บทที่ 203 ฉันชอบเธอ

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠)

บทที่ 203 ฉันชอบเธอ

หลังจากที่ออกมาจากห้องวิจัย มู่หรงเสวี่ยก็เดินตรงไปที่ห้องประชุม เธอเคาะที่ประตูและได้ยินเสียงดังออกมา “เชิญเข้ามาได้!”

เธอค่อยๆเปิดประตูและเดินเข้าไปเจอคนเพียงสองคนเท่านั้นที่อยู่ในห้องประชุม คนหนึ่งคือฮวงฟูอี้ ส่วนอีกคนคือหลงอี้

มู่หรงเสวี่ยเข้าไปไม่คิดว่าฮวงฟูอี้เองก็จะมาอยู่ที่นี่ด้วย

ตั้งแต่ที่คุณมู่หรงบอกว่ามีบางอย่างที่กำลังตามหาอยู่ หลงอี้ก็ทรมานในทุกวินาที มีเพียงพระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าเขาถูกดราก้อนมาสเตอร์จ้องอยู่หลายครั้งในห้องประชุม

“คุณมู่หรง มีอะไรให้ผมรับใช้เหรอครับ?” คำพูดของเขาไม่ชัดเจนถึงขนาดทำลายศักดิ์ศรีของเขา

“ฉันอยากที่จะสมัครเข้าร่วมกลุ่มพายุ ช่วยอนุญาตด้วย” มู่หรงพูดออกมา ถ้าเธอถามเรื่องพี่ใหญ่ออกไปตรงๆพวกเขาก็คงจะไม่บอกข่าวอะไรเธอแต่เธอสามารถสมัครเพื่อเข้าร่วมได้

“ไม่ได้! แผนกการแพทย์มังกรของคุณไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมภารกิจอันตราย อีกอย่างภารกิจของคุณก็คือการรักษาพวกเขา” หลงอี้ปฎิเสธโดยไม่ต้องคิดเลย ปกติแล้วการจัดสรรจะถูกทำโดยดราก้อนพาวิลเลี่ยน

สาวตาของมู่หรงเสวี่ยเข้มขึ้นไปชั่วขณะ “งั้นฉันขอรู้ได้ไหมว่าภารกิจของพวกเขาคืออะไร?” นี่มันก็สองอาทิตย์แล้วและโทรศัพท์ก็ติดต่อไม่ได้

“ไม่ได้! ภารกิจเป็นความลับ!” เมื่อพูดจบ หลงอี้ก็มองไปที่ฮวงฟูอี้อย่างระวัง
“เข้าใจแล้ว ขอตัวนะคะ!” มู่หรงเสวี่ยทำความเคารพตามธรรมเนียมและเตรียมที่จะเดินออกไป

บ้าจริง คุณมู่หรงจะออกไปทั้งแบบนี้ได้ยังไง? เธอไม่เห็นหรือไงว่าใครยืนอยู่นี่ด้วย?!!! “เดี๋ยว…รอก่อน!” ปากของหลงอี้รีบเอ้ยออกไป

มู่หรงชะงัก “ขอโทษนะคะ มีอะไรอีกงั้นเหรอ?” ไม่ใช่ว่าเธอไม่เห็นฮวงฟูอี้ แต่ท่าทางของเขาเย็นชามากจนเธอไม่อยากที่จะมองเขา เพราะงั้นเธอจึงอยากที่จะออกมาให้เร็วที่สุดเพื่อออกให้ห่างสายตาของเขา

“มีอย่างอื่น…ใช่…มีอย่างอื่น…คุณรอที่นี่ก่อน ผมจะออกไปเอาข้อมูล!” หลงอี้หาขออ้างและแม้แต่สีหน้าของดราก้อนมาสเตอร์เขาก็ไม่กล้าที่จะหันไปมอง เขาจึงรีบเดินออกไป ดราก้อนมาสเตอร์คงไม่อยากที่จะตัดมือเขา เขาเพิ่งจะทำเรื่องที่ดีอย่างมาก

ถึงแม้เขาจะอยากแอบฟังอยู่ที่ด้านนอกประตู แต่เขาก็ควรที่จะรีบออกไปให้ห่างเพื่อความปลอดภัยของชีวิตเขาเอง…โชคดีที่ห้องประชุมติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้ ฮ่าฮ่าฮ่า! เขาจะไปที่ห้องควบคุมกล้องวงจรปิด!!!

