ตอนที่ 1137 ซูหลีผู้แปลกประหลาด
“ใต้เท้าซู” หลังจากที่จี้เหิงหรานชะงักค้างไป ในเวลานี้ถึงได้มีท่าทีโต้ตอบ ยกมือขึ้นประสานคารวะซูหลี เพียงแต่สีหน้าของเขาไม่ค่อยจะดีนัก
แน่นอนว่าต้องไม่ดีอยู่แล้ว ตั้งแต่ที่เย่ว์ลั่วอยู่ข้างกายซูหลี ยากมากที่เขาจะมีโอกาสพบเย่ว์ลั่วสักครั้ง
บัดนี้คว้าโอกาสที่หาได้ยากเช่นนี้ไว้ได้ นี่ยังพูดคุยได้ไม่กี่ประโยค ไม่รู้ว่าซูหลีถลันมาจากที่ใด ทำลายโอกาสของเขาจนสิ้น จะให้เขาอารมณ์ดีได้อยู่หรือ
“ใต้เท้าจี้ เย่ว์ลั่วเป็นคนข้างกายข้า ใต้เท้าจี้มีบรรดาศักดิ์เช่นนี้จะไปช่วยอะไรนางกัน เกรงว่าจะไม่เหมาะสมกระมัง!” ซูหลีตวัดสายตามองเขาตาขวาง และเป็นฝ่ายเดินเข้าไปยืนระหว่างพวกเขาทั้งสองคน เพื่อปิดกั้นสายตาของเขาไว้
“คุณหนู บ่าวขอไปทำธุระก่อนเจ้าคะ” เย่ว์ลั่วเห็นกลิ่นอายความตึงเครียดของพวกเขา ในชั่วขณะนี้ไม่รู้ว่าตนควรจะทำอย่างไร นางไม่ต้องการเห็นซูหลีกับจี้เหิงหรานพูดโต้เถียงกัน อีกทั้งไม่รู้ว่าหากนายท่านทั้งสองคนพูดโต้เถียงกันแล้ว นางควรจะอยู่ฝั่งใคร
ดังนั้นจึงทำได้เพียงหลบหลีกออกไป
“ไปเถอะ หลังจากนี้หากมีคนที่ไม่สำคัญอะไรมาวุ่นวายกับเจ้า ก็เรียกชุยตานให้เขาจัดการตีเขาจนกลับไป เข้าใจหรือไม่” ความนัยในคำพูดที่ซูหลีพูดออกมา ทำให้สีหน้าของจี้เหิงหรานดำคล้ำในทันที
เย่ว์ลั่วมองนางปราดหนึ่ง จากนั้นหันไปมองจี้เหิงหราน สีหน้าเต็มไปด้วยความกระอักกระอ่วนทำอะไรไม่ถูก สุดท้ายจึงทำได้เพียงผงกศีรษะอย่างรวดเร็ว จากนั้นหมุนกายเข้าไปในโรงเตี๊ยม
“นี่ใต้เท้าซูกระทำสิ่งใด” ทันทีที่นางเดินออกมา ความรู้สึกที่มีบนใบหน้าพลันหายไปในทันที สายตาที่ซูหลีมองมานั้นเย็นชาเป็นอย่างมาก
“ไม่ทำอะไร เพียงหวังว่าใต้เท้าจี้จะจำไว้ดีว่า อย่าแหย่คนข้างกายของข้าง่ายๆ ข้า ไม่ ชอบ!” ซูหลีตวัดตามองเขา ส่งเสียงเย็นชาแสดงความไม่พอใจออกมา ทันทีที่สะบัดแขนเสื้อก็หมุนกายเข้าไปภายในโรงเตี๊ยมนั้นเช่นกัน
หลังจากนางเดินออกไป ใบหน้าของจี้เหิงหรานพลันดำทะมึน สีหน้าดูไม่น่าดูเป็นอย่างมาก
“ใต้เท้าจี้” รอจนซูหลีเดินออกไป หวงเผยซานก็เดินเข้ามาหาจี้เหิงหราน
“หวงกงกง” สีหน้าของจี้เหิงหรานยังคงไม่น่าดูนัก เพียงแต่หลังจากเขาเห็นหวงเผยซาน จึงยกมือขึ้นคำนับเขา
“ฝ่าบาททรงให้ท่านเข้าไปหาขอรับ!” หวงเผยซานมองเขาอย่างระมัดระวัง จากนั้นจึงเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบา
จี้เหิงหรานได้ยินดังนั้น ใบหน้าจึงฉายแววประหลาดใจ ทันทีที่เหลือบตาขึ้นก็เห็นฉินเย่หานที่มีสีหน้าเย็นชายืนอยู่ข้างรถม้าที่อยู่ไม่ไกล
เขาชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นผงกศีรษะอย่างพรวดพราด และเดินไปทางฉินเย่หาน
