บทที่ 204 การเกิดใหม่ของเสี่ยวเข่อลี่
“อยากมาอาบกับฉันด้วยไหม?” ฮวงฟูอี้มองไปที่มู่หรงเสวี่ยที่กำลังเขินและพูดออกมา
“ใครอยากจะไปอาบกับนายกันเล่า!” มู่หรงเสวี่ยพูดอย่างอายๆ
เมื่อฮวงฟูอี้เดินออกมา เขาก็เห็นว่ามู่หรงเสวี่ยกำลังนอนอยู่ที่ขอบเตียงและยังคงสวมชุดเสื้อผ้าปลอดเชื้ออยู่เลย เขาไม่มีทางเลือกนอกจากยิ้มแล้วก็ค่อยๆอุ้มเธอขึ้นมาและถอดเสื้อผ้าปลอดเชื้อให้เธอ ตอนนี้เขามีความสุขอย่างมากโดยไม่ได้มีร่องรอยของความต้องการ
เขากอดมู่หรงเสวี่ยอย่างพอใจและไม่นานก็หลับไป
วันต่อมา หลังจากรุ่งสางมู่หรงเสวี่ยก็เห็นว่าตอนนี้เธอกำลังเปลือยเปล่าราวกับกุ้งต้ม แทนที่จะปลุกฮวงฟูอี้ เธอกลับหยิบเสื้อคลุมและรีบเดินเข้าไปในห้องน้ำ หลังจากที่อาบน้ำแล้วเธอก็สวมชุดปลอดเชื้ออีกครั้ง
เมื่อเธอเดินออกมา ก็เห็นว่าฮวงฟูอี้ตื่นและลุกขึ้นมาแล้ว
เขาหลี่ตาเล็กน้อยและพูดออกมาว่า “ในตู้เสื้อผ้าที่นี่มีเสื้อผ้าที่เหมาะกับเธออยู่นะ เลือกที่เธอชอบเลยแล้วเปลี่ยนชุดซะ…”
มู่หรงเสวี่ยเปิดตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่และเห็นว่าครึ่งตู้เป็นเสื้อผ้าของฮวงฟูอี้ ส่วนอีกครึ่งเป็นเสื้อผ้าสวยๆของผู้หญิง เธอนึกถึงผู้หญิงที่เจอเมื่อวานแล้วก็ต้องกัดริมฝีปากและถามออกมาอย่างเคร่งเครียด “ผู้หญิงคนเมื่อวานคือใคร…”
“ใครเหรอ? หลินเสี่ยวชิงเหรอ? เธอเป็น…” ตัวแทนของเธอแล้วจู่ๆเขาก็นึกได้ว่าเขาไม่กล้าที่จะพูดแบบนั้น จึงเปลี่ยนคำพูดและตอบออกไปว่า “เธอไม่สำคัญหรอก มีเรื่องอะไรเหรอ?”
“พวกนายดูสนิทกันมากเลยนะ ฉันไม่ค่อยพอใจเท่าไรเลย!” มู่หรงเสวี่ยพูด
ในหัวใจฮวงฟูอี้รู้สึกมีความสุขจึงเข้าไปกอดเธอ “ถ้าเธอไม่ชอบ งั้นต่อไปฉันจะไม่ให้เธอโผล่หน้ามาอีกแล้ว”
มู่หรงเสวี่ยกะพริบดวงตาที่กลมโต ในหัวใจรู้สึกถึงความหวานซึ้ง “จริงเหรอ?”
ฮวงฟูอี้ทนสายตาที่น่ารักไม่ได้จึงพูดย้ำออกมาอีกครั้ง “แน่นอนสิ งั้นไปบอกเลยแล้วกัน!” เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาทันทีและออกคำสั่งกับหลงอี้ไป
มู่หรงเสวี่ยกระโดดกอดเขาอย่างมีความสุขพร้อมทั้งจุ๊บเขาเพื่อแสดงถึงความสุขของเธอ “นี่เป็นรางวัล!”
