ริมฝีปากแดงสดคู่นั้นขยับ “นี่ต้องดูว่าเจ้ามีฝีมือเหมือนกันหรือไม่”
พอสิ้นเสียง ยันต์สีแดงแผ่นหนึ่งก็ถูกนางเขวี้ยงออกไปในทันที ยันต์สีแดงสำแดงฤทธิ์ รอบด้านก็พลันตกอยู่ในความมืดครึ้ม
สายลมหนาวพัดโหม เสียงภูติผีพากันร่ำร้อง
ที่เบื้องหน้าของชายชุดดำปรากฎหมอกสีดำชั้นหนึ่ง ในใจกลางหมอกนั้นคล้ายกับว่าจะมีเงาร่างสีแดงดุจเลือดมากมายอยู่
ที่ใต้เท้าของเขาบังเกิดเกิดแผ่นดินขยับ พอก้มลงไปมอง ก็เห็นมือขาวซีดเปลือยเปล่าคู่หนึ่งผุดขึ้นมาจากพื้นดิน คว้ากุมขาของเขาเอาไว้
เล็บที่ยืดยาวนั้นจิกเข้าไปในผิวเนื้อของเขา
ใบหน้าใต้ผ้าคลุมนั้นมิได้แตกตื่นสนใจ เพียงยกฝ่าเท้าขึ้นก็เหยียบขยี้มือซีดขาวจนแหลก
เขาส่งเสียงคำรามต่ำๆ ออกมาครั้งหนึ่ง ทำให้เงาสีแดงที่อยู่รอบตัวตระหนกขึ้นมา เสียงกรีดร้องก็เบาบางลงจนแทบจะกลับไปเช่นเดิม
นั้นเป็น……..พลังธาตุหยินที่รุนแรงยิ่งกว่าพวกมันมากมายนัก
ภูติผีล้วนหวาดกลัวพลังที่แข็งแกร่งกว่าตนเองโดยธรรมชาติ พลังที่อีกฝ่ายกดดันออกมา ทำให้พวกมันล้วนไม่กล้าขยับ
คนชุดดำจับจ้องไปยังจุดที่ตู๋กูซิงหลันอยู่เมื่อครู่ กล่าวเสียงเยือกเย็นออกมาคำหนึ่ง ” นกน้อยซ่อนตนในบุปผา”
พอพูดจบมือใหญ่โตก็ขยับทันที แส้เหล็กในฝ่ามือบินออกไป พุ่งเข้าใส่ในทิศทางที่ต้องการค้นหาตู๋กูซิงหลันอย่างแม่นยำ
ความรวดเร็วปาดสายฟ้านี้ ไม่เหลือช่องวางให้ผู้ใดได้ตอบโต้เลยแม้แต่น้อย
แม้ตู๋กูซิงหลันจะพลิกหลบอย่างรวดเร็ว แต่หัวไหล่ก็ยังคงถูกฉีกขาดจนเลือดไหลเป็นทาง
” เจ้าตัวนี้ช่างโหดเ**้ยมดีเสียจริง มันไม่กลัวภูติผีวิญาณร้ายก็ยังแล้วไป แต่ว่ามันกลับสามารถหาตำแหน่งของเจ้าเจอจากค่ายกลลับได้ นี่มันเป็นตัวอะไรกันแน่?
วิญญาณทมิฬเองก็งงงันไป มันเริ่มขบเขี้ยวด้วยความตื่นเต้น กางกรงเล็บออกมาขูดพื้นราวกับสุนัข
หากว่าได้รับอนุญาตเมื่อไหร่ มันก็พร้อมที่จะกระโดดเข้าไปกัดสักคำสองคำ
แต่ว่ามันก็ยังไม่ขยับตัว
ท่อนแขนของตู๋กูซิงหลันชุ่มโชกไปด้วยเลือด บาดแผลเริ่มเจ็บปวด เพียงแค่นางขยับเท้าเล็กน้อย ก็รู้สึกเหน็บชาไปทั่วร่าง ราวกับว่ามีฝูงมดนับพันนับหมื่นไต่ลงไปในบาดแผล เข้าไปรวมตัวกันอยู่ตามเส้นโลหิต ความรู้สึกทรมานไร้ที่เปรียบนี้ ทำเอานางหายใจไม่ออก
พี่ใหญ่………โดยพิษเช่นนี้เอง
นางไม่ทันคิดว่าแส้ของอีกฝ่ายจะมีพิษ
” หากว่าข้าเป็นเจ้า จะยอมตายอยู่เสียที่นี่ อย่างน้อยจะได้มีศพที่สมบูรณ์ ” คราวนี้ คนชุดดำหัวเราะเสียงเย็นออกมา
ทั่วทั้งร่างของเขามีแต่ไอหยินกระจายออกมา แส้ที่โบกสะบัดอยู่ในมือราวกับเคียวแห่งความตาย แต่ละแส้ที่พาดออกมาล้วนพุ่งเข้าตู๋กูซิงหลันอย่างประสงค์ร้าย
ตู๋กูซิงหลันยังคงยืนอยู่ที่เดิม วิญญาณทมิฬขวางอยู่เบื้องหน้านาง น่าเสียดายที่มันมีแค่ร่างจิต ถึงแปลงเป็งร่างหมาป่าก็ยังมีขนาดเพียงแค่ฝ่ามือ จะปกป้องหรือกำบังอะไรก็ไม่ได้