ในระหว่างที่พวกการ์ดที่กำลังเดินตรวจ เห็นว่าผู้บังคับบัญชาการของพวกเขาทำท่าทางราวกับคนบ้า ทั้งตบมือไปที่กำแพง ทั้งหัวเราะ

ในห้องประชุม มู่หรงเสวี่ยยังคงยืนอยู่ในท่าเดิม แม้แต่จะขยับเธอก็ยังรู้สึกว่าเป็นเรื่องยาก ความเงียบกระจายตัวระหว่างคนทั้งสอง

ในบรรยากาศที่น่าอึดอัด หัวใจของมู่หรงเสวี่ยเต้นรัวอย่างแรง เธอเงยหน้าขึ้นไปมองฮวงฟูอี้และพบว่าสายตาเย็นชาของเขากำลังจ้องมาที่เธอ เธอเบือนหน้าหนีโดยไม่รู้ตัว จึงไม่เห็นว่าในวินาทีที่เธอเบือนหน้าหนี ท่าทางของฮวงฟูอี้ดูไม่พอใจอยู่นิดหน่อย

“อี้…ไม่สิ ดราก้อนมาสเตอร์…” มู่หรงเสวี่ยจ้องอยู่นาน แต่ก็อดไม่ได้ที่จะพูดออกมา อย่างน้อยเธอก็ควรที่จะขอโทษ

ดราก้อนมาสเตอร์งั้นเหรอ?! พวกเขากลายเป็นคนแปลกหน้ากันตั้งแต่เมื่อไร? ตอนที่เขาเจอเธอเมื่อสองวันก่อนเธอยังดูมีความสุขมากอยู่เลย ถึงแม้เขาจะไม่ได้ทำหน้าดีๆใส่เธอแต่มันก็เพิ่งจะผ่านมาแค่วันเดียวเองแต่เธอก็เปลี่ยนไปอีกแล้ว ฮวงฟูอี้รู้สึกไม่พอใจกับความรู้สึกอึดอัดนี้ และสีหน้าของเขาก็กลายเป็นเย็นชาขึ้นเรื่อยๆแต่ก็ยังตอบออกไปว่า “อืม!”

หลงอี้ที่อยู่ในห้องควบคุมกล้อง เขากำลังจะทุบตะอย่างไม่พอใจ สองคนนี้เป็นอะไรกันเนี่ย? พวกเขาควรที่จะกอดกันอย่างอบอุ่นแล้วจูบกันและกันไม่ใช่เหรอ

มู่หรงเสวี่ยเดินเข้ามาหาฮวงฟูอี้และพูดออกมา “ฉันขอโทษ ฉันขอโทษสำหรับสิ่งที่ฉันพูดออกไปวันนั้น ฉันทำให้นายโกรธแต่ฉันไม่ได้หมายความตามนั้นจริงๆ…ฉันเกลียดตัวเองที่พูดออกไปแบบนั้น…”

“แล้วไงอีก?” อารมณ์ของฮวงฟูอี้ดีขึ้นมานิดหน่อยและร่างกายของเขาก็ยืนตรงขึ้นมาอีกหน่อย

“แล้วไงอีกงั้นเหรอ? ไม่มีแล้ว…” มู่หรงเสวี่ยคิดถึงเด็กสาวที่เธอเห็นวันนั้น วิธีที่เขาเอาผมมาทัดหูให้เธออย่างอ่อนโยนทำให้เธอปวดใจ

มุมปากของเขาที่เริ่มจะยกขึ้นเล็กน้อยจู่ๆก็กลับมาเย็นชาอีกครั้ง “เธอไม่มีอะไรที่จะพูดกับฉันแล้วงั้นเหรอ?”