“ฝ่า…นายท่านขอรับ” ออกมานอกประตูวังแล้ว เรียกเขาว่าฝ่าบาทคงไม่เหมาะสมเป็นธรรมดา อีกทั้งยังไม่ถึงภายในตำหนักราชนิเวศน์ วันนี้พวกเขาต้องพักในโรงเตี๊ยมแห่งนี้ แน่นอนว่าจะต้องระมัดระวังในทุกๆเรื่อง
“ซูหลีพูดอะไรกับเจ้า” ฉินเย่หานมองเขาปราดหนึ่ง พลันเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น
จี้เหิงหรานชะงักไปครู่หนึ่ง คิดถึงทิศทางที่ฉินเย่หานยืนอยู่เมื่อครู่ เกรงว่าคงจะเห็นอากัปกิริยาของเขาและซูหลี ดังนั้นถึงได้เรียกเขาเข้ามาถามไถ่เช่นนี้
“ใต้เท้าซูบอกให้ข้าอยู่ห่างจากสาวใช้ของนาง” จี้เหิงหรานติดตามอยู่ข้างกายฉินเย่หานมาหลายปี คำ ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนนั้นคนสามัญนั้นเทียบไม่ติด เมื่อเขาอยู่กับฉินเย่หานตามลำพังจึงค่อนข้างทำตัวตามสบาย
จึงใช้คำเรียกแทนตนเองว่า ‘ข้า’
ส่วนฉินเย่หานก็ไม่ได้ใส่ใจ
หลังจากที่เขาได้ยินเนื้อความในคำพูดของจี้เหิงหราน สีหน้าจึงเย็นยะเยียบอยู่บ้าง
“นายท่าน” หลังจากที่จี้เหิงหรานลังเลใจไปพักหนึ่ง เขาพลันเอ่ยขึ้น “ไม่รู้สึกว่าใต้เท้าซูช่วงนี้ทำตัวแปลกประหลาดไปบ้างหรือ”
คำพูดนี้เป็นความในใจของเขา
หลายวันมานี้ซูหลีทำตัวแปลกประหลาดจริงๆ เขามักรู้สึกได้ว่าซูหลีจ้องมองเขาอยู่
ท่าทีของนางก็แปลกประหลาดเช่นกัน
ตอนที่ 1138 ปรึกษาหารือ
ทุกครั้งที่เขารู้สึกได้ว่าซูหลีกำลังจ้องมองเขา เขามักจะหมุนกายกลับไป ซูหลีก็จะรีบหันศีรษะไปอีกทางตลอด
มีหลายครั้งที่เขาสัมผัสได้ถึงประกายความเย็นชาในดวงตาของซูหลี
อีกทั้งยังมีท่าทีที่นางปฏิบัติต่อตน
เดิมทีความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองคนมิได้ดีมากนัก ทว่าก่อนหน้านี้ก็อยู่กันอย่างสงบสุขมาโดยตลอด
เพราะมีฉินเย่หานที่เป็นนายควบคุมอยู่ด้านบน ทั้งเขาและซูหลีจึงไม่กล้าจัดการอะไรกับอีกฝ่ายได้ ดังนั้นพวกเขาทั้งสองก็ถือว่าไปมาหาสู่กันบ่อยครั้ง
แม้เขาจะเป็นคนไต่สวนหลักของซูหลี ตอนที่นางอยู่ในเรือนจำหนึ่งเดือนเศษ ทุกครั้งที่ทำการไต่สวนนาง ท่าทางของนางก็ไม่ได้เย็นยะเยียบขนาดนี้
ความเย็นยะเยียบนี้ไม่เหมือนกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ดังแต่ก่อน ประหนึ่งกับครั้งแรกที่เขาเจตนาจะเอาชีวิตของซูหลี ท่าทีที่นางแสดงออกมานั้นเหมือนกับความเย็นยะเยียบในครั้งนั้นมิปาน
คล้ายกับ…
กำลังมองศัตรูคนหนึ่งอยู่
ครั้นคิดได้เช่นนี้ สีหน้าของจี้เหิงหรานพลันดำคล้ำขึ้นวูบหนึ่ง ไม่รู้ว่าเขาล่วงเกินซูหลีที่ใด ซูหลีถึงได้มีอากัปกิริยาเช่นนี้
หลังจากฉินเย่หานได้ยินคำพูดของเขาแล้ว ใบหน้าฉายแววฉงนขึ้นมาเล็กน้อย จากนั้นจึงเหลือบตามองทิศทางที่ซูหลีเดินจากไป
“เข้าไปด้านในเถอะ” หลังจากผ่านไปพักใหญ่ ฉินเย่หานจึงเอ่ยประโยคนี้ออกมา
