บทที่ 821 : เหตุผลที่พวกเจ้าต้องตาย!
ทันทีที่ประตูห้องโดยสารเปิดออกและคลื่นความร้อนจากภายนอกก็แผ่ซ่านเข้ามาด้านในทันที..
เวลานี้ด้านนอกมีรถสีดำแปดคันจอดเรียงรายอยู่แต่ละคันจะมีชายร่างใหญ่ยืนอยู่ด้านข้างคันละหนึ่งคน และดูเหมือนว่ารถทั้งหมดนั้นจะมาจอดรออยู่นานแล้ว
คนทั้งหมดที่มารอรับนั้นคือคนของแก๊งมังกรเขียวทั้งสิ้นก่อนที่ถังเมิ่งจะขึ้นมาบนเครื่องบินส่วนตัวลำนี้ เขาก็ได้โทรสั่งการทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้ว
หลิงหยุนกลับมาจิงฉูคราวนี้เขาไม่ได้แจ้งใครล่วงหน้าเลย เพียงแค่สั่งถังเมิ่งให้จัดการส่งคนมารับที่สนามบินเท่านั้น
เวลานี้หลิงหยุนไม่ใช่ผู้โดยสารธรรมดาทั่วไปอีกแล้วเขาใช้ช่องทางพิเศษของสนามบินที่มีไว้สำหรับบุคคลระดับสูงของประเทศนี้เท่านั้น และช่องทางพิเศษนี้ก็ไม่ต้องผ่านระบบการตรวจสอบใดๆทั้งสิ้น
ช่องทางพิเศษที่ว่านี้คนธรรมดาทั่วไปไม่เพียงไม่เคยได้เห็น แต่ยังไม่เคยได้ยินด้วยซ้ำไป!
แม้คนทั่วไปจะเคยเห็นบุคคลระดับสูงหลายคนเดินออกมาจากสนามบินแต่พวกเขาก็ไม่เคยได้รู้ว่าคนพวกนี้เดินออกมาจากช่องทางใหนหลังจากที่ลงจากเครื่องแล้ว..
ระหว่างที่หลิงหยุนเดินออกจากช่องทางพิเศษของสนามบินจิงฉูนั้นหลี่ยี่เฟิงในฐานะพ่อเมืองถึงกับมาต้อนรับด้วยตัวเอง
ไม่เช่นนั้นรถทั้งแปดคันที่จอดรอเมื่อครู่นั้นคงจะไม่สามารถขับเข้าไปจนถึงลานจอดสนามบินได้อย่างแน่นอน
และนี่คือการอธิบายคำว่า‘สิทธิพิเศษ’ ได้ชัดเจนที่สุด!
หลิงหยุนเป็นคนแรกที่เดินออกมาจากห้องโดยสารของเครื่องและเมื่อก้าวเท้าแตะพื้นสนามบิน เขาก็มองสำรวจไปรอบๆ พร้อมกับอุทานออกมา
“โอ้โห..ดึกขนาดนี้แล้วยังมีเครื่องบินมากมายถึงขนาดนี้เชียวรึ”
และตอนนี้ก็เป็นเวลาสี่ทุ่มครึ่ง..
ที่ลานกว้างใหญ่แห่งนี้มีเครื่องบินตั้งแต่ลำขนาดกลางไปจนถึงขนาดใหญ่จอดเรียงรายอยู่เต็มไปหมดและมีอยู่แทบทุกสายการบิน บางลำก็กำลังเตรียมตัวที่จะเทคออฟ และก็มีอีกหลายลำที่กำลังจะลงจอดเช่นกัน..
ตามมาด้วยถังเมิ่งเหลียงเฟิงอี้ กงเสี่ยวลู่ แล้วก็คนอื่นๆ รวมทั้งพอลที่หิ้วร่างของไห่ซานมาด้วย ในขณะที่เจสเตอร์หิ้วร่างของเฉินเจี้ยนกุ่ยกับเฉินเซินมาคนละข้างพร้อมกัน..
เมื่อลงมาถึงพื้นด้านล่างแล้วถังเมิ่งมองผ่านแสงไฟในสนามบินไป ก็พบกับภาพที่เกาเฉินเฉินกำลังพยุงร่างของฉางหลิงเดินตามออกมา เขาถึงกับอ้าปากหวอด้วยความอัศจรรย์ใจ และได้แต่แอบคิดในใจว่า
‘พี่หยุนนี่สุดยอดจริง!แค่เดี๋ยวเดียวก็ทำให้ฉางหลิงถึงกับหมดเรี่ยวหมดแรงได้ขนาดนี้เชียวเหรอ!’
ก่อนหน้านี้เหลียงเฟิงอี้ยังไม่เห็นสภาพของฉางหลิงในใจของเธอก็นึกเป็นห่วงหลานสาวอยู่ไม่น้อย แต่เมื่อได้เห็นสภาพของฉางหลิงกับตา ก็ถึงกับสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง..
“นี่..ขนาดอยู่บนเครื่องบิน สองคนนั้นยังจะ..”
เหลียงเฟิงอี้ถึงกับกัดฟันกรอดและพูดกับหลิงหยุนด้วยน้ำเสียงรอดไรฟัน “ฉันต้องสะสางเรื่องนี้กับเธอแน่!”
หลิงหยุนกรอกตาไปมาอย่างไม่ใส่ใจและแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินในสิ่งที่เหลียงเฟิงอี้พูด สายตาของหลิงหยุนจับจ้องอยู่ที่เครื่องบินที่กำลังวิ่งอยู่บนรันเวย์ และถึงกับตกใจในความเร็วของเครื่องบิน
สองคนสุดท้ายที่ตามลงมาก็คือนักบินกับผู้ช่วยนักบินหลิงหยุนยิ้มให้พร้อมกับเอ่ยทักทาย
“พวกคุณทั้งคู่คงเหนื่อยมากเลยสินะ..”
