เล่มที่ 17 เล่มที่ 17 ตอนที่ 488 ประลองบุ๋นหรือบู๊

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! ” ทันใดนั้น มู่หรงเฟิงก็หัวเราะเสียงดังอย่างไม่ทราบสาเหตุ ขณะที่เขาหัวเราะ ทุกคนพลันรู้สึกสันหลังเย็นวาบ มู่หรงเฟิงพูดขึ้นว่า “ถูกต้อง นี่คือดอกไม้ปีศาจในตำนานที่เจริญเติบโตและออกดอกในทุกๆ สี่สิบเก้าปี”

แม้หลายคนจะคาดเดาได้ ทว่าเมื่อมู่หรงเฟิงประกาศออกมาอย่างเป็นทางการต่อหน้าทุกคน ยังทำให้พวกเขารู้สึกตื่นตระหนกบ้างเล็กน้อย

หลังจากอาการตกตะลึง พวกเขาก็เก็บความคิดอันซับซ้อนไว้ในส่วนลึกของจิตใจ และหันไปคำนับมู่หรงเฟิง

“ยินดีกับท่านอ๋อง ยินดีกับท่านอ๋อง”

“ขอให้ท่านอ๋องมีโชคลาภดุจทะเลบูรพา อายุยืนยาวดั่งภูเขาทักษิณ วันนี้ไม่เพียงเปี่ยมไปด้วยพระเกษมสำราญ ทั้งยังได้รับดอกไม้ปีศาจอันล้ำค่า ช่างเป็นความสุขสองชั้นจริงๆ ช่างเป็นสิริมงคลยิ่งนัก! ”

“ใช่! ความสุขสองชั้น ยินดีกับท่านอ๋อง ขอแสดงความยินดีกับท่านอ๋องด้วย! ”

มู่หรงเฟิงแย้มยิ้มอย่างมีความหมายลึกซึ้ง

“ในเมื่อเป็นของล้ำค่า ข้าจะชื่นชมเพียงผู้เดียวได้อย่างไร? ”

มู่หรงเฟิงหมายความว่าอันใดกันแน่?

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ แววตาของผู้ที่จ้องมองดอกไม้ปีศาจพลันเปล่งประกายขึ้นมาทันที

“หรือว่าเรื่องสนุกที่ท่านอ๋องกล่าวถึง จะเกี่ยวข้องกับดอกไม้ปีศาจนี้”

“แน่นอน” มู่หรงเฟิงตอบ

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ดียิ่งนัก! ให้พวกเราได้สัมผัสกับโชควาสนาของท่านอ๋อง ได้เปิดหูเปิดตาครั้งใหญ่! พวกเจ้าว่าใช่หรือไม่! ”

“ใช่! ”

“ใช่! ”

“ท่านอ๋อง มีวิธีการอย่างไร? ”

มู่หรงเฟิงกวาดสายตาไปรอบๆ ทว่าครั้งนี้กลับไม่ได้จ้องมองซูจิ่นซี

“ประลองวงล้อเป็นอย่างไร? ผู้ใดชนะเป็นคนสุดท้าย ข้าก็จะมอบดอกไม้ปีศาจให้คนผู้นั้น? ”

น่าสนุกจริงๆ !

อาศัยความสามารถเพื่อให้ได้ดอกไม้ปีศาจ ประลองกันตัวต่อตัวจนกว่าจะแพ้ ดีกว่าสู้รบกันจนเลือดตกยางออก

“ตกลง! ”

“ตกลง! ”

คนส่วนมากต่างเห็นด้วย ทว่ายังมีบางคนที่ไม่เห็นด้วยกับความคิดนี้

“ท่านอ๋อง การประลองวงล้อที่พระองค์ว่า เป็นการประลองวรยุทธ์ใช่หรือไม่? แม่ทัพและเหล่าทหารล้วนชำนาญในด้านนี้ ทว่าขุนนางอย่างพวกเราจะทำอย่างไร? พวกเราก็ปรารถนาจะสัมผัสโชควาสนาของท่านอ๋องเช่นกัน! ”

“ถูกต้อง! พวกเราจะจับกระบี่ต่อสู้กับเหล่าแม่ทัพได้อย่างไร? พวกเราสู้ไม่ได้แน่นอน! ”

“ใช่แล้ว! ”

“ใช่แล้ว ท่านอ๋อง เช่นนี้ไม่ยุติธรรม! ”

มู่หรงเฟิงเห็นทุกคนโต้เถียงกัน ยิ่งทำให้น่าสนใจมากขึ้น เขานั่งหลังพิงเก้าอี้ด้วยท่าทางเกียจคร้าน “เช่นนั้นพวกเจ้าเห็นว่าควรทำอย่างไร? ควรกำหนดกฎเกณฑ์การแข่งขันนี้อย่างไร? ”

“แข่งบู๊! ”

“แข่งบุ๋น! ”

“แข่งบู๊! ”

“แข่งบุ๋น! ”

ต่างฝ่ายต่างมีความคิดเป็นของตนเอง ทำให้เหตุการณ์มาถึงทางตัน

ผ่านไปครู่หนึ่ง ขุนนางผู้หนึ่งก็ลุกขึ้น

“ท่านอ๋อง เช่นนั้น… ฟังกระหม่อมพูดสักหน่อยเถิด”