หลังจากที่จี้เหิงหรานได้ยิน ใบหน้าฉายแววประหลาดใจ อดไม่ได้ที่จะมองเขาครู่หนึ่ง ทว่ากลับเห็นสีหน้าที่ไม่น่ามองของเขา ในดวงตาทอประกายเย็นยะเยียบ ไม่รู้ว่าเขากำลังครุ่นคิดอะไรอยู่
เพียงครู่เดียวจี้เหิงหรานก็รู้สึกได้ ที่นี่ไม่ใช่สถานที่สำหรับการสนทนา ไม่ว่าจะสนทนาเรื่องอะไรก็ควรจะเข้าไปคุยด้านใน
“ขอรับ” เขายกมือขึ้นคำนับตอบอย่างนอบน้อม จากนั้นจึงเดินไปพร้อมกับฉินเย่หาน โดยคนหนึ่งเดินนำหน้าและอีกคนเดินตามหลังเข้าไปภายในโรงเตี๊ยม
โรงเตี๊ยมแห่งนี้มีชื่อเลื่องลือในละแวกชานเมืองเป็นอย่างมาก วันนี้อย่างไรก็เดินทางไม่ถึงตำหนักราชนิเวศน์
ดังนั้นจึงเตรียมการค้างที่นี่หนึ่งคืน
พวกเขามีจำนวนมาก อีกทั้งหนึ่งในนั้นก็มีฮ่องเต้อยู่ด้วย ดังนั้นจึงให้คนเหมาห้องในโรงเตี๊ยมในเวลาแรก
อีกทั้งเพราะนำคนมาพรักพร้อม จึงเปลี่ยนคนภายในโรงเตี๊ยมเป็นคนของตนเองทั้งหมด
บัดนี้จึงพอจะพูดได้ว่าทางสะดวกแล้ว
กล่าวว่าคนที่เดินทางไปครั้งนี้นั้นมีมาก ทว่านายท่านตัวจริงก็มิเพียงแค่กี่คนเท่านั้น คนที่ติดตามฉินเย่หานก็มีเพียงแค่จี้เหิงหรานกับซูหลีเท่านั้น
คนอื่นๆ เดินทางล่วงหน้าไปก่อนแล้ว
ส่วนนายท่านใหญ่อีกคนก็คือ ไทเฮา หลังจากที่กำหนดว่าจะไปตำหนักนอกเมือง พระองค์ทรงเสด็จออกจากวังหลวงไปเร็วกว่าพวกเขาอยู่บ้าง
เพราะคณะที่ออกเดินทางค่อนข้างจะกระจายกันไป ดังนั้นขบวนคนของพวกเขานี้จึงไม่ค่อยโดดเด่นเท่าไรนัก
ฝ่าบาทเสด็จออกจากวังนั้นไม่อาจเปรียบกับคนอื่นๆ ได้ เพราะจำเป็นต้องตริตรองเป็นอย่างมาก
ภายในโรงเตี๊ยมในเวลานี้ เก็บกวาดอย่างสะอาดสะอ้าน มีการตระเตรียมห้องด้านบนห้องหนึ่งให้กับซูหลี
หลังจากซูหลีเข้ามาถึงให้คนนำขึ้นมา จากนั้นเข้าไปอาบน้ำและพักผ่อนในห้องของตน
นั่งรถม้ามาตลอดหนึ่งวัน ร่างกายไม่ค่อยจะสบายตัวสักเท่าไร
ส่วนจี้เหิงหรานกับฉินเย่หานทั้งสองคนที่เข้ามาช้าไปบ้าง กลับเข้าไปในห้องที่ตระเตรียมให้กับฉินเย่หานเป็นพิเศษด้วยกัน
ทันทีที่เข้าไป ก็พบว่ามีข้ารับใช้ที่ปราดเปรียวกำลังจัดเตรียมภายในห้องอย่างเหมาะสม ของที่ใช้ภายในห้องล้วนนำมาจากวังหลวง ทำอะไรไม่ได้ ฉินเย่หานนั่นมีอุปนิสัยที่รักสะอาดเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ไม่สามารถใช้ของใช้ของโรงเตี๊ยมได้
“ฝ่าบาท เรื่องที่กระหม่อมพูดเมื่อครู่ มิใช่การแสดงความคิดเห็นต่อใต้เท้าซู ทว่ากระหม่อมรู้สึกว่า อากัปกิริยาที่ใต้เท้าซูปฏิบัติต่อกระหม่อมนั้น มีความแปลกอยู่จริงๆ กระหม่อมกลัวว่า…” ทันทีที่เข้ามาภายในห้อง จี้เหิงหรานก็เอ่ยเรื่องที่เอ่ยเมื่อครู่ต่อ
ฉินเย่หานนั่งอยู่ข้างโต๊ะ มือข้างหนึ่งเคาะบนโต๊ะอย่างไม่มีความหมาย สีหน้าของเขาฉายแววเรียบเฉยและเย็นชา ไม่พูดอะไรออกมาในเวลาแรก