ฮวงฟูอี้มองเข้าไปในตาเธอ สายตาที่เคร่งเครียดค่อยๆจางลงเผยให้เห็นสีที่สดใสของดวงตา
มู่หรงเสวี่ยพอได้สติก็ปล่อยมือและจึงพูดออกไปว่า “อี้ ฉันหิวแล้ว ไปกินข้าวเช้ากันเถอะ!” แต่ปลายหูที่ยังแดงระเรื่อช่างไม่เข้ากับหัวใจที่แกล้งทำเป็นสงบนิ่งของเธอเลย
หลังจากที่กินข้าวเสร็จ มู่หรงเสวี่ยก็ออกมาจากห้องทำงานของฮวงฟูอี้ เธอยังไม่ลืมสิ่งที่น่าตกใจที่ได้เห็นในห้องวิจัยเมื่อคืน เธอจะต้องรีบลงมือทำงานให้เร็วที่สุด
หลังจากที่ได้รับสายจากหลงอี้ หลิงเสี่ยวชิงก็แทบจะเก็บสีหน้าบิดเบี้ยวไว้ไม่อยู่ ไม่คิดเลยว่าผู้หญิงคนนั้นจะมีฝีมือขนาดนี้ ในเมื่อเธอไม่ได้เขา งั้นก็อย่ามาหาว่าเธอใจร้ายก็แล้วกัน
ตอนที่มู่หรงเสวี่ยออกมาจากห้องวิจัยก็เที่ยงพอดี คืนนี้เธออยากที่จะเข้าไปในมิติลับเพื่อที่จะอ่านหนังสือ เธอยังมีเจอวิธีแก้ของปัญหามากมายจึงอยากที่จะเข้าไปเพื่อหาไอเดียและวิธีซะหน่อย
เธอส่งข้อความไปหาฮวงฟูอี้บอกว่าเธอจะกลับไปที่วิลล่าและขับรถออกไป ทันทีที่เธอกำลังจะเข้าไปในมิติลับเธอก็ได้รับสายเบอร์แปลกๆที่ไม่ขึ้นชื่อคนโทร
“ฮัลโหล ฮัลโหล?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า…” ที่ปลายสายมีเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งของผู้หญิงอยู่หลายคน
มู่หรงเสวี่ยขมวดคิ้ว คิดว่าตัวเองคงเพิ่งได้รับสายคุกคาม ทันทีที่เธอกำลังจะกอดวางสายก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังมาจากอีกฝ่าย
“มู่หรงเสวี่ย ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ!”
มู่หรงเสวี่ยตกใจ รีบลุกจากโซฟาที่กำลังนั่งขึ้นมายืนทันที “เสี่ยวเข่อลี่ เธออยู่ที่ไหน?”
“ฉันอยู่ที่ไหนงั้นเหรอ?!! จะให้คนมาคอยตามฉันอีกหรือไง?!! ฮ่าฮ่าฮ่า มู่หรงเสวี่ย ฉันเกลียดเธอจริงๆเลย”
มู่หรงเสวี่ยรู้สึกเย็นยะเยือกในหัวใจ เธอรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีเลย “เธอกำลังพูดเรื่องอะไร?”
“ดีจริงๆที่ได้กลับมาเกิดใหม่! มู่หรงเสวี่ย เธอคิดว่าตัวเธอจะหนีพ้นหรือไง…”
มู่หรงเกือบจะทำโทรศัพท์ตก ความตกใจในใจตอนนี้มันเทียบไม่ได้เลย เธอรู้เรื่องนี้ได้ยังไง?!!
“ฮ่าฮ่าฮ่า เธอกำลังคิดว่าฉันรู้ได้ยังไงใช่ไหม?!! มู่หรงเสวี่ย เธอตายแน่เพราะฉันกลับมาแล้ว ฮ่าฮ่า”
“นี่เธอบ้าไปแล้วหรือไง!” มู่หรงเสวี่ยปฎิเสธความตกใจในหัวใจและพูดออกไป “เป็นไปไม่ได้” ไม่มีใครรู้ว่าเธอกลับมาเกิดใหม่ เธอไม่เคยบอกเรื่องนี้กับใคร
ที่ปลายสายน้ำเสียงของเสี่ยวเข่อลี่ยิ่งยโสมากขึ้นไปอีก “มู่หรงเสวี่ย เธอลืมไปแล้วหรือไงว่าในชีวิตที่แล้วที่ห้องใต้ดินฉันทรมานเธอยังไงบ้าง?”
มู่หรงเสวี่ยทรุดลงไปนั่งที่โซฟาทันที และสิ่งที่เธอกลัวก็กลายเป็นเรื่องจริง เธอจะลืมได้ยังไงในเมื่อความเกลียดชังนี้มันยังฝั่งลึกอยู่ในหัวใจเธอมาตลอดเวลา เธอค่อยๆตั้งสติกลับมาและถามออกไป “เธออยู่ที่ไหน?”