มู่หรงเฟิงหรี่ตาลง “ใต้เท้าจาง ปกติท่านเป็นผู้ที่มีความคิดว่องไว ทั้งยังชอบเสนอความคิดแปลกใหม่มากที่สุด เอาเถิด! ท่านลองเสนอดู! การแข่งขันครั้งนี้ควรทำอย่างไร? ”

ใต้เท้าจางผู้นั้นพยักหน้าพลางแย้มยิ้ม “วันนี้เป็นวันเทศกาลร้อยบุปผา ทั้งยังเป็นวันพระราชสมภพของท่านอ๋องอีกด้วย ท่านอ๋องนำดอกไม้ปีศาจมาเป็นรางวัลในการแข่งขัน แท้จริงแล้วมีจุดประสงค์เพื่อให้ทุกคนได้ร่วมสนุก ไม่เพียงทุกคนเท่านั้นที่ควรเล่นอย่างมีความสุข ที่สำคัญคือท่านอ๋องต้องมีความสุขด้วยเช่นกัน ทุกท่านคิดว่ากระหม่อมพูดมีเหตุผลหรือไม่? ”

ทุกคนต่างพยักหน้าเห็นด้วย

มู่หรงเฟิงชี้นิ้วไปทางใต้เท้าจางที่แย้มยิ้มไม่หุบ โดยไม่พูดสิ่งใด ทว่าแววตากลับแสดงความเห็นด้วย

ใต้เท้าจางพูดต่อ “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น กระหม่อมคิดว่าต้องมีการปรับสมดุล พวกเราแข่งขันทั้งบุ๋นและบู๊เป็นเช่นไร? ”

“จะแข่งขันทั้งบุ๋นและบู๊ได้อย่างไร? ”

ผู้ใดไม่เข้าใจ? หากจัดการแข่งขันทั้งบุ๋นและบู๊ ผลการแข่งขันสุดท้ายคงตัดสินได้ยากยิ่งนัก

“ใช่! หากจัดการแข่งขันทั้งบุ๋นและบู๊ ผลสุดท้ายมีผู้ชนะทั้งบุ๋นและบู๊ถึงสองท่าน จะทำอย่างไร? ทว่าดอกไม้ปีศาจมีเพียงหนึ่งเดียว จะแบ่งออกเป็นสองส่วนได้อย่างไร? ”

“เช่นนั้นจะทำอย่างไร? ” ผู้ที่รู้ถึงคุณสมบัติของดอกไม้ปีศาจรีบเอ่ยปากโต้แย้ง “ดอกไม้ปีศาจล้ำค่าอย่างมาก หากแบ่งเป็นสองส่วน จะไม่มีผลทางยา กลายเป็นเพียงดอกไม้ธรรมดาทั่วไปเท่านั้น น่าเสียดายมิใช่หรือ? ”

ทุกคนต่างยืนกรานคำพูดของตน ใต้เท้าจางยกมือขึ้น “ทุกท่านเงียบก่อน อย่าเพิ่งร้อนใจ ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น ในเมื่อสุดท้ายแล้วรางวัลมีเพียงหนึ่งเดียว ย่อมมีการตัดสินผู้ชนะตามปกติ”

“เช่นนั้นจะใช้วิธีใด? ใต้เท้าจาง ท่านรีบพูดมาเถิด ข้าร้อนใจจะแย่อยู่แล้ว! ”

ใต้เท้าจางแย้มยิ้ม “ความหมายของข้าคือ ในระหว่างการแข่งขัน ให้หมุนเวียนแข่งขันทั้งบุ๋นและบู๊ ผลสุดท้ายต้องมีผู้ที่เก่งกาจทั้งสองด้านออกมา”

“บัดซบ วิธีการแข่งขันอันใดกัน? ”

“ใช่ เดิมทีผู้ที่เข้าร่วมการแข่งขันก็มีไม่มาก หากเป็นเช่นนี้ก็เหมือนถูกคัดออกไม่ใช่หรือ? พวกเราที่มีความรู้ด้านบุ๋นก็ไม่มีความรู้ด้านบู๊ และพวกที่ความรู้ด้านบู๊ก็ไม่มีความรู้ด้านบุ๋น เช่นนั้นจะสามารถเข้าร่วมการแข่งขันได้อย่างไร? แม้จะเข้าร่วม โอกาสชนะก็มีไม่มาก”

“ใช่ ใต้เท้าจาง ท่านเสนอความคิดอันใดของท่าน? ท่านมีเจตนาอื่นแอบแฝงกระมัง? ”

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าทุกคนจะตั้งคำถามอย่างไร ใต้เท้าจางผู้นั้นก็แย้มยิ้มอย่างอ่อนโยนเสมอ ราวกับพระโพธิสัตว์ที่มีชีวิต เป็นที่รู้กันดีว่า ยามที่เขาอยู่ในท้องพระโรงนั้นมีความลื่นไหลมากเพียงใด

