เล่มที่ 17 เล่มที่ 17 ตอนที่ 487 ตายเพื่อความอยากรู้อยากเห็นของตน

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

ไม่รู้ว่าเยี่ยโยวเหยารู้สึกได้ถึงความยึดมั่นของซูจิ่นซีหรือไม่ ท่าทางของเขาดูเรียบเฉย ไม่มีความผิดปกติอันใด

สถานการณ์ชะงักงันดำเนินไปเป็นเวลานาน ทำให้เกิดความอึดอัดและความสงสัยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซูจิ่นซีหลับตาและครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว

มู่หรงฉียังคงเป็นผู้ที่บรรเทาความตึงเครียดให้ซูจิ่นซี เขาตบไหล่ของนาง

“ข้าจำได้อย่างแน่นอน”

ซูจิ่นซียกยิ้มมุมปากแผ่วเบา

เยี่ยโยวเหยาเลิกคิ้วเล็กน้อย “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น หากข้ายังดึงดัน ก็จะเป็นการแย่งของรักจากผู้อื่น”

“แคว้นหนานหลีของเราไม่มีสิ่งใดมากนัก ทว่าบ่าวที่ฉลาดหลักแหลมกลับพอมีอยู่บ้าง หลังจากนี้ ข้าจะส่งคนจำนวนหนึ่งไปพบโยวอ๋อง เพื่อให้โยวอ๋องได้เลือกกลับไปยังแคว้นจงหนิง เป็นอย่างไร? ”

“ดีมาก! ”

เวลาผ่านไป ผู้คนไม่ได้ใส่ใจถกเถียงเรื่องนี้มากเกินไปนัก

งานเฉลิมฉลองและเสียงดนตรีขับขานดำเนินต่อไป การร้องรำทำเพลงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง วงดนตรีเครื่องสายประสานเสียงบรรเลงไพเราะเสนาะหู

ลำดับต่อไปเป็นการดำเนินงานตามระเบียบพิธีปกติของงานเฉลิมฉลองของเชื้อพระวงศ์

ไม่มีอันใดมากไปกว่าการที่คณะทูตและเหล่าขุนนางต่างมาร่วมแสดงความยินดีกับมู่หรงเฟิง และบรรดาบุตรธิดาชนชั้นสูงออกมาแสดงความสามารถ

ในหมู่คนทั้งหลาย มีทูตต่างแคว้นหลายคนพยายามตั้งคำถามยากๆ ให้เหล่าเชื้อพระวงศ์แคว้นหนานหลีตอบ

ตัวอย่างเช่น วิธีไขปัญหาการถอดวงแหวนทั้งเก้าห่วง วิธีทำให้ม้าเหงื่อโลหิตเชื่อง หรือเรื่องอื่นใดจำพวกนี้เพื่อให้เหล่าขุนนางของแคว้นหนานหลีรับมือ แม้ไม่มีผู้ใดสามารถตอบได้ ก็ไม่เกี่ยวข้องอันใดกับซูจิ่นซี

ในตอนนี้ สิ่งที่นางสนใจคือดอกไม้ปีศาจ

อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ซูจิ่นซีเข้ามายังสวนดอกไม้ในวังหลวง นางใช้อาคมกำไลปี่อั้นและระบบถอนพิษตรวจสอบดอกไม้ทุกชนิดที่มีในสวนดอกไม้ ทว่าไม่พบดอกไม้ปีศาจแม้แต่น้อย

“ฉีอ๋อง ข้อมูลของท่านเชื่อถือได้หรือไม่? มีข้อผิดพลาดอันใดหรือไม่? ดูเหมือนไม่มีร่องรอยของดอกไม้ปีศาจในสวนดอกไม้แห่งนี้เลย”

“ไม่ต้องห่วง ข้อมูลของข้าเชื่อถือได้อย่างแน่นอน ไม่ว่าอย่างไร วันนี้ดอกไม้ปีศาจจะต้องปรากฏขึ้นในวังหลวง”

“อาจเป็นบริเวณอื่นหรือไม่? เช่นนั้นพวกเราไปสำรวจบริเวณอื่นดีหรือไม่? ”

มู่หรงฉีมองไปรอบๆ ไม่ว่าจะเป็นคณะทูตหรือขุนนางชั้นผู้ใหญ่ที่นั่งอยู่ รวมถึงเหล่าเชื้อพระวงศ์ชั้นสูง และบรรดาองครักษ์ แม้พวกเขาจะดูไม่มีท่าทีผิดปกติใดๆ ทว่าหลายคนกลับกวาดสายตามองไปรอบๆ และไม่ละสายตาจากตำแหน่งที่น่าสงสัย

ดูเหมือนวันนี้จะมีผู้คนจำนวนไม่น้อยมาตามหาดอกไม้ปีศาจที่สวนดอกไม้ในวังหลวงเช่นกัน หากถูกพวกเขาฉวยโอกาสนี้แย่งชิงไปได้ เรื่องราวคงยุ่งวุ่นวายมากกว่าเดิม