ทั้งคู่ต่างก็รู้ดีดีว่าหลิงหยุนเป็นใครจึงไม่กล้าที่เสียมารยาท และการที่พวกเขาทั้งสองคนได้ขับเครื่องบินให้กับทายาทตระกูลหลิงเช่นนี้ ก็นับว่าเป็นเกียรติกับพวกเขาทั้งคู่อย่างมากแล้ว..
หลิงหยุนหันไปร้องบอกทุกคนที่เดินตามหลังมา“เอาล่ะ.. ขึ้นรถกันได้แล้ว ออกจากสนามบินก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
หลิงหยุนถังเมิ่ง เกาเฉินเฉิน และฉางหลิง ทั้งสี่คนนั่งรถคันแรก จากนั้นรถทั้งแปดคันก็เคลื่อนขบวนออกจากสนามบินจิงฉูทันที
“พี่หยุน..พวกเราจะไปที่ใหนกันเหรอ” ถังเมิ่งที่นั่งอยู่ด้านข้างคนขับหันหลังมาถามหลิงหยุนซึ่งนั่งอยู่เบาะหลัง
“จะไปใหนเล่า..ก็บ้านฉันไง”
เมื่อกลับมาถึงจิงฉูหลิงหยุนก็กระตือรือร้นอย่างมากที่จะได้เห็นหญ้าหยิน-หยาง และหญ้าน้ำลายมังกรของตนเองว่าป่านนี้พวกมันจะโตขนาดใหนแล้ว
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง..รถทั้งแปดคันก็มาจอดอยู่ที่หน้าบ้านของหลิงหยุน!
“ถังเมิ่ง..นายจัดการหาโรงแรมที่ดีที่สุดให้กับกัปตันกับผู้ช่วยของเขาพักด้วย!”
หลังจากนั้นหลิงหยุนก็เปิดจิตหยั่งรู้สำรวจไปรอบๆบริเวณพร้อมกับเดินไปหากงเสี่ยวลู่
“ครูกงครับ..คืนนี้ครูจะพักที่ใหนครับ”
กงเสี่ยวลู่ถอนหายใจก่อนจะตอบไปว่า“ความจริง.. ครูยังอยากจะคุยกับเธอเรื่องผลการสอบเอนทรานซ์ แต่นี่ก็ดึกมากแล้ว คงจะกลับไปที่โรงเรียนก่อน แล้วพรุ่งนี้ครูจะมาหาเธออีกครั้ง!”
หลิงหยุนขมวดคิ้ว“นี่ก็ห้าทุ่มแล้ว โรงเรียนน่าจะปิดประตูแล้ว ผมว่าครูพักที่บ้านผมจะไม่ดีกว่าเหรอครับ ที่บ้านยังมีห้องว่าง..”
กงเสี่ยวลู่รีบขัดขึ้นด้วยใบหน้าแดงก่ำ“ไม่ดีกว่า.. ครูจะกลับโรงเรียน!”
เมื่อหลิงหยุนเห็นว่ากงเสี่ยวลู่ยืนกรานเสียงแข็งเช่นนั้นเขาจึงไม่ต้องการเซ้าซี้อีก และสั่งให้คนของแก๊งมังกรเขียวไปส่งกงเสี่ยวลู่ที่โรงเรียนมัธยมจิงฉูทันที
เหลียงเฟิงอี้กับกงเสี่ยวลู่นั่งอยู่ในรถคันเดียวกันแต่เพราะบ้านอยู่คนละเส้นทาง เหลียงเฟิงอี้จึงเดินลงจากรถมา และสายตาของเธอก็จ้องหน้าหลิงหยุนด้วยความขุ่นเคือง
หลิงหยุนฉีกยิ้มให้กับเหลียงเฟิงอี้พร้อมกับถามขึ้นว่า“แล้วคุณล่ะ หรือว่าคุณอยากจะ..”
เหลียงเฟิงอี้ไม่รอให้หลิงหยุนพูดจบเธอรีบพูดขัดขึ้นมาทันที “ฉันไม่มีอะไรต้องห่วงเธอนี่.. บ้านของฉางหลิงอยู่ไม่ไกลจากที่นี่มากนัก ฉันจะพาฉางหลิงกลับบ้าน!”
หมู่บ้านที่ฉางหลิงอยู่นั้นก็อยู่บนถนนเส้นเดียวกันนี้และอยู่ห่างจากบ้านของหลิงหยุนไปเพียงไม่กี่กิโลเมตร
หลิงหยุนใคร่ครวญครู่หนึ่งคืนนี้เขาจะทำการสอบปากคำเฉินเซิน จึงไม่เหมาะที่ฉางหลิงจะอยู่ที่บ้านเลขที่-1 ในคืนนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่เซ้าซี้ และได้จัดการสั่งให้รถไปส่งเหลียงเฟิงอี้กับฉางหลิงที่บ้าน..
“เจ้าเด็กวายร้าย!เรื่องของเธอยังไม่จบแค่นี้แน่ รอให้เธอจัดการเรื่องสอบเอนทรานซ์เรียบร้อยก่อน แล้วคอยดูว่าฉันจะจัดการกับเธอยังไง!”
เหลียงเฟิงอี้ช่วยพยุงฉางหลิงไปขึ้นรถและหันไปพูดกับหลิงหยุนด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองใจ
จากนั้น..ถังเมิ่ง เกาเฉินเฉิน พอล เจสเตอร์ พร้อมด้วยผู้โชคร้ายทั้งสามคนของตระกูลเฉิน ก็เดินเข้าไปในบ้านเลขที่-1 ของหลิงหยุนทันที
หลิงหยุนเปิดจิตหยั่งรู้ออกสำรวจดูภายในบ้านก็พบว่าภายในบ้านไม่มีผู้ใดอยู่..
“ตี้เสี่ยวอู๋ไม่อยู่ในบ้านงั้นรึ!”
ทันทีที่ลงจากรถหลิงหยุนก็สัมผัสได้ว่าพลังชีวิตภายในสวนด้านในเริ่มเข้มข้นขึ้นอีกครั้ง มันคือพลังชีวิตจากหญ้าหยิน หญ้าหยาง และหญ้าน้ำลายมังกรนั่นเอง
จากนั้นหลิงหยุนก็หันมองไปทางตลาดค้าของเก่าพร้อมกับพูดยิ้มๆ“ดูท่าเซียนหยกจะสั่งหินชุดใหม่มาแล้วสินะ ถึงได้มีพลังชีวิตมากมายเพียงนี้!”