หากยามนี้จะให้มันกรีดเลือดที่ก้นมาแก้พิษให้ตู๋กูซิงหลัน ก็ดูจะไม่ทันการเสียแล้ว
แส้ที่โหดร้ายนั่นพุ่งเข้ามาอีกครั้ง ตู๋กูซิงหลันได้แต่กัดฟัน พลิกมือตะปบแส้ ใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดรั้งแส้นั้นเอาไว้ จนมันถูกขึงเป็นเส้นตรงและเริ่มเกิดรอยฉีกขาด
คนชุดดำตกตะลึงไปพักหนึ่ง น่าเสียงดายที่ตู๋กูซิงหลันใส่หน้ากากเอาไว้ชั้นหนึ่ง เขาจึงไม่อาจเห็นรูปโฉมของนาง
แส้เหล็กรูดผ่านใจกลางฝ่ามือของนาง โลหิตมากมายไหลนองอย่างน่ากลัว
ดวงตาที่เปล่งประกายของนางจับจ้องคนชุดดำ กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ในเมื่อเจ้าไม่ใช่มนุษย์ เช่นนั้นเรากันมาใช้วิธีของคนตายจัดการกันดีกว่า”
โลหิตสีแดงย้อมแส้เหล็กของเขา ทันใดนั้นตู๋กูซิงหลันก็หลับตาลง ริมฝีปากร่ายคาถาออกมา ทั่วทั้งร่างถูกปกคลุมไปด้วยหมอกชั้นหนึ่ง ราวกับว่ามีบางสิ่งกำลังจะพวยพุ่งออกมาจากร่างของนาง
วิญญาณทมิฬตระหนกจนแทบจะร่ำร้องอย่างโหยหวน “อ้ายหย่า สวรรค์ทรงโปรด ลูกพี่ อย่าได้วู่วาม! “
คนที่เคยตายไปแล้วครั้งหนึ่ง พลังในการต่อสู้ด้วยชีวิตช่างระห่ำไปแล้ว
นางต้องการจะแยกร่างจิตของตนเองออกจากร่างเนื้อ คิดจะใช้ดวงจิตเข้าต่อสู้หรือ? หากว่าเกิดผิดผลาดขึ้นมา มีหวังดวงวิญญาญต้องแตกสลายนะลูกพี่!
สำหรับตู๋กูซิงหลันแล้ว ร่างของเจ้าของเดิมนี้ทางหนึ่งคือที่สถิตดวงจิตของนาง อีกทางคือสิ่งที่กักขังนางเอาไว้
หากหลุดพ้นจากการกักขังนี้ ต่อให้นางเป็นเพียงแค่ดวงจิต เจ้าของเล่นที่อยู่เบื้องหน้านี้ ก็มีแต่ต้องถูกสับจนแหลกเท่านั้น
แต่นี่มันเสี่ยงเกินไปแล้ว วิญญาณทมิฬทั้งหวาดกลัวทั้งยำเกรง
” พวกเราพูดกันดีๆ เถอะ อย่าได้วู่วาม ของร้องเจ้าแล้ว” วิญญาณทมิฬแทบร้องไห้ออกมา มันกับตู๋กูซิงหลันผูกพันด้วยสัญญาเป็นตาย หากว่าลูกพี่ผู้นี้ดับสิ้นไปแล้ว มันก็มีแต่ต้องสลายไปด้วย
ในทางตรงกันข้าม หากว่ามันตาย ตู๋กูซิงหลันก็เพียงแต่ได้รับบาดเจ็บเท่านั้น นี่เป็นความไม่ยุติธรรมข้อหนึ่งในสัญญาที่ผูกพันนี้
ตู๋กูซิงหลันมิได้สนใจมัน ดวงจิตในร่างเนื้อกำลังขยับเขยื้อน บนหน้าผากของร่างจิตมีตราประทับสีดำสีดำอยู่ นั่นคือส่วนหนึ่งของหยกสรรพชีวิต
ยามที่นางได้รับหยกนั้นกลับคืนมา มันก็ประทับร่างลงบนดวงจิตของนางแล้ว
ทุกครั้งที่ต้องเผชิญกับเหล่าปีศาจ คนเช่นตู๋กูซิงหลันมีแต่สู้ตายอยู่แล้ว นางไม่เคยหวาดกลัวตายมาก่อน
เมื่อต้องเผชิญกับพวกนี่ มันชัดเจนเลยว่าไม่ใช่สิ่งที่ร่างเนื้อของนางจะต้านทานได้
คนชุดดำที่อยู่ตรงข้ามตกตะลึงไป มันไม่ยอมให้เวลวาตู๋กูซิงหลันแม้แต่น้อย ก็กระชากแส้ของตนเองกลับไป โห่ร้องคำหนึ่งก็พุ่งเข้าใส่ตัวนาง