มู่หรงฉีพยักหน้า “ดี รอสบโอกาสก็ลงมือ อย่าส่งเสียงดัง อย่าให้ผู้ใดสงสัย”

“รับทราบ! ”

ดังนั้น ขณะที่นางกำนัลเติมสุรา ซูจิ่นซีจึงจงใจทำสุราหกใส่เสื้อผ้าตนเอง

นางกำนัลผู้นั้นรีบคุกเข่ารับโทษ พลางอ้อนวอนขอความเมตตา ทว่าซูจิ่นซีรั้งนางไว้ได้ทัน

“ไม่เป็นไร วันนี้มหาอุปราชและเหล่าขุนนางต่างมีความสุข อย่าทำลายความรื่นเริงของพวกเขาเลย เจ้าพาข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถิด! ”

นางกำนัลเช็ดเหงื่อเย็นเฉียบ และรีบพยักหน้าขอบคุณซูจิ่นซี “ท่านหมอซูโปรดตามบ่าวมาทางนี้! ”

จากนั้นซูจิ่นซีและมู่หรงฉีก็สบตากัน ก่อนที่ซูจิ่นซีจะเดินตามนางกำนัลไปทางห้องโถงด้านหลัง

ทว่าซูจิ่นซีเดินไปได้ไม่ถึงสองก้าว ระบบถอนพิษก็ส่งเสียง ‘ตี๊ด ตี๊ด ตี๊ด’ เตือนว่าดอกไม้ปีศาจปรากฏขึ้นแล้ว

ซูจิ่นซีหยุดเดินทันที นางกวาดสายตามองไปรอบๆ อย่างต่อเนื่อง ก่อนจะเห็นนางกำนัลสองคนเดินถือพานสีทองขนาดใหญ่ที่คลุมด้วยผ้าไหมและผ้าซาติน กำลังมุ่งหน้าไปที่สวนดอกไม้ ทั้งยังมีองครักษ์อีกแปดนายเดินคุ้มกันอยู่ด้านหลัง

ไม่คิดว่าจะเจอโดยไม่ต้องใช้ความพยายามอันใดเลย

ซูจิ่นซีขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางมองไปยังสิ่งที่มีขนาดใหญ่ในสวนดอกไม้

นางกำนัลเห็นซูจิ่นซีหยุดชะงัก จึงหันกลับมา “ท่านหมอซู เชิญทางนี้ บ่าวจะพาท่านไปเปลี่ยนเสื้อผ้า”

ซูจิ่นซีเผยรอยยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย “ข้าต้องขอโทษแม่นางด้วยจริงๆ ข้าเพิ่งนึกได้ อีกสักครู่ท่านอ๋องของพวกเราจะกลับจวนแล้ว ข้าเกรงว่าหากไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ท่านอ๋องจะตามหาข้าไม่พบและเกิดกังวลใจ ดังนั้นไม่ต้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว”

นางกำนัลพลันแสดงท่าทางกังวล

ซูจิ่นซีรีบอธิบาย “แม่นางวางใจได้ จอกสุรานั้นถูกกระแทกโดยไม่ตั้งใจ ภายหลังหากมีผู้ใดถามข้า ข้าจะพูดเช่นนี้”

นางกำนัลรีบคำนับซูจิ่นซีด้วยความดีใจ “เช่นนั้น บ่าวขอขอบคุณท่านหมอซู ขอบคุณท่านหมอซู! ”

ซูจิ่นซียกยิ้มมุมปากเล็กน้อย และกลับไปนั่งที่ตำแหน่งของตนเองอีกครั้ง

มู่หรงฉีเห็นซูจิ่นซีออกไปแล้วกลับเข้ามา ก็รู้ว่าต้องมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นแน่

“พบอันใดแล้วใช่หรือไม่? ”

ซูจิ่นซีไม่ได้พูดอันใด ทำเพียงส่งสัญญาณให้มู่หรงฉีมองพานขนาดใหญ่ที่ถูกส่งเข้ามาภายในสวนดอกไม้ของวังหลวงโดยมีนางกำนัลสองคนและองครักษ์แปดนายคอยคุ้มกัน

มู่หรงฉีชำเลืองมองด้วยความประหลาดใจ และพูดว่า “หาพบแล้วหรือ? ”

ซูจิ่นซีพยักหน้า

แววตาของมู่หรงฉีปรากฏความยินดีในทันที ทว่ายังถูกกดทับไว้ด้วยความสงบนิ่ง

องครักษ์แปดนายและนางกำนัลสองคนนำพานที่คลุมด้วยผ้าสีทองวิจิตรงดงามเข้ามายังสวนดอกไม้ ทันใดนั้น มู่หรงเฟิงก็ยกมือขึ้น เสียงบรรเลงของวงเครื่องสายพลันดังสอดประสาน การร้องรำทำเพลง ผสมผสานระหว่างฝูงคนและจอกสุรา