เมื่อเห็นว่าใต้เท้าจางไม่คิดเปลี่ยนแปลงคำพูด ทุกคนจึงส่งเสียงกับมู่หรงเฟิง

“ท่านอ๋อง คำแนะนำของใต้เท้าจาง ยากที่จะยอมรับได้! ”

“ใช่! ยอมรับไม่ได้จริงๆ ไม่ยุติธรรมเลย จะให้กระหม่อมยอมรับได้อย่างไร? ”

“ใช่! ท่านอ๋อง หากใช้วิธีนี้ พวกเราหลายคนคงไม่อาจเข้าร่วมแข่งขันได้! ”

ทว่าคำตอบของมู่หรงเฟิงกลับไม่เป็นที่น่าพอใจยิ่งกว่า ท่าทางของเขายังคงเกียจคร้าน “ข้ากลับรู้สึกว่าข้อเสนอของใต้เท้าจางนั้นดีมาก”

อ๋า?

หลายคนตกตะลึงจนอ้าปากค้าง จากนั้นจึงแสดงท่าทางผิดหวัง

“ราชสำนักแคว้นหนานหลีของพวกเรามีคนจำนวนมาก รวมกับคณะทูตอีก หากทุกคนสามารถเข้าร่วมการแข่งขันได้ งานเลี้ยงในค่ำคืนนี้คงไม่จบโดยง่าย แม้จะแข่งขันกันต่ออีกสามสี่วันก็ไม่แน่ว่าจะเสร็จสิ้น ข้อเสนอของใต้เท้าจางนั้น ช่วยคลายความกังวลให้ข้าได้พอดี”

ใบหน้าของผู้คัดค้านพลันบูดบึ้ง

“ข้าก็รู้สึกว่าข้อเสนอนี้ดีมาก! ”

เยี่ยโยวเหยาที่ไม่เอ่ยอันใดมาตลอด ราวกับไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้ จู่ๆ ก็พูดขึ้น “ราชสำนักมีผู้ที่มีความสามารถมากที่สุด ทว่าสิ่งที่ขาดแคลนมากที่สุดก็คือผู้ที่มีความสามารถทั้งบุ๋นและบู๊ ใช้โอกาสอันดีเช่นนี้ให้มู่หรงเฟิงได้เห็นว่าราชสำนักแคว้นหนานหลีของพวกท่าน ยังมีผู้ที่มีความสามารถทว่าไร้ชื่อเสียง หรือถูกท่านมองข้ามไปหรือไม่”

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! ” มู่หรงเฟิงหัวเราะเสียงดัง พลางยกจอกสุราไปทางเยี่ยโยวเหยา ทั้งสองต่างยกจอกสุราขึ้นพร้อมกัน

มีบางคนที่ต้องการเสนอความคิดเห็น ทว่ามู่หรงเฟิงกลับยกมือห้ามไว้ “พอเถิด เรื่องนี้ก็ตัดสินตามนี้ ทำตามข้อเสนอของจางอ้ายชิง สนามการแข่งขันมีเจ้า จางอ้ายชิงเป็นผู้รับผิดชอบ หากยังโต้เถียงต่อไปฟ้าคงมืด”

“พ่ะย่ะค่ะ! ” ใต้เท้าจางผู้นั้นรีบตอบรับ

แม้ทุกคนจะมีความเห็นแตกต่าง ทว่าพวกเขาต่างเกรงกลัวอำนาจของมู่หรงเฟิง จึงไม่กล้าเสนอความคิดเห็น ดังนั้นการแข่งขันเพื่อชิงดอกไม้ปีศาจอันล้ำค่าที่สุดในโลกแห่งโอสถ จึงเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ

แท้จริงแล้ว ใต้เท้าจางผู้นั้นเสนอกฎการแข่งขันดังกล่าวเพราะมีข้อได้เปรียบเป็นการส่วนตัว เนื่องจากหลานของเขาทำงานอยู่ในกรมพิธีการ ทั้งยังเป็นผู้ที่เก่งกาจทั้งบุ๋นและบู๊ แต่กลับถูกเหล่าผู้มีอาวุโสกดขี่ ไม่มีโอกาสได้แสดงความสามารถออกมา

วันนี้นับว่าเหมาะสม ใช้โอกาสนี้เพื่อแสดงความสามารถทั้งบุ๋นและบู๊ บางทีท่านอ๋องทั้งสองและท่านแม่ทัพใหญ่อาจสนใจในความสามารถของเขา ให้เขาได้เข้าไปอยู่ภายใต้บังคับบัญชา เช่นนั้นจะได้ไต่เต้าไปสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้น

ดังนั้นด่านแรกที่เขาจะจัดการแข่งขันก็คือ ประลองวงล้อวรยุทธ์

อีกด้านหนึ่งก็เป็นไปตามพระประสงค์ของมหาอุปราชมู่หรงเฟิง ผู้ที่ไม่มีวรยุทธ์และไม่มีโอกาสชนะจะถูกคัดออก ขณะเดียวกันยังทำให้หลานของตนที่จมปลักอยู่ในกรมพิธีการได้เงยหน้าชูคอและแสดงความสามารถให้เป็นที่ประจักษ์