำชับกับสาวใช้ที่ยืนอยู่ข้างๆ ว่า “ของที่อยู่ในห้องนี้อย่าได้แตะต้องหรือเคลื่อนย้ายเป็นอันขาด ข้ายังจัดการไม่เสร็จดี”

 

 

สาวใช้โค้งตัวขานรับ

 

 

จากนั้นเมิ่งเชี่ยนโยวก็เดินออกไปหาหวงฝู่อี้เซวียนที่กำลังรออยู่ข้างนอก ตะโกนสั่งกัวเฟยไปว่า “เจ้าไปเตรียมม้ามาสองตัว ตามข้าไปที่จวนอ๋องฉี”

 

 

กัวเฟยรับคำแล้วรีบออกไปเตรียมม้าโดยไว

 

 

ทั้งสองคนเดินออกไปข้างนอก เมิ่งเชี่ยนโยวอาศัยจังหวะนี้สอบถามเกี่ยวกับอาการของพระชายาฉีคร่าวๆ เมื่อได้ยินหวงฝู่อี้เซวียนบอกว่าโรคเก่าของนางกำเริบขึ้นมา คิ้วของนางก็ขมวดเข้าหากันแน่น

 

 

รอจนกระทั่งเดินมาถึงหน้าจวน กัวเฟยก็จูงม้าสองตัวนั้นเข้ามาพอดี

 

 

ทั้งสามคนกระโดดขึ้นหลังม้า ตวัดแส้ในมือรีบมุ่งไปยังจวนอ๋องฉี

 

 

หลังจากหวงฝู่อี้เซวียนออกไป อ๋องฉีก็เดินออกมาจากห้องกลับมานั่งบนเก้าอี้ตามเดิม สายตายังคงจับจ้องไปยังกลุ่มหมอหลวงที่กำลังคิดหาหนทางรักษาเขม็ง

 

 

บรรดาหมอหลวงที่คุกเข่าอยู่บนพื้นตัวสั่นสะท้านขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ เหงื่อเม็ดเป้งผุดซึมขึ้นบนหน้าผากไม่หยุด

 

 

หลังจากที่เมิ่งเชี่ยนโยวเดินตามหวงฝู่อี้เซวียนเข้ามาในลานแล้วได้เห็นภาพฉากตรงหน้า นางก็เหลือบมองคนที่อยู่ตรงนี้ทั้งหมดรอบหนึ่ง สีหน้าไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เท้าเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าอ๋องฉีแล้วคารวะอีกฝ่ายไปตามมารยาท

 

 

อ๋องฉีโบกมือของเขา “ไม่ต้องมากพิธี” กล่าวจบ ก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินเข้าไปในห้อง

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวตามหลังเขาเข้าไป

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนเดินตามนางไปอีกต่อหนึ่ง

 

 

กัวเฟยยืนรออยู่ในลานเรือนอย่างเงียบๆ

 

 

หลังจากอ๋องฉีเข้ามาในห้องแล้ว เขาก็เดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ที่ตั้งอยู่ตรงมุมหนึ่งอย่างไม่พูดไม่จา

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเดินตรงไปที่เตียงของพระชายาฉี หลังจากที่ได้เห็นสภาพของอีกฝ่ายกับตาแล้วคิ้วเรียวก็ขมวดเข้าหากันอีกครั้ง

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนมองนางพร้อมกับใจที่จมดิ่งลงไป

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวนั่งลงที่ข้างเตียงเบาๆ ยื่นมือออกไปพลิกข้อมือของพระชายาฉีหงายขึ้นแล้วลงมือจับชีพจรของอีกฝ่ายในทันที

 

 

อ๋องฉีเห็นว่านางไม่แม้แต่จะใช้หมอนรองสำหรับจับชีพจรด้วยซ้ำ พลันก็หน้าบึ้งขึ้นมา คิ้วคมผูกเข้าหากันจนเป็นปมแน่น ใจที่กำลังลอยขึ้นมาด้วยความหวังเมื่อสักครู่หายวับไปอย่างไร้ร่องรอย

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวขมวดคิ้วจับชีพจรอยู่นานมาก ก่อนจะปล่อยมือข้างนั้นของพระชายาฉีลงแล้วสลับไปที่มืออีกข้าง

 

 