ผู้หญิงคนนั้นคือใคร?! เธออยากที่จะถามแต่เธอมีสิทธิอะไร

“ฉัน…ฉัน…” ฉันชอบนาย! สีหน้าของมู่หรงเสวี่ยแดงระเรื่อแต่เธอก็พูดประโยคนั้นออกไปไม่ได้ ฮวงฟูอี้มองมาที่เธอด้วยรังษีของความคาดหวังในสายตา

หลงอี้ที่อยู่ในห้องควบคุมกล้องกัดฟันกรอด กำมือแน่นและตะโกนออกมาพร้อมๆกัน ไม่เอาน่า! เร็วเข้าสิ นี่ลุ้นมากกว่าการดูบอลโลกอีกนะเนี่ย

หลังจากนั้นสักพักฮวงฟูอี้ก็ทนไม่ไหว เขารวบรวมความกล้าและพูดออกมา “ฉันชอบเธอ…” ถึงแม้เธอจะปฎิเสธ เขาไม่ได้มีเจตนาที่จะให้เธอเห็นด้วย

ฮวงฟูอี้ทนไม่ไหวที่จะกอดเธอไว้ในอ้อมแขน เขารอเธอมานานมาก หัวใจของมู่หรงเสวี่ยเกือบที่จะทะลุออกมาข้างนอก และสีหน้าของเธอก็ร้อนผ่าว

คนทั้งสองกอดกันเงียบๆ เวลาผ่านไปนานโดยไม่พูดอะไร
หลงอี้แทบจะลุกขึ้นโห่ร้องในทันทีและสุดท้ายเขาก็ได้ออกจากทะเลแห่งความทรมานซะที

“อี้ ช่วยอธิบายให้ฉันเข้าใจทีได้ไหมว่าหมายความว่าไงที่ว่าชอบฉันน่ะ?” มู่หรงเสวี่ยเงยหน้าขึ้นมาถาม

ฮวงฟูอี้กอดเธออีกครั้ง “โง่จริง!”
มู่หรงเสวี่ยอดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มออกมา พวกเขาตกหลุมรักกัน!!!

“คืนนี้ไม่ต้องกลับหรอก ค้างกับฉันได้ไหม? ฉันไม่ได้หลับสบายมานานแล้ว…” ฮวงฟูอี้จูบเธอที่หน้าผากและกระซิบบอก

มู่หรงเสวี่ยพยักหน้าอย่างเขินๆ…ถึงตอนนี้เธอก็ยังไม่อยากจะเชื่อ…นี่ราวกับความฝันเลย

ฮวงฟูอี้ลุกขึ้น จับมือเธอและเดินไปที่ห้องทำงานเขา ในระหว่างทางเขาดึงดูดสายตาประหลาดใจของการ์ดได้มากมาย

“ดราก้อนมาสเตอร์ ท่านกลับมาแล้ว!” แทบจะในทันทีที่เธอเห็นประตูเปิดออก หลินเสี่ยวชิงก็เดินออกมาพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า เธอดูจะไม่สนใจท่าทางที่สนิทสนมของมู่หรงเสวี่ยกับฮวงฟูอี้เลย

“อือ!” ฮวงฟูอี้เปล่งเสียงออกมาเบาๆ แล้วดึงมือมู่หรงเดินนำเข้าไปข้างใน ร่างกายของมู่หรงเสวี่ยสะดุ้ง เธอยังไม่ลืมผู้หญิงคนนี้ แต่เมื่อเธอมองมาที่ฮวงฟูอี้ เขาดูไม่มีทีท่าว่าอยากที่จะอธิบายอะไรกับเธอ เธอกัดริมฝีปากและมองไปที่หลิวเสี่ยวชิงอีกครั้ง บนใบหน้าของเธอยังมีรอยยิ้มอ่อนโยนอยู่ เธอเหมือนดั่งกับสายลมในฤดูใบไม้ผลิ