ถังเมิ่งเดินถือกุญแจบ้านตามมาพร้อมกับพูดขึ้นว่า“พี่หยุน.. ปกติเวลานี้ตี้เสี่ยวอู๋จะไปอยู่ที่ริมทะเลสาบ จะกลับมาอีกทีก็ประมาณตีสอง..”
หลิงหยุนเองก็คาดเดาเช่นนั้นเขาพยักหน้าอย่างพอใจ “หมอนี่จริงๆเลย.. ทำตามที่ฉันสั่งไว้ทุกอย่าง!”
หลังจากรถที่เหลือทั้งหมดขับเข้าไปในบ้านแล้วทุกคนก็เดินลงมาจากรถ..
“เจสเตอร์..ทิ้งพวกมันสามคนไว้ที่สวนก่อน ส่วนเจ้าตามข้าเข้าไปในบ้าน!”
“ถังเมิ่ง..นี่ก็ดึกมากแล้ว นายให้พี่น้องของเรากลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ!”
หลังจากสั่งการไปแล้วหลิงหยุนก็พาเกาเฉินเฉินเดินขึ้นไปยังห้องนอนชั้นสองของตนเอง
ทันทีที่เข้าไปในห้องนอนของหลิงหยุนเกาเฉินเฉินก็ร้องถามออกมาทันที “หลิงหยุน.. นายทำอะไรฉางหลิงงั้นเหรอ เธอถึงได้มีสภาพแบบนั้น ตอนฉันเข้าไปฉางหลิงดูหมดเรี่ยวหมดแรง ไม่มีแม้แต่แรงจะหายใจด้วยซ้ำ..”
หลิงหยุนหัวเราะร่วนแล้วตอบกลับไปว่า “ก็คืนก่อนนั้น.. คุณแต่งตัวยั่วยวนผมซะขนาดนั้น! ใครจะไปทนไหวล่ะ ผมก็เลย..”
แน่นอนว่าหลิงหยุนกำลังพูดโกหก..ความจริงนั้นเป็นเพราะรูปร่างเซ็กซี่เย้ายวนของเหลียงเฟิงอี้ต่างหากที่ทำให้เลือดในกายของเขาเดือดพล่านถึงเพียงนั้น!
เกาเฉินเฉินยิ้มเอียงอายพร้อมกับยกกำปั้นชกไปที่แขนของหลิงหยุน“บ้าเหรอ! ฉันไม่ใช่เครื่องปั้นดินเผาสักหน่อย ถึงจะแตะต้องไม่ได้..”
หลิงหยุนหัวเราะพร้อมตอบกลับไปว่า“ทำไม! คุณหึงผมเหรอ? ถ้างั้นคืนนี้ก็เข้าหอด้วยกันเลยดีมั๊ย?”
เกาเฉินเฉินตอบกลับอย่างบ้าดีเดือด“เข้าหอเหรอ! อย่าคิดว่าฉันไม่กล้านะ?!”
หลิงหยุนถึงกับเหงื่อตก..และรีบตอบกลับด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เฉินเฉิน.. คุณต้องใช้เวลาฟื้นฟูร่างกายอย่างน้อยหนึ่งเดือน ไม่เพียงแค่ต้องฟื้นฟูสภาพร่างกาย แต่ยังต้องฟื้นฟูสภาพจิตใจอีกด้วย หลังจากที่ทุกอย่างกลับเป็นปกติแล้ว เราสองคนถึงจะ..”
ถึงเวลานั้น..พวกเขาสองคนจะได้บ่มเพาะเคียงคู่กัน!
เกาเฉินเฉินได้ฟังถึงกับใจเต้นอย่างแรงและร่างของเธอก็ถึงกับอ่อนยวบยาบราวกับไม่มีกระดูกยังไงยังงั้น..
“นี่เป็นห้องนอนของผมเอง..ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว นอนหลับฝันดีนะ! คืนนี้ผมยังมีอะไรต้องทำต่อ..”
หลังจากที่หลิงหยุนพูดอะไรกับเกาเฉินเฉินอีกสองสามคำแล้วเขาก็จุมพิตเกาเฉินเฉินอย่างดื่มด่ำก่อนที่จะเดินออกจากห้องนอนไป
“เจสเตอร์..ไปนำตัวเฉินเซินกับไห่ซานมาให้ข้าที่นี่!”
เมื่อเดินลงบันได้มา..สีหน้าของหลิงหยุนก็เปลี่ยนเป็นดุดันขึ้นมาทันที!
เจสเตอร์เดินหิ้วร่างของเฉินเซินกับไห่ซานเข้ามาในบ้านคนละข้าง..
“เจ้านาย..ได้เวลาต้องฆ่าพวกมันแล้วใช่มั๊ย เรื่องแบบนี้.. ไม่ต้องถึงมือเจ้านายหรอก!”
หลิงหยุนไม่สนใจคำพูดของเจสเตอร์แล้วตะโกนสั่งว่า “เจ้าออกไปเฝ้าอยู่ที่ประตูรั้วหน้าบ้าน ถ้าไม่มีคำสั่งของข้า ห้ามใครเข้ามาในบ้านโดยเด็ดขาด รวมทั้งถังเมิ่งด้วย!”
“ครับเจ้านาย!”เจสเตอร์รับคำสั่งพร้อมกับพุ่งออกไปทันที
ภายในบ้านจึงเหลือเพียงแค่หลิงหยุนเฉินเซิน แล้วก็ไห่ซาน พวกมันทั้งสองคนถูกเจสเตอร์โยนกองไว้กับพื้นก่อนจะพุ่งออกไปตามคำสั่งของหลิงหยุน
หลิงหยุนเรียกโน๊ตบุ๊คออกมาจากแหวนพื้นที่จากนั้นจึงทำการเปิดคลิปวีดีโอที่ได้มาจากร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ ระหว่างนั้นหลิงหยุนก็เหลือบมองไห่ซานที่นอนหายใจระทวยอยู่บนพื้นด้วยสีหน้านิ่งเรียบ..