“งานเลี้ยงวันนี้ใกล้เสร็จสิ้นลงแล้ว ข้ามีข้อเสนอ พวกเรามาร่วมสนุกกันสักหน่อยดีหรือไม่? ”

ไม่บ่อยนักที่มหาอุปราชจะมีความสุขเช่นวันนี้ แน่นอนว่าผู้ที่มักประจบสอพลอเป็นปกติจะต้องเห็นด้วย เช่นเดียวกับซูจิ่นซีและมู่หรงฉี ผู้ที่สังเกตเห็นสิ่งของขนาดใหญ่ที่ถูกนำเข้ามายังสวนดอกไม้ ย่อมไม่อาจปล่อยโอกาสนี้ไปได้ พวกเขาต่างแสดงท่าทีสนับสนุน

มู่หรงเฟิงพอใจในคำตอบของทุกคน ทันทีที่เขายกมือขึ้น ก็มีคนเปิดผ้าสีทองอันวิจิตรงดงามที่วางคลุมพานออก

ทันใดนั้น สิ่งลึกลับที่อยู่บนพานก็ถูกเปิดเผย มันเป็นดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมและเปล่งประกายระยิบระยับ

เป็นดอกไม้ที่ดูเหมือนดอกโบตั๋น ทว่ามีขนาดใหญ่กว่าดอกโบตั๋นสามถึงสี่เท่า เกสรตัวผู้มีสีเหลืองเหมือนขนห่าน มีกลีบดอกสีชมพูอ่อนประมาณยี่สิบกลีบ ดอกไม้นั้นเปล่งแสงสีเหลืองทองอย่างน่าพิศวงท่ามกลางแสงอาทิตย์ ทั้งยังมีกลิ่นหอมที่พิเศษ

เนื่องจากระบบถอนพิษแจ้งเตือน ซูจิ่นซีจึงใช้ระบบถอนพิษตรวจสอบและยืนยันอยู่หลายครั้ง มันคือดอกไม้ปีศาจอย่างไม่ต้องสงสัย

ดูเหมือนข้อมูลของมู่หรงฉีจะไม่ผิดพลาดจริงๆ

เพียงแต่มันปรากฏตัวอย่าง ‘สง่างาม’ เช่นนี้ ทั้งยังมีสายตาของคนจำนวนมากจับจ้อง ทำให้ลงมือได้ยาก

อย่างไรก็ตาม ยังมีผู้ที่กังวลใจมากกว่าซูจิ่นซีและมู่หรงฉี

“มหาอุปราช ดอกไม้นี้มีรูปร่างพิเศษยิ่งนัก ไม่ทราบว่าเป็นดอกไม้ชนิดใด? ”

“ใช่! กระหม่อมอยู่มาทั้งชีวิต เพิ่งเคยเห็นดอกไม้ประหลาดเช่นนี้เป็นครั้งแรก การติดตามมหาอุปราชนับเป็นการเปิดหูเปิดตาจริงๆ ”

“เกสรตัวผู้มีสีเหลืองขนห่าน กลีบดอกเป็นสีชมพูมีทั้งหมดยี่สิบหกกลีบ ทั้งยังมีกลิ่นหอมที่พิเศษ หรือนี่จะเป็นดอกไม้ปีศาจในตำนาน? ”

คนผู้หนึ่งพูดเปิดประเด็น ทั้งยังจุดประเด็นความสงสัยให้แก่ทุกคน ครู่หนึ่งสถานการณ์พลันเงียบสงบลงอีกครั้ง แววตาของพวกเขาส่องประกายดั่งเปลวเพลิง พลางจ้องมองพานนั้นราวกับเสือและหมาป่า รอให้มู่หรงเฟิงเอ่ยปาก

มู่หรงเฟิงกวาดสายตามองใบหน้าของแต่ละคน ไม่รู้เพราะเหตุใด จู่ๆ เขาก็หยุดสายตาเมื่อมองมาที่ซูจิ่นซี

“ท่านหมอซู ทุกคนต่างประหลาดใจว่าสิ่งนี้คืออันใด ดูจากท่าทางผ่อนคลายของเจ้าแล้ว ถึงเวลานี้เจ้ายังจิบสุราได้อีก เจ้าไม่สงสัยบ้างหรือ? ”

ซูจิ่นซีวางจอกสุราในมือลง พร้อมยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย และขมวดคิ้ว “ประหลาดใจ ต้องประหลาดใจอย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ! ท่านอ๋องนำสิ่งของใหญ่โตออกมา ผู้ใดเห็นล้วนประหลาดใจทั้งสิ้น”

“โอ้? ”

มู่หรงเฟิงกำลังจะพูดบางอย่าง ทว่าซูจิ่นซีกลับไม่ให้โอกาสเขาได้เอ่ยปาก นางพูดต่ออีกว่า “ทว่า ท่านอ๋อง กระหม่อมไม่ได้มีเก้าชีวิตที่จะตายเพื่อความอยากรู้อยากเห็นของตนเอง! ต้องใจเย็นสักหน่อย พระองค์ว่าใช่หรือไม่? ”