ทำไมเธอถึงไม่โกรธล่ะ?! เธอดูราวกับมองไม่เห็นเธอเลยสักนิด ถ้าเธอเกี่ยวข้องอะไรกับฮวงฟูอี้ก็ควรที่จะโกรธไม่ใช่เหรอ?!! มู่หรงเสวี่ยไม่รู้ว่าจะทำตัวยังไง

เมื่อเขาเดินเข้าไปในห้องทำงาน เธอก็เดินเข้ามาช่วยถอดเสื้อโค้ตให้กับฮวงฟูอี้และเอาไปแขวนไว้ตรงหน้าเขา

มู่หรงเสวี่ยมองหลินเสี่ยวชิงทำทุกอย่างนี้แล้วเธอก็ไปยืนอยู่เงียบๆข้างหลังฮวงฟูอี้พร้อมด้วยรอยยิ้มที่มุมปาก และสายตาที่เปล่งประกายก็จ้องอย่างอ่อนโยนไปที่ฮวงฟูอี้

หลิวเสี่ยวชิงจะสนใจเรื่องนี้ทำไม นี่ยังไม่พูดถึงผู้หญิงอีกเป็นร้อยที่อยู่ในพระราชวังดราก้อนพาวิลเลี่ยน พวกเธอทุกคนต่างก็ถูกเตรียมไว้เพื่อฮวงฟูอี้ ถ้าเธอสนใจเรื่องพวกเธอ เธอก็คงจะต้องโกรธอย่างมาก พวกเธอถูกสอนมาว่าดราก้อนมาสเตอร์เป็นของทุกคน เธอไม่สนใจไม่ว่าดราก้อนมาสเตอร์จะอยู่กับผู้หญิงคนไหน ตราบใดที่เขายังต้องการเธอ ผู้หญิงที่ดราก้อนมาสเตอร์พากลับมาด้วยเธอได้ทำการตรวจสอบตัวตนแล้ว เธอก็เป็นเพียงแค่ผู้หญิงบ้านนอกธรรมดาๆ ไม่มีค่าอะไรที่จะต้องมาสนใจ

มู่หรงเสวี่ยยืนอยู่ตรงนั้นและจู่ๆก็รู้สึกว่าที่นี่ไม่เหมาะกับเธอเท่าไร ราวกับเธอเป็นเครื่องประดับที่ไม่จำเป็น หลินเสี่ยวชิงรู้เสมอว่าเขาต้องการอะไรและรีบเข้าไปดูแลในทันที

สถานการณ์แบบนี้ทำให้มู่หรงเสวี่ยรู้สึกหายใจไม่ออก

ฮวงฟูอี้ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวตอนที่เขาเห็นงานของตัวเองและเริ่มที่จะลงมือจัดการ อันที่จริงวันนี้เขาเกือบจะเสียเวลาทั้งวันไปกับมู่หรงเสวี่ย แต่เขาก็อดที่จะกลับมาทำงานต่อไม่ได้ เขาทำเพียงเงยหน้าขึ้นมาและพูดด้วยเสียงเบา “เสี่ยวเสวี่ยไปพักก่อนเถอะ ฉันขอจัดการกับงานตรงนี้หน่อย…”

เขาบอกให้เธอไปนอนแต่ปล่อยให้ผู้หญิงอีกคนอยู่ต่อเพื่อช่วยเขา…เธอรู้ว่าตัวเองไม่ควรที่จะรู้สึกแบบนี้แต่ความหึงในหัวใจก้เก็บซ่อนไว้ไม่ได้ ในช่วงเวลานี้มีความรู้สึกแบบนี้เข้ามาในหัวใจของเธออีกแล้ว