แม้ว่าไห่ซานจะบาดเจ็บสาหัสอย่างหนักจนใกล้ตายแต่มันยังตายไม่ได้โดยเด็ดขาด..
“นี่..เจ้าไม่ต้องทำเป็นแกล้งตายเลย ก่อนที่เจ้าจะตายเจ้าไม่อยากรู้หรือว่าเพราะเหตุใดข้าจึงจะสังหารพวกเจ้า”
“เอาล่ะ.. คำตอบทุกอย่างอยู่ในคลิปพวกนี้แล้ว หลังจากที่ดูคลิปจบ พวกเจ้าสองคนจะเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดทันที!”
ระหว่างที่พูด..หลิงหยุนก็จัดการถ่ายเทลมปราณผ่านทางนิ้ว และทำการคลายจุดให้กับเฉินเซินและไห่ซาน เพื่อให้พวกมันสามารถขยับตัวดูคลิปวีดีโอได้อย่างถนัด
หลิงหยุนจ้องมองคลิปวีดีโอที่กำลังเล่นไปเรื่อยๆด้วยแววตาเย็นชาจากนั้นจึงถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือก..
“ในคืนวันที่27 มีนาคมปีนี้ พวกเจ้าทั้งสองคนอยู่ในจิงฉูใช่หรือไม่”
“ไห่ซาน..เจ้าดูสิว่าคนในคลิปนั่นใช่เจ้าหรือไม่”
“แล้วเจ้าก็เคยจ้างคนขับรถพ่วงที่ชื่อหวังเล่ยให้ขับรถชนเด็กหนุ่มร่างอ้วนที่อยู่ในคลิปนั่น.. ใช่หรือไม่”
หลังจากได้ฟังคำถามของหลิงหยุนไห่ซานที่นั่งอยู่บนพื้นถึงกับหน้าซีดเผือดขึ้นมาทันที และร่างของมันก็แกว่งไปมาราวกับลูกตุ้ม..
“เจ้า..นี่เจ้าเป็นใครกันแน่!”
แววตาของไห่ซานเต็มไปด้วยความหวาดกลัวสีหน้าของมันราวกับกำลังเห็นอะไรที่น่าสยดสยองอย่างมาก และร้องถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ..
หลิงหยุนจ้องมองไห่ซานด้วยแววตาคมกริบและตอบมันด้วยน้ำเสียงเย็นชา..
“ข้าก็คือเด็กอ้วนที่เจ้าสั่งฆ่าในวันนั้นไงล่ะ..ข้าชื่อหลิงหยุน!”
บทที่ 822 : ความจริงถูกเปิดเผย!
“เป็น..เป็นไปไม่ได้! เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน!”
แม้ว่าหลิงหยุนจะถูกรถทับในคืนนั้นแต่ในคืนถัดมาหลิงห่าวก็ได้โทรบอกเฉินเซินว่าหลิงหยุนยังไม่ตาย แต่เรื่องนี้เฉินเซินไม่ได้บอกให้ไห่ซานรู้..
สำหรับคนระดับเฉินเซินนั้นลูกน้องของมันมีหน้าที่เพียงแค่ทำตามคำสั่งเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องรู้ตื้นลึกหนาบางอะไรมากนัก
แววตาของไห่ซานเปลี่ยนเป็นตื่นตระหนกตกใจสุดขีดปากของมันสั่นจนฟันกระทบกันไม่หยุด มันรู้สึกขนหัวลุกตั้งแต่หัวจรดเท้า พร้อมกับกรีดร้องออกมาอย่างตกใจราวกับเห็นผี..
“ไม่..เจ้า.. เจ้าตายไปแล้วนี่!”
หลิงหยุนแสยะยิ้ม..ก่อนจะค่อยๆย้ำชัดๆทีละคำๆ “ถูกต้อง.. ข้าถูกหวังเล่ยขับรถชนจริงๆ แต่ข้ายังไม่ตาย!..”
ไห่ซานได้ฟังถึงกับลืมอาการบาดเจ็บสาหัสของตนเองในทันทีมันไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าหลิงหยุน แล้วรีบหันไปถามเฉินเซินทันที
“นายน้อย..นี่.. นี่มันเป็นไปไม่ได้ใช่มั๊ย! หมอนั่นตายไปแล้วจริงๆ! มันถูกรถพ่วงขนาดใหญ่พุ่งชนอย่างแรง ต่อให้เป็นยอดฝีมือขั้นโฮ่วเทียน-9 ก็ยากที่จะทานทนได้!”
เวลานี้ใบหน้าบวมเปล่งของเฉินเซินเปลี่ยนเป็นซีดขาวเพราะมันเพิ่งจะถูกเฉินเจี้ยนกุ่ยดูดเลือดไป อีกทั้งยังอยู่ในสภาพมึนงง แต่ถึงกระนั้นดวงตาของมันก็เริ่มแดงก่ำ และดูน่าหวาดกลัว..
ดวงตาของเฉินเซินกรอกไปกรอกมา..มันมองคลิปวีดีโอที มองหน้าหลิงหยุนที คล้ายกับว่ากำลังนึกเปรียบเทียบกับภาพที่เห็นอยู่..
เฉินเซินไม่สนใจไห่ซานที่ยังอยู่ในอาการหวาดผวาอีกทั้งเวลานี้มันก็เป็นแวมไพร์ที่สามารถปกป้องตัวเองได้แล้ว ยังจะต้องสนใจบอดี้การ์ดไร้ค่าอีกทำไมกัน
เฉินเซินยังคงนิ่งไม่พูดไม่จา..หลิงหยุนเองก็ไม่รีบร้อน เขาค่อยๆหยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดอัดคลิปไว้..
เรื่องนี้สำคัญกับหลิงหยุนมากแล้วนี่ก็จะเป็นหลักฐานที่สำคัญที่สุดสำหรับเขา!
