ตู๋กูซิงหลันไม่ได้กล่าววาจาใดๆ นางแอบซ่อนตัวอยู่ในมุมมุมหนึ่ง มองดูทิศทางที่นกกระเรียนกระดาษสีดำนั้นสลายตัวไป ก็ล้วงเอายันต์ใบหนึ่งออกมา
เพียงปลายนิ้วของนางขยับเล็กน้อย ก็บังเกิดลูกไฟสีน้ำเงินดวงหนึ่ง
ยันต์นั้นยังไม่ทันจะถูกแปลงกาย ก็เห็นเงาร่างที่ดูคุ้นเคยร่างหนึ่งออกมาจากในวัง
ตู๋กูซิงหลันเก็บยันต์ลงไป ดวงตาดอกท้อภายใต้หน้ากากหรี่ลงอย่างจับจ้อง
วิญญาณทมิฬเองก็เบิกตาโต อย่างประหลาดใจ ” เป็นนาง? “
ตู๋กูซิงหลันจดจ้องมองดูสาวน้อยในชุดกระโปรงสีเขียวที่พริ้วไหว นางก็อดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้
อันหว่านจือ
ตู๋กูซิงหลันไม่ได้กล่าวอะไร นางรอจนอันหว่านจือออกจากวังหลวงไป จึงค่อยติดตามไปอย่างเงียบๆ
ไม่ได้พบกันมาหลายวัน บนร่างของนางกลับมีหมอกดำครอบคลุมอยู่ ถึงแม้จะอ่อนจาง ชนิดที่ไม่อาจมองเห็นด้วยตาเปล่าก็ตาม กระทั่งตนเองยังต้องจ้องมองอย่างละเอียดจึงจะพบเห็น
ในมือของนางถือกล่องใบหนึ่งเอาไว้ พอออกนอกวังนางก็เข้าไปในตรอกแห่งหนึ่ง สวมใส่ผ้าคลุมสีดำที่มีหมวก พอปิดหน้าด้วยหมวกคลุมสีดำนั้นลงมา ก็ทำให้คนดูลึกลับกว่าเดิม
จากนั้นก็กวาดตามองไปทั้งสี่ทิศ พอแน่ใจว่าไม่มีคนเห็นนางแล้วถึงได้ขยับตัว
ตู๋กูซิงหลันติดตามนางมาจนถึงถนนทิศเหนือ เพราะเรื่องที่ท่านแม่ทัพผู้พิชิตได้รับบาดเจ็บ ทำให้ตลาดกลางคืนแห่งนี้ถูกสั่งปิดไปตั้งแต่แรก บริเวณโดยรอบจึงมีแต่ความหนาวเย็นและเงียบงัน กระทั่งเงาผู้คนก็ไม่มี
ตู๋กูซิงหลันนึกว่านางต้องการมาที่ตลาด แต่กลายเป็นว่า พอมาถึงทางเข้าตลาดแล้ว อันหว่านจือกลับชะงักฝีเท้าลง เดินไปในทิศทางตรงกันข้ามแทน
ตู๋กูซิงหลันไม่ได้ติดตามไปในทันที
ในมือของนางปรากฎแผ่นยันต์ขึ้นหลายใบ เพียงฉีกเบาๆ ยันต์เหล่านั้นก็กลายเป็นนกกระเรียนกระดาษมากมาย ตู๋กูซิงหลันว่าคาถาอยู่ครู่หนึ่ง นกกระเรียนกระดาษเหล่านั้นก็โบยบินขึ้นไปในอากาศ เพียงมีเสียงขยับปีกไม่กี่ครั้งก็หายไปใจไม่เหลือเงา
วิญญาณทมิฬกระโดดออกมา ยามนี้ดวงจิตของมันแข็งแกร่งขึ้นมาก ทันทีที่กระโดดลงไปบนพื้นก็กลายร่างเป็นลูกสุนัขสีดำตัวเท่าฝ่ามือ
มันสำรวจไปรอบๆ ทั้งสี่ทิศ มองดูว่ามีปีศาจฝันร้ายอยู่ในที่ใดหรือไม่ หากได้กลืนลงไปอีกสักหลายๆ ตัว ไม่แน่ว่าแม้แต่ร่างเนื้อมันก็อาจจะฝึกฝนจนเสกขึ้นมาได้
ตอนนี้ขนาดแค่กลืนลงไปตัวหนึ่งยังสามารถสร้างร่างเงาของของโลกก่อนขึ้นมาได้เลย