ภายในห้องเงียบสงัด ทุกสายตาจับจ้องไปยังนางเป็นตาเดียว

 

 

จนกระทั่งจับชีพจรเสร็จ ในที่สุดนางก็วางมือของพระชายาฉีลง พูดขึ้นว่า “ข้าขอดูใบสั่งยาหน่อย”

 

 

สาวใช้ไม่กล้ารับคำ ได้แต่มองไปทางอ๋องฉีเพื่อขอความเห็น

 

 

อ๋องฉีสั่งการลงไป “เอาให้นางดู”

 

 

พลันสาวใช้ก็รีบวิ่งไปหยิบใบสั่งยามาให้นางในทันที เมิ่งเชี่ยนโยวพิจารณาใบสั่งยานั้นอย่างละเอียด แล้วถอนหายใจอย่างหมดคำพูด

 

 

อ๋องฉีจับสังเกตสีหน้านางอย่างละเอียดมาโดยตลอด เห็นนางแสดงออกเช่นนี้ จึงได้เปิดปากถามออกไปว่า “ใบสั่งยานี้มีอะไรไม่ถูกต้องอย่างนั้นหรือ?”

 

 

“เรียนท่านอ๋อง ไม่สั่งยานี้ไม่มีอะไรไม่ถูกต้อง เพียงแต่ร่างกายของพระชายยาอ่อนแอจนเกินไป ของเหล่านี้ล้วนเป็นสมุนไพรบำรุงชั้นยอด มีฤทธิ์ค่อนข้างรุนแรง ร่างกายของพระชายาฉีจึงรับไม่ไหว” เมิ่งเชี่ยนโยวตอบ

 

 

อ๋องฉีหรี่ตาลง น้ำเสียงที่แฝงไว้ด้วยอำนาจดังขึ้นอีกครั้ง “อธิบายให้ละเอียดกว่านี้สิ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าวว่า “ให้ข้าช่วยระบายไอร้อนที่อยู่ในตัวของพระชายาออกมาก่อนดีหรือไม่ อีกเดี๋ยวค่อยเล่ารายละเอียดให้ท่านอ๋องฟัง?”

 

 

อ๋องฉีเข้าใจที่นางต้องการจะสื่อในทันที ผุดลุกขึ้นถามออกไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อว่า “เจ้ามีวิธีรักษาพระชายา?”

 

 

“ไม่มั่นใจเต็มสิบส่วน มีแต่ต้องลองดูเท่านั้น”

 

 

อ๋องฉีชะงักไป กระนั้นแล้วก็ยังคงถามต่ออย่างมีความหวัง

 

 

เป็นหวงฝู่อี้เซวียนที่ดักคำพูดของเขาไว้ ถามออกไปด้วยความกระตือรือร้นว่า “เช่นนั้นต้องทำอย่างไร? ต้องการอะไรบ้าง?”

 

 

“ขอเข็มเงินให้ข้าสักหลายเล่มหน่อย” เมิ่งเชี่ยนโยวตอบเขา

 

 

ของสิ่งนี้หาได้ง่ายมาก ในกล่องยาของหมอหลวงแต่ละคนที่พกมาด้วยล้วนมีทั้งสิ้น หวงฝู่อี้เซวียนเดินออกไปข้างนอกด้วยตัวของเขาเอง หลังจากถามอยู่ชั่วครู่ หมอหลวงก็กระวีกระวาดหยิบเข็มเงินในกล่องยาของตัวเองออกมามอบให้

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนถือเข็มเงินเอาไว้ในมือ หมุนตัวเดินกลับเข้าไปในห้องก่อนจะยื่นมันส่งให้กับเมิ่งเชี่ยนโยว

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหยิบเข็มเงินที่มีขนาดความยาวต่างกันออกมาสองสามเล่ม พูดกับหวงฝู่อี้เซวียนไปว่า “ข้าจำเป็นต้องปลดอาภรณ์ของพระชายาออก เจ้าถอยออกไปก่อน”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนเดินออกไปด้วยใบหน้าแดงก่ำ

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเพิกเฉยต่อการมีอยู่ของอ๋องฉีโดยสมบูรณ์ หันไปสั่งสาวใช้ที่ยืนอยู่ข้างๆ ให้เข้ามาช่วยกันปลดอาภรณ์ของพระชายาฉี จากนั้นนางก็ดันให้ใบหน้าของอีกฝ่ายเงยขึ้น แล้วเริ่มลงมือปักเข็มเงินลงไปบนจุดชีพจรตรงหน้าอกหลายตำแหน่ง