“มาถึงตอนนี้..ฉันไม่แปลกใจเลยที่แกไม่ตาย! เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าแกจะกลายเป็นยอดฝีมือที่ไม่เปิดเผยตัว!”
ในที่สุดเฉินเซินก็เปิดปากพูด..น้ำเสียงของมันฟังดูเศร้าสร้อยในขณะที่พูดต่อว่า..
“ก่อนหน้านี้ฉันเองก็เคยได้ยินมาว่าแกเริ่มลดน้ำหนักแล้ว แต่เพราะฉันตาบอดเอง ถึงได้มองข้ามแกไป!”
“มิน่า..แกเจอพวกฉันก็จะฆ่าจะแกงกันอย่างเดียวเลย ที่แท้แกก็คือหลิงหยุนนี่เอง!”
“ที่แท้แกก็คือหลิงหยุนแห่งตระกูลหลิงเป็นลูกชายของคุณชายสาม – หลิงเสี่ยวสินะ!”
หลิงหยุนถึงกับขมวดคิ้วและได้แต่คิดในใจว่าเด็กหนุ่มเพลย์บอยในปักกิ่งไม่ได้โง่อย่างที่เขาคิดนัก..
หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับพยักหน้า“ถูกต้อง! เจ้าพูดต่อสิ..”
เฉินเซินกระพริบตาถี่ก่อนจะพูดต่อว่า“ถ้าแกสามารถจับเป็นเฉินเจี้ยนกุ่ย และบุกเข้าไปช่วยเกาเฉินเฉินกับคนตระกูลเกาออกมาได้ แกก็น่าจะเป็นคนที่บุกเดี่ยวเข้าไปคฤหาสนต์ชานเมืองด้านใต้ของตระกูลเฉินสินะ แล้วแกก็น่าจะเป็นคนที่จับตัวพ่อของข้าไปด้วย.. ถูกต้องมั๊ย?”
หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับคิดในใจว่า‘เฉินเซิน.. เจ้านี่ฉลาดไม่เบาเลยทีเดียว!’
เขาพยักหน้าและพูดยิ้มๆ“ใช่แล้ว.. ทั้งหมดเป็นฝีมือของข้าเอง!”
ลูกนัยน์ตาของเฉินเซินเปลี่ยนเป็นสีแดงขึ้นมาทันทีคิ้วของมันขมวดเข้าหากันพร้อมกับถามขึ้นว่า
“แต่มีเรื่องหนึ่งที่ฉันคิดยังไงก็คิดไม่ออก..”
หลิงหยุนเอนกายพิงโซฟาด้วยท่าทางสบายๆพร้อมตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ “เจ้าอยากรู้อะไรก็ถามมา..”
แม้เฉินเซินจะสามารถคาดเดาได้ถูกต้องว่าเฉินไห่คุนถูกหลิงหยุนจับตัวไปแต่มันกลับไม่มีท่าทีเดือดเนื้อร้อนใจ หรือเป็นห่วงความปลอดภัยของพ่อตัวเองเลยแม้แต่น้อย คนเช่นนี้เลวยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานเสียอีก!
เฉินเซินนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะถามขึ้นว่า“ในเมื่อแกเป็นยอดฝีมือที่มีวรยุทธสูงส่งแบบนี้ ทำไมแกต้องแกล้งทำตัวเป็นเด็กอ้วนที่ไม่ค่าไร้ราคาแบบนั้น แล้วยังปล่อยให้ตัวเองโดนรถชนอีกด้วย!”
“อย่าบอกนะว่า..แกเพิ่งจะมาฝึกวรยุทธเมื่อไม่กี่เดือนนี้ ฉันไม่เชื่ออย่างเด็ดขาด!”
หลิงหยุนได้แต่นึกขันอยู่ในใจและได้แต่คิดว่า ‘ข้าก็เพิ่งฝึกช่วงไม่กี่เดือนนี้จริงๆ!’
แต่หลิงหยุนไม่มีทางบอกความจริงกับเฉินเซินแน่เขาจึงตอบกลับไปว่า “ที่ข้าแกล้งให้รถที่พวกเจ้าจ้างมาชน ก็เพื่อให้พวกเจ้าไม่ต้องมายุ่งกับข้าอีก แล้วก็ตั้งใจทำให้พวกเจ้าดีใจเล่น..”
“ฮ่า..ฮ่า.. ฮ่า.. ฮ่า..”
จู่ๆเฉินเซินก็อ้าปากหัวเราะออกมาเสียงดัง เสียงของมันไม่ต่างจากวิญญาณที่กำลังร้องไห้คร่ำครวญ
หลิงหยุนขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อว่า“เจ้าคนแซ่เฉิน.. ต่อให้เจ้าไม่กลัวตาย แต่ถ้ากล้าลูกเล่นต่อหน้าข้าแล้วล่ะก็.. เจ้าต้องเจ็บปวดทรมานยิ่งกว่าตายแน่!”
ดวงตาแดงก่ำของเฉินเซินจ้องมองหลิงหยุนพร้อมกับพูดขึ้นว่า“ฉันเคยคิดว่าแกเป็นแค่มดตัวเล็กๆต่ำต้อยตัวหนึ่งเท่านั้น ไม่เคยคิดว่าแกจะแข็งแกร่งได้ขนาดนี้! ไม่แปลกเลยที่มีคนคิดจะเอาชีวิตแก!”
หลิงหยุนก้าวเท้าไปข้างหน้าและพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงดุดัน “เฉินเซิน.. เจ้าอย่าคิดว่าเมื่อเจ้ากลายเป็นแวมไพร์แล้ว ข้าจะฆ่าเจ้าไม่ได้นะ! แวมไพร์ที่แข็งแกร่งกว่าเจ้ามากนัก ข้ายังสังหารพวกมันมาแล้วนับร้อยๆตัว!”
“ที่ข้าไว้ชีวิตของเจ้ามาจนถึงตอนนี้ก็เพื่อจะถามเจ้าว่าใครคือคนบงการสั่งฆ่าข้า!”