เปลือกตาของตู๋กูซิงหลันเต็มไปด้วยฝอยโลหิต ดวงจิตที่แข็งแกร่งกำลังแยกออกจากร่าง
ทันใดนั้น เงาสีแดงร่างหนึ่งก็โบยบินเข้ามาหานางอย่างรวดเร็ว ใต้เท้าของตู๋กูซิงหลันกลายเป็นว่างเปล่า นางยังไม่ทันได้เห็นชัดว่าเป็นผู้ใด ก็ถูกคนผู้นั้นโอบอุ้มเข้าไปในอ้อมอก ใต้เท้าของคนผู้นั้นบังเกิดสายลม เพียงไม่กี่ก้าวกระโดดก็พานางหลบหนีออกมาจากถนนทิศเหนือ
เส้นผมที่เย็นฉ่ำของเขาพลิ้วผ่านใบหน้าของนาง จนทำให้คันนิดๆ
ตู๋กูซิงหลันเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นคนผู้นั้นหนุ่มแน่นงดงามดุจปีศาจ ริมฝีปากแดงฉ่ำราวอาบเลือด ดวงตาดำดั่งน้ำหมึก สง่างามดั่งมารร้าย
เพียงแต่รูปลักษณ์เช่นนี้ คล้ายกับคนผู้หนึ่งเหลือเกิน
บุรุษหนุ่มผู้นั้นไม่กล่าววาจา เพียงโอบอุ้มนางโผบินไปตลอดทาง จากถนนหลักทิศเหนือ มุ่งสู่ถนนหลักทิศตะวันตก หลีกเร้นผู้คนไปตลอดทาง
ร่างเนื้อและดวงจิตของตู๋กูซิงหลันกำลังแบ่งแยกไปได้ครึ่งทาง ก็ถูกสกัดขวางอย่างกระทันหัน ทำเอานางแทบจะกระอักโลหิตออกมา อีกทั้งยังโดนพิษบนแส้ของคนผู้นั้น ตลอดร่างจึงอ่อนปวกเปียก สิ้นไร้เรี่ยวแรง
ได้แต่ยอมให้บุรุษหนุ่มที่งามดังมารร้ายผู้นี้โอบอุ้มไป
บุรุษหนุ่มโอบอุ้มนางไปถึงจวนที่สวยงามหลังหนึ่ง ก็พลิกตัวปีนกำแพงเข้าไป หลบลี้เข้าไปในห้องหับหลังหนึ่ง พอวางร่างนางลงบนเตียงได้ก็รีบปิดประตูให้สนิท
จากนั้นก็เดินมาที่ข้างกายนาง ดวงตาที่งดงามดุจดวงตาของจิ้งจอกคู่นั้นเปี่ยมไปด้วยความร้อนรนและกังวลใจ ” เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม? “
หน้ากากของตู๋กูซิงหลันแตกไปครึ่งหนึ่ง เผยให้เห็นใบหน้าที่ไร้สีเลือด ซีดขาว กระทั่งริมฝีปากก็ม่วงคล้ำ
เพียงแต่นางพยายามฝืนร่างกายเอาไว้ ดวงตาจับจ้องบุรุษหนุ่มอย่างไม่คลาดเคลื่อน
บุรุษหนุ่มสวมชุดแดงที่ร้อนแรงตลอดร่าง เส้นผมที่ยาวสวยถูกมัดสูงเป็นหางม้า ปอยผมสองข้างแนบกับใบหน้า ดวงตาจิ้งจอกทอประกาย ยามที่เขาไม่กล่าววาจา ก็คล้ายกับว่าจะมีรอบยิ้มบางๆ ที่น่าหลงใหลประดับอยู่เสมอ
รูปลักษณ์ที่ไม่แบ่งแยกชายหญิงเช่นนี้ หากไม่ใช่เพราะเขามีน้ำเสียงของบุรุษ ตู๋กูซิงหลันคงจะต้องสงสัยในสภาพเพศของเขาแน่แล้ว
” ขอบคุณที่เจ้าช่วยชีวิตของข้า แต่ข้าคิดว่าตนเองมีปัญหาใหญ่แล้ว คงยากที่จะช่วยเอาไว้ได้ ” ตู๋กูซิงหลันนอนอยู่บนเตียง ราวกับตัวหนอนที่ไร้กระดูดตัวหนึ่ง
สีหน้าของบุรุษหนุ่มยิ่งร้อนรน ” เจ้าเป็นเพียงสาวน้อยนางหนึ่ง วิ่งเข้าไปต่อยตีกับตัวประหลาดนั่นทำไม? ตอนนี้รู้จักเจ็บจักปวดขึ้นมาแล้วหรือ? “
ถึงแม้ว่าเขาจะต่อว่า แต่ก็ล้วงเอายาสีขาวเม็ดหนึ่งออกมาจากในอก ป้อนให้นางด้วยตนเอง
พอกลืนยาเม็กนั้นลงไป ทั่วทั้งร่างของตู๋กูซิงหลันก็เบาสบายขึ้นมาก สีม่วงบนริมฝีปากค่อยๆ จางหายไป