 

 

ขณะที่หน้าอกของพระชายาฉีกระเพื่อมขึ้นลง เข็มเงินเหล่านั้นก็แกว่งไปมาตาม

 

 

อ๋องฉีเป็นคนฝึกวรยุทธ ย่อมเข้าใจเกี่ยวกับจุดชีพจรบนตัวมนุษย์เป็นอย่างดี เห็นว่านางลงมือได้อย่างแม่นยำ แต่ละจุดไม่มีคลาดเคลื่อนแม้แต่นิดเดียวดวงตาทั้งสองข้างก็พลันหรี่ลงนิดๆ แววตาที่จับจ้องไปทางนางไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวสั่งสาวใช้ลงไปอีกครั้งให้นำกระโถนมาตั้งไว้ที่หัวเตียงและท้ายเตียง ดวงตาทั้งสองข้างจ้องไปที่พระชายาฉีตาไม่กระพริบ

 

 

เข็มเงินที่ปักอยู่บนอกเริ่มแกว่งรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และแล้วในวินาทีที่พระชายาฉีลืมตาขึ้นมา มือของเมิ่งเชี่ยนโยวก็ตวัดออกไปดึงเข็มเงินทั้งหมดออกมาอย่างรวดเร็ว

 

 

พระชายาฉีลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะคลานไปแล้วอาเจียนลงที่ข้างเตียง

 

 

อ๋องฉีลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจ

 

 

สาวใช้คนสนิทของพระชายาฉีตะโกนออกมาด้วยความยินดียิ่ง “เหนียงเหนียง ในที่สุดท่านก็ฟื้นแล้ว”

 

 

เสียงของนางนั้นดังมาก ทันใดนั้นเองหมอหลวงที่คุกเข่าอยู่บนพื้นด้านนอกพลันก็ได้ยินกันทั้งหมด แต่ละคนหันไปสบตากันด้วยความยินดี อุทานขึ้นในใจว่ารอดแล้ว ในที่สุดก็รักษาหัวของตัวเองเอาไว้ได้แล้ว

 

 

พระชายาฉียังคงอาเจียนออกมาไม่หยุด ราวกับว่าจะอาเจียนเอาอวัยวะทั้งหมดในท้องออกมาอย่างไรอย่างนั้น

 

 

สาวใช้คนสนิทเป็นกังวลจนทำอะไรไม่ถูกแล้ว หันมาถามนางด้วยน้ำเสียงลนลานว่า “แม่นาง นี่…”

 

 

“ไม่เป็นไร เจ้ารีบสั่งคนให้ไปเตรียมน้ำร้อนมา อีกเดี๋ยวให้พระชายาล้างเนื้อล้างตัวสักหน่อย” เมิ่งเชี่ยนโยวตอบ

 

 

พระชายาฉีหมดสติมาได้หลายวันแล้ว บรรดาหมอหลวงเองก็จนปัญญา แต่เมิ่งเชี่ยนโยวปักเข็มเงินลงไปไม่กี่เล่มเท่านั้นพระชายากลับฟื้นขึ้นมาในทันที สาวใช้นางนี้จึงนับถือนางอย่างหมดหัวใจ ไม่รอขอความเห็นจากอ๋องฉีอีกก็รีบวิ่งออกไปสั่งให้คนครัวรีบเตรียมน้ำร้อนให้โดยไว

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเดินมาหยุดอยู่ข้างโต๊ะ หยิบพู่กันขึ้นมาก่อนจะเขียนรายการสมุนไพรลงไปยาวเหยียดแล้วหันไปพูดกับอ๋องฉีว่า “ท่านอ๋องโปรดส่งคนไปหาตัวยาเหล่านี้มา อีกเดี๋ยวตอนที่พระชายาอาบน้ำล้างตัวข้าจำเป็นต้องใช้มัน”

 

 

ในจวนแห่งนี้มีห้องยาเป็นของตัวเองอยู่แล้ว แน่นอนว่าไม่มีทางขาดสมุนไพรเป็นแน่ อ๋องฉีจึงสั่งสาวใช้ลงไปทันทีว่า “เจ้าไปเตรียมมา”