ถึงแม้หลินเสี่ยวชิงจะบอกว่าเธอไม่สนใจแต่ก็อดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบ หางตาของเธอเห็นท่าทางนิ่งอึ้งของมู่หรงเสวี่ย เธอก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มที่มุมปาก ในระดับแบบนี้ เธอไม่มีคุณสมบัติที่จะได้เข้าไปในพระราชวังของดราก้อนพาวิลเลี่ยนด้วยซ้ำ

มู่หรงเสวี่ยมองไปที่ท่าทางจริงจังของเขาและพูดเรื่องที่เธออยากจะถามออกไปไม่ได้ เธอเดินไปที่โซฟาที่อยู่ข้างๆเขาและเก็บกดความขมขื่นไว้ในหัวใจ เธอหยิบหนังสือและพยายามที่จะเบี่ยงเบนความสนใจ อย่างไรก็ตามเธอก็รู้สึกว่าตัวเองแคร์เรื่องนี้อย่างมาก เมื่อสายตาของหลินเสี่ยวชิงมองมาที่เธอ ก็เห็นว่าเธอกำลังอ่านหนังสือมาสองชั่วโมงแล้ว ถึงแม้พวกเขาจะไม่ได้คุยอะไรกันแต่พวกเขาก็ดูพร้อมเพรียงกันอย่างมาก

ทำให้เธอรู้สึกว่าพวกเขาเหมาะสมกันมาก
อันที่จริง ฮวงฟูอี้มองหลิวเสี่ยวชิงเหมือนเป็นอากาศธาตุ เขาเพียงแค่สนใจอยู่แต่กับเรื่องงาน เขาไม่ได้สังเกตเลยว่าใครชงชาให้เขาและใครที่เอาเอกสารมาให้เขา อีกอย่างหลินเสี่ยวชิงก็ช่วยเขาทำเรื่องเล็กๆน้อยๆในออฟฟิศตั้งแต่วันนั้นจนเขาเกือบที่จะชินไปแล้ว

มู่หรงเสวี่ยรออยู่นานมาก นี่มันก็ผ่านไปหลายชั่วโมงแล้วและนี่มันก็ตีสองแล้วด้วย ฮวงฟูอี้ทำงานแทบจะไม่หยุด ตั้งแต่แรกเธอก็ไม่พอใจมากอยู่แล้วที่มีผู้หญิงมาอยู่ในห้องทำงานของฮวงฟูอี้ และตอนนี้เธอก็หลงรักเขาอย่างที่สุดไปเลย เธออดคิดไม่ได้ว่าเมื่อก่อนเขาทำงานหนักขนาดนี้โดยที่เธอไม่ได้ให้ความสนใจหรือเปล่า

เธอวางหนังสือลง ลุกขึ้นและเดินไปที่ฮวงฟูอี้ ขนาดว่าเธอเดินไปอยู่ข้างๆเขา เขาก็ยังไม่รู้ตัว นี่เขาจะไม่เสียสมาธิแม้สักวินาทีเลยหรือไง เขายังจ้องไปที่กองเอกสารและบางครั้งก็กดบางอย่างลงไปที่แป้นพิมพ์อัจฉริยะบนโต๊ะ

มู่หรงเสวี่ยอดไม่ได้และภายใต้สายตาประหลาดใจของหลินเสี่ยวชิง เธอยื่นมือออกไปและจับเข้าที่มือเขา ฮวงฟูอี้ขมวดคิ้ว หันหัวมาและแทบจะแสดงอารมณ์โกรธออกมา เมื่อเขาเห็นว่าเป็นมู่หรงเสวี่ยจึงกลืนความโกรธเข้าไปและพูดออกมา “มีอะไรเหรอ?”