“เธอไม่มีสิทธิที่จะมาถามฉัน มู่หรงเสวี่ย ตอนนี้พ่อแม่เธออยู่ในมือฉันแล้ว! ถ้าฉลาดก็ส่งกำไรมาให้ฉัน เข้าใจไหม?! ไม่งั้นฉันก็ไม่รับประกันนะว่าพวกท่านจะเป็นยังไง…ฮ่าฮ่า…”
“เธอจะทำอะไร?! ฉันขอเตือนนะว่าอย่ายุ่งกับพ่อแม่ฉัน” ความตื่นกลัวในหัวใจของมู่หรงเสวี่ยพุ่งขึ้นมาอีกครั้ง และหวนนึกถึงความเศร้าในชีวิตที่แล้ว
“มู่หรงเสวี่ย ระวังน้ำเสียงที่พูดออกมาหน่อยนะ ตอนนี้เธอกำลังขอร้องฉันจำได้ไหม?!! ช่วยเตรียมกำไลมิติลับให้พร้อมด้วย พ่อแม่เธอมีเวลาจำกัดนะ…” แล้วเธอก็วางสายไป
มู่หรงยืนฟังเสียง “ตุ๊ด ตุ๊ด…” ด้วยสีหน้าที่ซีดเผือด!
สักพักเธอก็รีบกดโทรหาแม่ ไม่รับสาย โทรหาพ่อก็ไม่รับสายเหมือนกัน หัวใจเธอยิ่งตืนตระหนกมากขึ้นไปอีกแล้วเธอก็กดโทรเข้าบ้านมู่หรง
หลังจากที่ดังอยู่สักพัก คุณป้าหวู่ก็รับโทรศัพท์
“ป้าหวู่คะ พ่อกับแม่อยู่ที่บ้านหรือเปล่าคะ?” มู่หรงรีบถามออกไป
“คุณหนู ป้าแปลกใจมากที่คุณท่านกับคุณนายไม่ได้กลับบ้านมาวันหนึ่งแล้วค่ะ…”
ส่วนเรื่องที่ป้าหวู่พูดหลังจากนั้น มู่หรงเสวี่ยไม่ได้ฟังเลยสักนิด
สวรรค์ทำแบบนี้กับเธออีกแล้วแต่เธอไม่มีเวลามานั่งเสียใจ เธอกดโทรหาคุณปู่คุณย่า
โชคดีที่พวกท่านไม่ดูแตกต่างไปเลยสักนิด มู่หรงเสวี่ยไม่ได้พูดถึงเรื่องที่พ่อแม่เธอหายตัวไป เธอเพียงแค่หาข้ออ้างและรีบวางสายไป เธอกดโทรกลับไปที่เบอร์ที่เพิ่งโทรเข้ามา “เสี่ยวเข่อลี่ ฉันจะให้กำไลมิติลับกับเธอแต่ฉันต้องเห็นพ่อแม่ก่อนเท่านั้น!”
“เธอไม่มีสิทธิมาเรียกร้องอะไรจากฉัน…” “งั้นถ้าเธอไม่ให้ฉันเจอ ฉันก็จะทำร้ายกำไลตอนนี้เลย มันไม่ได้มีค่าอะไร ยังไงซะนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันมีชีวิต…” มู่หรงเสวี่ยพูดอย่างไม่สนใจ
เสี่ยวเข่อลี่ ผู้หญิงคนนี้ถึงแม้เธอจะให้กำไลไปแต่เธอก็คงไม่ยอมปล่อยพ่อแม่ของเธอไปอยู่ดี เธอทำได้เพียงโทษตัวเอง ก่อนหน้านี้เธอไม่แข็งแกร่งพอที่จะสู้กับเสี่ยวเข่อลี่ ตอนนี้เธอคิดว่าองค์กรที่คอยหนุนหลังเสี่ยวเข่อลี่คือองค์กรเดียวกับที่มีเรื่องกับดราก้อนพาวิลเลี่ยนในชีวิตที่แล้วครั้งหนึ่งเธอเคยเห็นยาแปลกๆพวกนั้นอยู่กับเสี่ยวเข่อลี่ เธอคงจะเอายาพวกนั้นมาทดลองให้เธอลอง แต่เธอไม่เคยเห็นใครที่ดูร้ายแรงเหมือนกับพวกคนที่ดราก้อนพาวิลเลี่ยนเลย
นี่คือเหตุผลที่เธอไม่ได้ทำอะไรเสี่ยวเข่อลี่และฟางฉีฮัวตั้งแต่ที่เธอกลับมาเกิดอีกครั้ง ส่วนอีกเหตุผลก็เพราะชางกวนโม่ที่ในตอนนั้นบอกว่าจะจัดการฟางฉีฮัวแต่เธอก็ยังเห็นเขาปลอยภัยและสบายดีทุกอย่าง คิดว่าเรื่องของฟางฉีฮัวและเสี่ยวเข่อลี่คงจะซับซ้อนมากกว่าที่เธอคิดไว้มาก