 

 

สาวใช้นางนั้นรับคำ หยิบใบสั่งยาที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาอย่างระมัดระวังก่อนจะวิ่งออกไปโดยไม่รีรอชักช้า

 

 

หลังจากนั้นอีกสักพัก พระชายาฉีก็หยุดอาเจียน

 

 

สาวใช้พะว้าพะวังรีบยกน้ำมาให้ พระชายาฉีกลั้วปากล้างคอ ขณะที่กำลังจะลุกขึ้นมานางก็พบว่าอาภรณ์ครึ่งบนของตัวเองถูกปลดออกจนหมด จึงได้รีบคว้าผ้าห่มขึ้นมาปิดร่างด้วยความตกตะลึง กรีดร้องออกมาเสียงดังลั่น ร่างทั้งร่างหดเข้าไปซุกในผ้าห่มบางผืนนั้น

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าว “เพื่อที่จะรักษาอาการให้ท่านจึงไม่อาจไม่ทำเช่นนี้ ขอพระชายาโปรดอภัย”

 

 

พระชายาฉีหลังจากเห็นชัดแล้วว่าคนที่อยู่ตรงหน้าก็คือเมิ่งเชี่ยนโยว ขณะคิดอยากจะพูดอะไรบางอย่าง สายตาพลันเหลือบไปเห็นว่าอ๋องฉีเองก็อยู่ในห้องด้วย ดวงหน้างามแดงก่ำไปทั้งใบหน้า

 

 

สาวใช้ที่ถูกสั่งให้ออกไปจัดยากลับมาพร้อมกับตัวยาในมือ นางส่งมันให้กับเมิ่งเชี่ยนโยว เมิ่งเชี่ยนโยวตรวจดูมันอย่างละเอียดครั้งหนึ่งเสร็จแล้วจึงสั่งการลงไปว่า “โรยสมุนไพรพวกนี้ลงในอ่างอาบน้ำ รอจนพระชายาแช่ครบสองเค่อเท่านี้ก็เสร็จสิ้นแล้ว”

 

 

สาวใช้คนสนิทนางนั้นเองก็กลับมาแล้วด้วยเหมือนกัน หลังจากได้ยินคำสั่งของหญิงสาวก็รีบสั่งคนให้นำสมุนไพรพวกนี้ไปแช่ลงในอ่างอาบน้ำทันที

 

 

สมุนไพรในถาดถูกเทลงในอ่างน้ำจนหมด หลังจากตัวยาผสมเข้ากับน้ำแล้ว มันก็ถูกคนให้เข้ากันโดยมือของคน

 

 

เนื่องจากพระชายาฉีต้องอาบน้ำ อ๋องฉีจึงไม่สะดวกอยู่ในห้องต่อ หลังจากกวาดสายตามองดูพระชายาฉีที่กำลังขดตัวอยู่ในผ้าห่มผืนบาง เขาก็เดินออกไปอย่างเงียบๆ

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเดินมาหยุดอยู่ข้างเตียง พูดออกไปว่า “ข้าเติมสมุนไพรลงไปในน้ำด้วย พระชายาฉีอาบน้ำเสร็จแล้วคงรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น”

 

 

“ขอบคุณเจ้ามากแม่นางเมิ่ง” พระชายาฉีที่กำลังซุกตัวอยู่ในผ้าห่มหลังจากได้ยินที่นางพูดก็ให้ชะงักไปด้วยความมึนงงชั่วครู่ แต่แล้วก็รีบกล่าวขอบคุณออกไปโดยไว

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวรู้ว่านางคงเขินอายกระอักกระอ่วนอยู่ไม่น้อย จึงได้พยักหน้าให้เล็กน้อยแล้วเดินออกไป

 

 

อ๋องฉีวางท่าสง่าผ่าเผย พูดกับเหล่าหมอหลวงที่กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้นไปด้วยน้ำเสียงทรงอำนาจว่า “เรื่องที่แม่นางเมิ่งมารักษาให้พระชายาในวันนี้ ห้ามผู้ใดแพร่งพรายออกไปเป็นอันขาด หากข้ารู้ว่าเรื่องนี้หลุดไปจากปากของใคร พวกเจ้าก็ระวังหัวตัวเองเอาไว้ที่ดี”

 

 

—————————-