เฉินเซินถึงกับหายใจติดขัดและพยายามดิ้นรนอย่างยากลำบากลำบน แล้วจึงพูดขึ้นว่า
“ฉัน..ฉันยอมพูดแล้ว! เป็นความโง่ของฉันเอง ที่เห็นแก่เงินไม่กี่ล้านหยวน ถึงได้ต้องมาตกอยู่ในสภาพนี้ แล้วฉันก็จะไม่ยอมตายเพื่อมันด้วย!”
แววตาของหลิงหยุนเปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือกขึ้นมาทันที“เจ้าอย่ามัวแต่อ้อมค้อม.. บอกข้ามาว่าใครเป็นคนบงการให้เจ้าทำ!”
เฉินเซินยิ้มพร้อมตอบกลับมาเพียงแค่สองคำ“หลิงห่าว!”
หลิงหยุนได้ฟังถึงกับตกใจสุดขีด!
‘หลิงห่าวงั้นรึ!’
‘เป็นมันความจริงงั้นรึ!’
‘เป็นอย่างที่ข้าคาดไว้จริงๆสินะ!’
“เฮ้อ..”
หลังจากที่หายตกอกตกใจหลิงหยุนก็ถึงกับถอนหายใจยาว แต่แล้วก็กลับสู่สภาพสงบนิ่งเช่นเดิมได้ภายในเวลาอันรวดเร็วพร้อมกับพูดต่อว่า
“เจ้าคนแซ่เฉิน..อย่าคิดที่จะใช้วิธียุแยงให้พี่น้องตระกูลหลิงแตกคอกันเช่นนี้ มันไม่ได้ผลหรอก! ถ้าทั้งหมดที่เจ้าพูดมาเป็นเรื่องจริง ก็เอาหลักฐานมาให้ข้าดู..”
หลังจากที่ได้ยินว่าหลิงห่าวคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังการลอบสังหารหลิงหยุนครั้งนี้เขาก็ได้แต่ครุ่นคิดว่าจะต้องสืบหาหลักฐานอะไรบ้าง แต่ในใจนั้นค่อนข้างมั่นใจอย่างไร้ข้อสงสัยว่าต้องเป็นหลิงห่าวตามที่เฉินเซินบอกอย่างแน่นอน..
ในเมื่อหลิงห่าวเป็นผู้สั่งฆ่าเขาหลายครั้งหลายคราเขาก็ต้องทำให้มันไปเกิดใหม่เช่นกัน!
แต่ในเมื่อตัวเขาเองก็กลับเข้าตระกูลหลิงแล้วหากจะลงมือสังหารหลิงห่าว ก็ต้องมีหลักฐานที่เพียงพอจะสามารถอธิบายให้คนตระกูลหลิงทั้งหมดฟังด้วยเช่นกัน!
เพียงแค่คำพูดของเฉินเซินแน่นอนว่ามันยังไม่เพียงพอ!
เฉินเซินอ้าแขนออกพร้อมกับพูดขึ้นว่า“ฉันไม่มีหลักฐานอะไรทั้งนั้น เรื่องที่ฉันพูดล้วนเป็นความจริง แต่ถ้าแกอยากจะรู้รายละเอียดทั้งหมด ก็ต้องมีข้อแลกเปลี่ยน..”
หลิงหยุนขมวดคิ้วพร้อมกับคิดว่าการสังหารกำลังเริ่มต้นขึ้นแล้ว..
“ข้าอัดคลิปที่เจ้าพูดทั้งหมดไว้แล้ว!อีกอย่าง.. คนเช่นเจ้าไม่คุณสมบัติเพียงพอที่จะต่อรองกับข้า!”
“ฟังนะ..ในสายตาของข้า ขยะอย่างเจ้าไร้ค่ายิ่งกว่ามดตัวหนึ่งเสียอีก แล้วมีเหตุผลอะไรที่ข้าจะต้องฆ่าเจ้าด้วย! วันนี้เจ้าก็เห็นกับตาแล้วนี่.. ยอดฝีมือตระกูลเฉินเองก็มาถามหาเหตุผลกับข้า แล้วเจ้าเห็นหรือไม่ว่าพวกมันได้อะไรกลับไป”
คำพูดของหลิงหยุนนั้นเฉินเซินเข้าใจได้เป็นอย่างดีสิ่งที่หลิงหยุนพูดกับเฉินเซิน ก็เหมือนเป็นบอกกับหลิงห่าวไปกลายๆว่า คนอย่างหลิงห่าวก็ไม่ต่างจากมดตัวหนึ่งเช่นกัน และหากเขาต้องการจะฆ่าหลิงห่าวแล้วล่ะก็ รับรองว่าไม่มีใครหยุดเขาได้อย่างแน่นอน!
ตอนนี้เฉินเซินกำลังนึกเสียใจที่พาตัวเองมาข้องเกี่ยวกับเรื่องนี้เขาไม่นึกไม่ฝันว่าหลิงหยุนที่เป็นเพียงแค่แมลงสาปตัวหนึ่งในวันนั้น แต่ในวันนี้กลับมายืนชี้หน้าด่ามันว่ามีค่าน้อยกว่ามดตัวหนึ่ง..
นี่มันคือเรื่องจริงอย่างนั้นหรือ!
แม้ว่าเฉินเซินจะเข้าใจความหมายในคำพูดของหลิงหยุนดีแต่มันก็ยังคงมองหลิงหยุนด้วยแววตาอ้อนวอน และกำลังร้องขอความเมตตาจากเขา
“ในเมื่อนายไม่ตายแล้วนายก็ได้ทำร้ายร่างกายฉันเป็นการลงโทษแล้ว หนำซ้ำเวลานี้ฉันเองก็มีสภาพครึ่งคนครึ่งปีศาจ ได้โปรดไว้ชีวิตฉันด้วยเถอะนะ คิดซะว่าทำบุญกับสุนัขตัวหนึ่งก็ได้!”