มันก้าวเดินอย่างสง่างาม หลังสำรวจดูสี่ทิศโดนรอบก็ค่อยเงยขึ้นกล่าวกับตู๋กูซิงหลันว่า ” พลังชีวิตของเจ้ามันแข็งแกร่งเกินไปแล้ว ระวังจะชักศึกเข้ามาหาตนเองเถอะ “
ดูเอาเถอะ กระทั่งยันต์หุ่นเชิดยังเสกออกมาตั้งมากมายขนาดนี้ จุ๊ๆ ……มันเห็นแล้วก็รู้สึกปวดใจแทน
สตรีผู้นี้ยามปกติจะเก็บซ่อนฝีมือเอาไว้อย่างมิดชิด ยันต์เหล่านั้นสามารถแบ่งร่างออกไปนับไม่ถ้วน ช่วยนางสำรวจว่ามีอันตรายใดๆ หรือไม่
ผู้มีอาคมที่แข็งแกร่ง ก็ยิ่งสามารถสร้างหุ่นยันต์เชิดได้มากมายเท่านั้นพลังชีวิตที่พวกมันแฝงเอาไว้ก็ยิ่งยาวนาน ยิ่งสามารถไปได้ไกลจากผู้สร้างมากกว่าเดิม
ชาติก่อนมีอยู่ครั้งหนึ่งตู๋กูซิงหลันสามารถบังคับได้ทีเดียวนับร้อยตัว ยันต์หุ่นเชิดแต่ละตัวก็สามารถคงสภาพอยู่ได้นานถึงสามวัน
ยันต์ชนิดนี้สิ้นเปลืองพละกำลังของร่างกายมาก นางต้องอาศัยความช่วยเหลือของหยกสรรพชีวิตจึงจะสามารถเสกออกมาได้สักครั้ง
ครู่ต่อมานางค่อยเสาะหามุมที่ค่อนข้างลับตาในตลาดได้ จึงค่อยๆ แอบเข้าไป”
พอปิดตาลงไปครู่หนึ่ง นางก็เห็นยันต์หุ่นเชิดตัวหนึ่งบินกลับมา หลังค้นหาติดตามอยู่ครู่หนึ่งมันก็หาอันหว่าจรือเจอเข้าแล้ว
รอบด้านทั้งสี่ทิศล้วนมืดสนิท มีแต่เสียงบานหน้าต่างดังเอียดอ๊าดเบาๆ ภายใต้แสงอ่อนจาง คล้ายกันว่าสามารถมองเห็นเงาของคนกลุ่มหนึ่ง
หนึ่งในเงาดำของคนกลุ่มนั้นดึงดูดความสนใจของตู๋กูซิงหลันเอาไว้ เพราะว่าเงาดำนั้นไม่เหมือนกันกับเงาอื่นๆ ทั่วทั้งร่างเปี่ยมไปด้วนไอสีดำที่เข้มข้น จนทำให้แทบจะมองไม่เห็นร่างสีดำนั้นเลย
” ท่านย่าสั่งให้ข้านำมันมามอบให้พวกท่าน ” อันหว่านจือหยิบกล่องที่ถือมาตลอดทางวางลงบนโต๊ะ
พอเปิดกล่องออก ภายในก็มีขวดยาสีขาวใบหนึ่ง
” ท่านย่ายังกล่าวว่า อย่าได้ใจร้อน สิ่งที่นายท่านต้องการจะช้าหรือเร็วย่อมต้องได้มา แต่อย่าได้แหวกหญ้าให้งูตื่น “
ว่าแล้วนางก็เสริมขึ้นอีกประโยคหนึ่ง ” ช่วงนี้พวกเจ้าต้องเก็บตัวให้มากหน่อย อย่าได้เผยพิรุธอันใดออกไป”
นางพูดพลาง หว่างคิ้วก็ยิ่งขมวดมุ่นขึ้นมา สีหน้าแฝงแววชิงชังรังเกียจ
หนึ่งในคนชุดดำเข้ามารับยาไป กล่าวอย่างเกรงอกเกรงใจว่า ” รบกวนแม่นางหว่าจรือแจ้งแก่กูกู ขอบคุณสำหรับยาเหล่านี้”
อันหว่านจือขยับยกมุมผ้าคลุมหน้าเล็กน้อย ” ท่านย่าปรุงยาอย่างยากลำบาก พวกเจ้าก็ใช้อย่างประหยัดหน่อยเถอะ”
” ขอรับ” คนชุดดำที่รับยาไปผงกศีรษะ พลางอธิบายว่า ” ที่การเคลื่นไหวครั้งนี้ล้มเหลว นั่นเป็นเพราะ…..”