หลินเสี่ยวชิงแปลกใจที่ทำไมดราก้อนมาสเตอร์ถึงไม่ระเบิดอารมณ์ออกมา หลินเสี่ยวชิงประหลาดใจมากและแทบไม่อยากที่จะเชื่อ เธอเกือบจะไม่กล้าที่จะแตะต้องดราก้อนมาสเตอร์เลย ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากที่จะแตะต้องตัวเขา เธอเคยลองแล้วและหลังจากนั้นดราก้อนมาสเตอร์ก็โมโหมากและสั่งขังเธอเป็นอาทิตย์

มู่หรงเสวี่ยพูดเสียงเบา “ได้เวลาพักแล้ว นี่มันดึกแล้วนะ…”

“กี่โมงแล้วเหรอ ฉันไม่ได้ดูเวลาเลย…” ฮวงฟูอี้มองไปที่นาฬิกา “ตีสองแล้ว หรือไม่งั้นเสี่ยวเสวี่ยไปพักก่อนก็ได้ ห้องพักอยู่ข้างๆ…ฉันคงยุ่งอีกสักพัก…”

มู่หรงกอดฮวงฟูอี้ทันทีพร้อมทั้งพูดออกมา “ฉันง่วงแล้ว ไปนอนกับฉันหน่อยได้ไหม?”

ในตอนนี้หลินเสี่ยวชิงไม่อยากจะให้เธอได้พักอย่างสบายเลย
ฮวงฟูอี้ทนท่าทางที่อ่อนหวานของมู่หรงเสวี่ยไม่ไหว เขาแทบจะลุกขึ้นมาในทันทีและพูดออกมา “ได้ ได้ ฉันจะไปนอนกับเธอ…”
ทั้งคู่เดินเข้าไปในห้องข้างๆด้วยกันแล้วกำแพงก็ปิดลงแทบจะในทันที ทั้งคู่ไปโดยไม่สนใจหลินเสี่ยวชิงที่ยังยืนนิ่งอยู่ในที่เดิมเลย

ผู้หญิงคนนั้น หลินเสี่ยวชิงคิดว่ามู่หรงเสวี่ยไม่ใช่ภัยคุกคาม แต่เธอลืมความจริงที่ว่าดราก้อนมาสเตอร์พิเศษสำหรับเธอไป ถ้าดราก้อนมาสเตอร์ต้องการมู่หรงเสวี่ยคนเดียว แล้วพวกผู้หญิงที่อยู่เพื่อดราก้อนมาสเตอร์มากตั้งแต่ยังเด็กๆจะมีความสำคัญอะไรล่ะ ดูเหมือนว่าแผนการจะต้องเปลี่ยนอีกแล้ว หลินเสี่ยวชิงแอบตัดสินใจอย่างลับๆอยู่ในหัวใจ แล้วเธอก็มองไปที่กำแพงซึ่งถูกปิดไปเรียบร้อยแล้วและเดินออกไปข้างนอก ที่อีกฝั่งมีทางออกสำหรับเธอให้เดินออกไปได้ แต่เธอไม่เคยเข้าไปในห้องเลยสักครั้ง เธอไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นผู้หญิงของดราก้อนมาสเตอร์ แต่ยอมให้ผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้เข้าไปได้ นี่ราวกับเป็นการตบเธอเข้าที่หน้า

หลังจากที่เข้าไปในห้อง ฮวงฟูอี้ก็ถอดเสื้อผ้าออกทันทีซึ่งทำให้มู่หรงเสวี่ยกระโดดห่างออกไปทันที “นายจะทำอะไร?”

“ฉันจะไปอาบน้ำแล้วค่อยมานอน ฉันเหนื่อยมาทั้งวันเลย” ฮวงฟูอี้พูดพร้อมกับถอดเสื้อผ้า

มู่หรงเมื่อเห็นว่าเขาเหลือเพียงกางเกงใน เธอก็หน้าแดงระเรื่อและรีบหันหลังทันที “นาย…นายรีบเข้าไปเลย…”