หลิงหยุนแสยะยิ้ม“เจ้าไม่ต้องงห่วง.. ในช่วงเวลาสั้นๆนี้ข้าจะยังไม่ฆ่าเจ้า แต่การตัดสินใจจะฆ่าหรือไม่ฆ่านั้น ไม่ได้อยู่ที่ข้า.. แต่อยู่ที่ตระกูลเฉินของเจ้า!”
“หากตระกูลเฉินส่งคนมาช่วยพวกเจ้ากลับปักกิ่งได้พวกเจ้าก็รอด! แต่ถ้าพวกเขาไม่สนใจความเป็นความตายของพวกเจ้า ข้าก็เสียใจด้วย..”
หลิงหยุนยังจำเป็นต้องใช้เฉินเซินในการทดสอบสูตรยาสำหรับใช้ถอนพิษแวมไพร์เขาจึงยังไม่ลงมือสังหารสองพี่น้องตระกูลเฉินผู้โชคร้ายในเวลานี้อย่างแน่นอน..
เฉินเซินถึงกับหน้าเปลี่ยนสี..มันรู้ว่าที่หลิงหยุนยังไม่ฆ่ามันนั้นก็นับว่าเมตตามากแล้ว มันจึงไม่กล้าต่อรองอะไรกับหลิงหยุนอีก และเริ่มเล่าเรื่องทั้งหมดให้หลิงหยุนฟังทันที
“ในปักกิ่งใครๆก็รู้ว่าฉันเป็นนักพนันแล้วเมื่อหลายเดือนก่อนฉันก็ก็เพิ่งจะเป็นหนี้พนันหลายสิบล้าน และต้องรีบเร่งหาเงินมาใช้หนี้.. ”
หลังจากที่หายตกอกตกใจหลิงหยุนก็ถึงกับถอนหายใจยาว แต่แล้วก็กลับสู่สภาพสงบนิ่งเช่นเดิมได้ภายในเวลาอันรวดเร็วพร้อมกับพูดต่อว่า
“เจ้าคนแซ่เฉิน..อย่าคิดที่จะใช้วิธียุแยงให้พี่น้องตระกูลหลิงแตกคอกันเช่นนี้ มันไม่ได้ผลหรอก! ถ้าทั้งหมดที่เจ้าพูดมาเป็นเรื่องจริง ก็เอาหลักฐานมาให้ข้าดู..”
หลังจากที่ได้ยินว่าหลิงห่าวคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังการลอบสังหารหลิงหยุนครั้งนี้เขาก็ได้แต่ครุ่นคิดว่าจะต้องสืบหาหลักฐานอะไรบ้าง แต่ในใจนั้นค่อนข้างมั่นใจอย่างไร้ข้อสงสัยว่าต้องเป็นหลิงห่าวตามที่เฉินเซินบอกอย่างแน่นอน..
ในเมื่อหลิงห่าวเป็นผู้สั่งฆ่าเขาหลายครั้งหลายคราเขาก็ต้องทำให้มันไปเกิดใหม่เช่นกัน!
แต่ในเมื่อตัวเขาเองก็กลับเข้าตระกูลหลิงแล้วหากจะลงมือสังหารหลิงห่าว ก็ต้องมีหลักฐานที่เพียงพอจะสามารถอธิบายให้คนตระกูลหลิงทั้งหมดฟังด้วยเช่นกัน!
เพียงแค่คำพูดของเฉินเซินแน่นอนว่ามันยังไม่เพียงพอ!
เฉินเซินอ้าแขนออกพร้อมกับพูดขึ้นว่า“ฉันไม่มีหลักฐานอะไรทั้งนั้น เรื่องที่ฉันพูดล้วนเป็นความจริง แต่ถ้าแกอยากจะรู้รายละเอียดทั้งหมด ก็ต้องมีข้อแลกเปลี่ยน..”
หลิงหยุนขมวดคิ้วพร้อมกับคิดว่าการสังหารกำลังเริ่มต้นขึ้นแล้ว..
“ข้าอัดคลิปที่เจ้าพูดทั้งหมดไว้แล้ว!อีกอย่าง.. คนเช่นเจ้าไม่คุณสมบัติเพียงพอที่จะต่อรองกับข้า!”
“ฟังนะ..ในสายตาของข้า ขยะอย่างเจ้าไร้ค่ายิ่งกว่ามดตัวหนึ่งเสียอีก แล้วมีเหตุผลอะไรที่ข้าจะต้องฆ่าเจ้าด้วย! วันนี้เจ้าก็เห็นกับตาแล้วนี่.. ยอดฝีมือตระกูลเฉินเองก็มาถามหาเหตุผลกับข้า แล้วเจ้าเห็นหรือไม่ว่าพวกมันได้อะไรกลับไป”
คำพูดของหลิงหยุนนั้นเฉินเซินเข้าใจได้เป็นอย่างดีสิ่งที่หลิงหยุนพูดกับเฉินเซิน ก็เหมือนเป็นบอกกับหลิงห่าวไปกลายๆว่า คนอย่างหลิงห่าวก็ไม่ต่างจากมดตัวหนึ่งเช่นกัน และหากเขาต้องการจะฆ่าหลิงห่าวแล้วล่ะก็ รับรองว่าไม่มีใครหยุดเขาได้อย่างแน่นอน!
ตอนนี้เฉินเซินกำลังนึกเสียใจที่พาตัวเองมาข้องเกี่ยวกับเรื่องนี้เขาไม่นึกไม่ฝันว่าหลิงหยุนที่เป็นเพียงแค่แมลงสาปตัวหนึ่งในวันนั้น แต่ในวันนี้กลับมายืนชี้หน้าด่ามันว่ามีค่าน้อยกว่ามดตัวหนึ่ง..
นี่มันคือเรื่องจริงอย่างนั้นหรือ!
แม้ว่าเฉินเซินจะเข้าใจความหมายในคำพูดของหลิงหยุนดีแต่มันก็ยังคงมองหลิงหยุนด้วยแววตาอ้อนวอน และกำลังร้องขอความเมตตาจากเขา
“ในเมื่อนายไม่ตายแล้วนายก็ได้ทำร้ายร่างกายฉันเป็นการลงโทษแล้ว หนำซ้ำเวลานี้ฉันเองก็มีสภาพครึ่งคนครึ่งปีศาจ ได้โปรดไว้ชีวิตฉันด้วยเถอะนะ คิดซะว่าทำบุญกับสุนัขตัวหนึ่งก็ได้!”