เธอพยายามที่จะขยายอำนาจของตัวเอง ไม่คิดเลยว่าเสี่ยวเข่อลี่เองก็จะสามารถที่จะฟื้นความทรงจำของชีวิตที่แล้วได้ด้วย เธอคิดว่าการได้กลับมาเกิดใหม่จะเป็นความเมตตาของพระเจ้า แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่แบบนั้นแล้ว
“เธอ…คุณป้าไม่มีความสำคัญสำหรับเธอเลยหรือไง!” เสี่ยวเข่อลี่ถามอย่างประชดประชัน เธอไม่เชื่อหรอกว่ามู่หรงเสวี่ยจะไม่สนใจพ่อแม่ของตัวเอง
มู่หรงเสวี่ยเก็บกดความตื่นตระหนกไว้ก้อนบึ้งหัวใจ และแกล้งทำเป็นพูดออกไปอย่างไม่สนใจต่อ “นี่เธอคิดว่าฉันยังเป็นมู่หรงเสวี่ยคนที่แล้วอยู่หรือไง?!! ถ้าพ่อแม่ฉันเป็นอันตรายแม้แต่นิดเดียว ฉันไม่ปล่อยเธอไว้แน่!” มู่หรงเสวี่ยพูดอย่างโกรธเกรี้ยว
เสี่ยวเข่อลี่เงียบ เธอไม่คิดเลยว่าตอนนี้มู่หรงเสวี่ยจะกล้าขนาดนี้ อย่างไรก็ตามเธอเองก็รู้สึกเศร้าด้วยเหมือนกัน เธอต้องกลับมาใช้ชีวิตซ้ำแบบเดิมอีกครั้งแล้ว!!! เธอคิดถึงน้ำแห่งจิตวิญญาณและยามหัศจรรย์ที่อยู่ในกำไล ทำยังไงเธอถึงจะได้มันมา? โดยเฉพาะเมื่อเธอเห็นว่าคุณลุงคุณป้าของเธอดูเด็กลงและสวยหล่อมากขึ้นแค่ไหน เธอก็รู้เลยว่ามู่หรงเสวี่ยจะต้องเอาของในมิติลับออกมาแน่ๆ
มู่หรงเสวี่ยยังรอการตัดสินใจของเสี่ยวเข่อลี่อยู่ ฝ่ามือที่กังวลของเธอชุ่มไปด้วยเหงื่อ…แต่ก็ยังไม่พูดอะไรออกไปก่อน การจะคุยกับเสี่ยวเข่อลี่ต้องใช้มากกว่าความอดทน ถ้าเธอเปิดปากพูดออกไปก่อน เธอก็จะเป็นฝ่ายที่ต้องแพ้ก่อน
“โอเค ฉันจะยอมให้เธอได้เจอคุณป้า แต่เธอต้องมาที่นี่คนเดียว ถ้าเธอเล่นตุกติกก้อย่ามาโทษที่ฉันใจร้ายแล้วกัน…” เสี่ยวเข่อลี่พูด คุณป้าอยู่ในมือของเธอ มันช่วยไม่ได้แต่เธอต้องแย่งกำไลมาครอบครองให้ได้
“ได้ ฉันสัญญา!” ประกายเย็นชาแวบขึ้นมาในสายตาของมู่หรงเสวี่ย
“อีกครึ่งชั่วโมงจะมีรถไปรับเธอที่หน้าประตูวิลล่าของเธอ!” เสี่ยวเข่อลี่พูดและวางสายไป
ถ้าเมื่อหลายเดือนก่อนเธอไม่บังเอิญได้รับอุบัติเหตุที่หัวเพราะมู่หรงเสวี่ยเข้ามาวุ่นวายกับเธอ เธอก็คงจะไม่ได้กลับมาเกิดใหม่หรอก เรื่องนี้ทำให้เธอได้ความทรงจำกลับมาและได้รู้ว่ามู่หรงเสวี่ยกลับมาเกิดใหม่เร็วกว่าเธอไปก้าวเดียวเท่านั้น
อย่างไรก็ตามความผิดพลาดครั้งใหญ่ของมู่หรงเสวี่ยก็คือการไม่ฆ่าเธอ ถึงแม้เธอจะได้กลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง แต่เธอก็จะทำให้ชีวิตเธอแย่ยิ่งกว่าความตายซะอีก นังผู้หญิงชั้นต่ำคนนี้ เธอไม่คู่ควรกับของพวกนี้
หลังจากที่เธอฟื้นขึ้นมา เธอก็เจอกับพ่อของตัวเอง ผู้ชายสาระเลว จากความทรงจำของชีวิตที่แล้ว แต่ถึงแม้เธอจะเกลียดเขาเข้ากระดูกดำแต่เธอก็ยังต้องการอำนาจของเขา…ดวงตาของเสี่ยวเข่อลี่แวบประกายความบ้าคลั่ง…สีหน้าที่แสดงออกมาของเธอซ้อนทับเข้ากับเสี่ยวเข่อลี่ในชีวิตที่แล้วแต่บิดเบี้ยวมากกว่า