เขาพูดยังไม่ทันจบ ก็เห็นว่าที่ที่มีไอดำเข้มข้นที่สุดนั้นก้าวออกมาด้านหน้า เขาสบัดแส้ในมือออกไปครั้งหนึ่ง ก็พุ่งผ่านกรอบหน้าต่าง ตรงเข้าใส่นกกระเรียนกระดาษจนร่วงลงมาอย่างแม่นยำ
คนอื่นๆ ล้วนพากันตกตะลึงไป อันหว่านจือยิ่งรีบซ่อนใบหน้าของตนเองลงไปใต้ผ้าคลุมอีก
ตอนที่นางออกมาจากวัง ก็ตรวจดูถึงสามรอบแล้วว่าไม่มีผู้ใดติดตามมา
อีกด้านหนึ่ง ตู๋กูซิงหลันที่แอบซ่อนตัวอยู่ในมุมห้องห้องหนึ่ง ก็เห็นว่าภาพเบื้องหน้าพลันเสื่อมสลาย ที่ติดตาในตอนสุดท้ายคือดวงตาที่ดูโหดร้ายราวกระบี่คู่หนึ่ง ซึ่งสามารถกรีดผู้คนเป็นชิ้นๆ ได้
” ถูกเจอตัวเข้าแล้ว ” นางลุกขึ้นยืน รีบเรียกยันต์หุ่นเชิดที่เหลือกลับมา
ฝ่ายตรงข้ามมีที่มาไม่ธรรมดา สวมผ้าคลุมสีดำ มีแส้เหล็กเป็นอาวุธ ย่อมต้องเป็นคนที่พี่ใหญ่เอ่ยถึง
สถานที่เมื่อครู่อยู่ใกล้ๆ ตู๋กูซิงหลันจึงไม่กล้าอยู่นาน นางยื่นมืออกไปรับตัววิญญาณทมิฬ ขยับตัวไม่กี่ครั้งก็หลบหนีออกมา
แต่ยังไม่ทันที่นางจะได้ออกจากถนนทิศเหนือ เงาสีดำเงาหนึ่งก็เคลื่อนเข้ามาขวางนางเอาไว้
” คิดไม่ถึง ว่าในดินแดนต้าโจวจะมีผู้ที่รู้วิชาเวทย์อยู่ด้วย ” เงาสีดำที่เบื้องหน้าจับจ้องมองดูนางด้วยแววตาเยือกเย็น
เขาสวมชุดคลุมสีดำตลอดร่าง ใบหน้าซ่อนอยู่ในหมวกคลุมหน้า เพียงเผยให้เห็นปลางคางและริมฝีปากล่างเท่านั้น
ริมฝีปากซีด ดูอ่อนจางจนเกือบขาว
สองมือของเขามีถุงมือสีดำ มือหนึ่งถือแส้ไว้ อีกมือหนึ่งคีบนกกระเรียนกระดาษเอาไว้ในมือ
” เจ้ายอดเยี่ยมมาก น่าเสียดายฝีมือเช่นนี้กลับใช้ไปในทางที่ผิด วันนี้จึงเป็นวันตายของเจ้าแล้ว” คนชุดดำพูดแล้ว ก็ขยี้กระกระเรียนกระดาษจนเป็นผุยผง เพียงขยับนิ้วเบาๆ ก็เผาไหม้มันจนกลายเป็นขี้เถ้าไปในอากาศจนไม่เหลือสิ่งใด
จากนั้นก็เห็นเงาของเขาพลันเคลื่อนไหว อยู่ท่ามกลางไอสีดำโดยรอบ พุ่งลงจากบนหลังคาตึกเข้าใส่จุดที่ตู๋กูซิงหลันยืนอยู่ แส้ในมือตวัดออกไปตรงหน้านาง
แส้ที่ดูเหมือนจะฉีกแหวกอากาศได้นี้ส่งเสียงกรีดร้องออกมา
ตู๋กูซิงหลันชะงักเล็กน้อย คนก็ถอยไปด้านหลัง ปลายแส้จึงพุ่งผ่านริมหูของนางออกไป
เสียงควับของแส้แทบจะกรีดลงไปบนผิวของนาง
ตู๋กูซิงหลันกระโดดหลบหลีกอยู่หลายครั้ง ไม่ได้รับแส้ของคนผู้นั้นตรงๆ ในด้านวรยุทธ์นั้น กำลังของร่างนี้นับว่าด้อยกว่าตัวนางในโลกก่อนอยู่มามาย
ถึงแม้ว่าครึ่งปีที่ผ่านนางจะฝึกฝนจนเพิ่มพูนขึ้นมากแล้วก็ตาม
เห็นชัดว่าคนชุดดำที่อยู่ตรงหน้ามีฝีมือโหดเ**้ยมไม่ธรรมดา เมื่อครู่เขายังอยู่ในอีกที่หนึ่ง แต่เพียงพริบตาเดียวก็ไล่ตามมาถึงข้างกายนาง เช่นนี้ย่อมไม่อาจรับมือได้โดยง่าย
ก่อนที่จะทำความเข้าใจฝ่ายตรงข้ามให้ดี นางไม่จำเป็นจะต้องเผชิญกับความเสี่ยงนี้ตรงๆ
นางไพล่สองมือไปที่ด้านหลัง ดวงตาดอกท้อทอประกายเย็นชาที่ยากจะพบเจอ ในมือก็ล้วงยันต์แผ่นหนึ่งออกมา
ริมฝีปากแดงสดคู่นั้นขยับ “นี่ต้องดูว่าเจ้ามีฝีมือเหมือนกันหรือไม่”