หลิงหยุนแสยะยิ้ม“เจ้าไม่ต้องงห่วง.. ในช่วงเวลาสั้นๆนี้ข้าจะยังไม่ฆ่าเจ้า แต่การตัดสินใจจะฆ่าหรือไม่ฆ่านั้น ไม่ได้อยู่ที่ข้า.. แต่อยู่ที่ตระกูลเฉินของเจ้า!”
“หากตระกูลเฉินส่งคนมาช่วยพวกเจ้ากลับปักกิ่งได้พวกเจ้าก็รอด! แต่ถ้าพวกเขาไม่สนใจความเป็นความตายของพวกเจ้า ข้าก็เสียใจด้วย..”
หลิงหยุนยังจำเป็นต้องใช้เฉินเซินในการทดสอบสูตรยาสำหรับใช้ถอนพิษแวมไพร์เขาจึงยังไม่ลงมือสังหารสองพี่น้องตระกูลเฉินผู้โชคร้ายในเวลานี้อย่างแน่นอน..
เฉินเซินถึงกับหน้าเปลี่ยนสี..มันรู้ว่าที่หลิงหยุนยังไม่ฆ่ามันนั้นก็นับว่าเมตตามากแล้ว มันจึงไม่กล้าต่อรองอะไรกับหลิงหยุนอีก และเริ่มเล่าเรื่องทั้งหมดให้หลิงหยุนฟังทันที
“ในปักกิ่งใครๆก็รู้ว่าฉันเป็นนักพนันแล้วเมื่อหลายเดือนก่อนฉันก็ก็เพิ่งจะเป็นหนี้พนันหลายสิบล้าน และต้องรีบเร่งหาเงินมาใช้หนี้.. ” “ประจวบกับว่าหลิงห่าวที่เป็นลูกพี่ลูกน้องของนายได้มาบอกกับฉันว่ามันมีงานให้ฉันทำชิ้นหนึ่ง แล้วถ้าฉันทำสำเร็จ มันก็จะมีค่าตอบแทนให้ถึงยี่สิบล้านหยวน! แต่มันก็ได้กำชับกับฉันว่าเรื่องนี้จะมีแค่มันกับฉันเท่านั้นที่รู้..”
“ตอนนั้นฉันเองก็ร้อนเงินมากก็เลยรับปากไปโดยไม่ทันได้คิดไตร่ตรอง ถึงได้รู้ว่าเรื่องที่หลิงหห่าวต้องการให้ฉันทำก็คือการมาฆ่านายที่อยู่จิงฉู!”
“เรื่องราวหลังจากที่ฉันกับไห่ซานมาจิงฉูและได้จ้างคนขับรถพ่วงนั้น คิดว่านายคงจะพอเดาออกหมดแล้ว..”
………
ในที่สุด..ความจริงก็ถูกเปิดเผย!
หลังจากที่ได้ฟังเฉินเซินเล่าเรื่องราวทั้งหมดแล้วหลิงหยุนก็นิ่งไปครู่ใหญ่ แม้ว่าเขาพอจะเดาเหตุผลได้ว่าเพราะเหตุใดหลิงห่าวจึงคิดสังหารเขา แต่หลิงหยุนก็ยังคงถามกลับไปด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“เหตุใดหลิงห่าวจึงต้องคิดฆ่าข้าด้วย”
เฉินเซินยิ้มหยันก่อนจะตอบไปว่า“เหตุผลเดาง่ายจะตายไป.. ก็เพื่อที่ไม่ให้มีใครมาแย่งตำแหน่งผู้นำตระกูลกับมันไงล่ะ! ตระกูลหลิงมีทายาทกี่คนเชียว แล้วคนที่เป็นหลานชายคนโตของตระกูลก็คือใครล่ะ.. ”
“มันก็คล้ายๆกับการปลูกหัวไชเท้านั่นล่ะหลุมหนึ่งก็จะมีหัวไชเท้าแค่หนึ่งหัวเท่านั้น ฉันว่านายน่าจะเข้าใจเรื่องนี้ดีกว่าฉันด้วยซ้ำไป”
“ตอนแรกฉันก็คิดว่าหลิงห่าวเป็นคนไม่รู้จักพอ แต่ความจริงแล้วมันไม่มีอะไรเทียบกับนายได้เลยต่างหาก ตอนนี้ฉันก็เพิ่งรู้ว่าหลิงห่าวมันก็ไม่ได้โง่อย่างที่ฉันคิด..”
เวลานี้เฉินเซินทั้งรู้สึกสำนึกผิดแล้วก็นึกเสียใจอย่างมาก..
รังสีสังหารปรากฏขึ้นในแววตาของหลิงหยุนวูบหนึ่งเขาจัดการปิดมือถือพร้อมกับถามต่อว่า “แล้วหลังจากนั้นล่ะ.. เหตุใดเจ้าจึงไม่ส่งคนมาฆ่าข้าใหม่”
เฉินเซินตอบกลับมาว่า “เพราะฉันคิดว่ามันเริ่มมีอะไรผิดปกติน่ะสิ! ฉันเริ่มรู้สึกว่าหมอนั่นไม่น่าจะเป็นแค่เด็กอ้วนธรรมดา แต่น่าจะเป็นยอดฝีมือ เพราะในคืนนั้น.. ฉันได้ใช้กล้องอินฟาเรดส่องดูแล้ว ฉันเห็นร่างกายของนายมีเลือดออกทั่วทุกทวาร แล้วก็นอนแน่นิ่งไม่หายใจเลย และฉันก็มั่นใจมากว่านายเสียชีวิตแล้วอย่างแน่นอน แต่ใครจะคิดว่าวันรุ่งขึ้นนายจะลุกขึ้นไปวิ่งอยู่ในสนามโรงเรียนแบบนั้น..”