บทที่ 406 นายเป็นใครกันแน

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

“นาย นายเป็นผู้แข็งแกร่งระดับดินเหรอ?”

เจ็ดสังหารตาเบิกกว้าง มองเย่เทียนด้วยสีหน้าผวา แม้กระทั่งตอนพูดยังเสียงสั่น

เย่เทียนดีดนิ้วดังเป๊าะ และพูดเสียงก้อง “ก่อนหน้านี้เธอบอกว่าสืบเรื่องฉันมาแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงเพิ่งรู้เอาตอนนี้ล่ะ?”

เมื่อได้รับคำตอบยืนยันแล้ว สีหน้าเจ็ดสังหารฉายแววสิ้นหวังขึ้นมาทันที

พลังของเธออยู่แค่ระดับดำชั้นกลาง ไม่มีทางหนีรอดจากมือของผู้แข็งแกร่งระดับดินได้เลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเธอที่บัดนี้โดนหักแขนทั้งสองข้าง

ปึ้ง!

ในตอนนั้นเอง ประตูห้องโดนคนอื่นเตะเปิดจากข้างนอกอย่างป่าเถื่อน มีสิบกว่าคนพุ่งเข้ามา คนที่นำอยู่นอกจากหยางซิงที่เพิ่งออกไปอย่างเสียหน้าเมื่อกี้แล้วจะมีใครอีก?

เมื่อเห็นชัดแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นในห้อง สีหน้าหยางซิงก็เปลี่ยนไปทันที เขารีบคำรามออกคำสั่ง

“ฆ่าเขาซะ! ยิงเขาให้พรุนไปเลย!”

ขณะที่พูด หยางซิงชิงหยิบปืนออกมาจากเอว เล็งปากปืนเย็นยะเยือกไปที่เย่เทียน และลั่นไกอย่างโหดเหี้ยม

ไม่ใช่แค่เขา ลูกน้องสิบกว่าคนที่ได้รับคำสั่งก็รีบควักอาวุธติดตัวออกมาเช่นกัน และลั่นไกใส่เย่เทียนด้วยรอยยิ้มโหดเหี้ยม

ปังปัง!

ปากปืนมากมายล้วนปะทุออกมา กระสุนที่ถูกยิงนั้นสาดไปหาเย่เทียนประหนึ่งพายุฝน

ภายใต้ไฟรบอันรุนแรงนี้ อย่าว่าแต่คนคนหนึ่งเลย ต่อให้เป็นแผ่นเหล็กก็ต้องโดนยิงจะเละตุ้มเป๊ะ!

แต่ นั่นหมายถึงสถานการณ์ทั่วๆไป เย่เทียนจะสนอะไรกับของเด็กเล่นพรรคนี้

“เฮอะ!” เย่เทียนกระตุกยิ้มมุมปากอย่างดูแคลน ยกมือขึ้นข้างเดียวไวดุจสายฟ้า

เคว้งเคว้ง!

ภาพมหัศจรรย์เกิดขึ้น กระสุนที่สาดไปหาเย่เทียนกลับหยุดกลางอากาศ ราวกับโดนกำแพงที่มองไม่เห็นขวางกั้นไว้

โล่ทิพย์ป้องกันกาย!

เมื่อก้าวเข้าสู่ระดับดำ จะมีโล่ทิพย์โดยอัตโนมัติ จะปล่อยออกมาหรือจะเก็บก็ทำได้ตามใจชอบ สามารถขวางกั้นกำลังนับหมื่นโลได้ แค่กระสุนปืนจะทลายได้ยังไง?!

“นี่มัน นี่มัน…..”

เหล่าลูกน้องเห็นท่าก็ตาโตอ้าปากค้างในบัดดล พวกเขาเคยเห็นเรื่องพิศวงขนาดนี้ที่ไหนกัน

ลั่นไกจนสุดแล้ว กระสุนก็ยิงไปหมดแล้ว กลับทำอะไรเย่เทียนไม่ได้เลย แถมยังลอยค้างอยู่กลางอากาศอย่างพิสดาร นี่มันเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแค่ในหนังไม่ใช่เหรอ?

กลับเป็นหยางซิงที่หน้าเสียราวกับพ่อแม่ตาย

ยังไงซะเขาก็เคยเข้าร่วมศึกสุดท้ายที่แก๊งมังกรดับสูญ และได้เห็นการต่อสู้ระหว่างเย่เทียนและหมาป่าโลภกับตา แต่ตอนนั้นเย่เทียนต้องการจับเป็นหมาป่าโลภจึงไม่ได้ทุ่มพลังทั้งหมด แม้เขาจะนับถือในใจ แต่ก็ไม่ถึงขั้นไม่เคยคิดจะต่อต้านเลย

แต่เจ็ดสังหารไม่เหมือนกัน

ถึงแม้เจ็ดสังหารจะเป็นผู้หญิง แต่ตอนนั้นเธอสามารถข้ามผ่านการรักษาความปลอดภัยอันแน่นหนา ลอบเข้ามาในห้องนอนเขาโดยไม่ให้สุ้มให้เสียง และทำให้เขาได้เห็นผู้หญิงที่เมื่อกี้ทำศึกหนักกันอยู่กลายเป็นกองเลือดภายในห้านาทีกับตา

ภาพโหดร้ายและคาวเลือดนี้ส่งผลให้เขาไม่มีความคิดจะต่อต้านเลยสักนิด!

และเพราะเหตุนี้ ตอนที่เจ็ดสังหารให้ทางเลือกเขาสองทาง ไม่ทรยศแก๊งมังกรเขียวก็กลายเป็นกองเลือด หยางซิงเลือกข้อแรกโดยไม่ลังเล

ว่ากันว่า คนเราอยู่ในยุทธภพ ไม่อาจทำตามใจตนเอง

ถ้าจะบอกว่าตอนแรกเขาถูกบีบบังคับให้ทรยศ แต่คล้อยหลังการแตกของแก๊งมังกรเขียว เขาเป็นฝ่ายเดียวกับเจ็ดสังหารเต็มหัวใจแล้ว

ไม่มีเหตุผลอื่น แต่ฝีมือที่เจ็ดสังหารแสดงให้เห็นเหลือเชื่อเกินไป รวมถึงกันกระสุนด้วยมือเปล่า จนเขารู้สึกขอบคุณเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้มาก

เย่เทียนต่อสู้เก่งแล้วยังไง? จะเป็นคู่ต่อสู้ของคุณเจ็ดสังหารได้ยังไง?

แต่ตอนนี้ความเป็นจริงได้ตบหน้าเขาอย่างแรงด้วยเสียงดังฟังชัด เขาคิดไม่ถึงเลยว่าเย่เทียนก็กันกระสุนด้วยมือเปล่าได้ และสามารถล้มเจ็ดสังหารได้อย่างง่ายดาย

“มีความสามารถงูๆปลาๆแค่นี้นายยังมีหน้าเป็นคนทรยศอีกเหรอ ไม่รู้ที่ต่ำที่สูงซะจริง”

เย่เทียนไม่สนหรอกว่าหยางซิงคิดอะไรอยู่ เขาเหลือบมองเขานิ่งๆและหัวเราะอย่างดูแคลน มือขวาที่ยื่นออกไปสะบัดเหมือนไล่แมลง

ฟิ้วฟิ้ว!

กระสุนที่ลอยคว้างอยู่ตรงหน้าเย่เทียนพุ่งกลับไปตามทิศทางด้วยความเร็วที่มากกว่าเดิมสองเท่าทันที

พรวดพรวด!

เสียงโหยหวนดังขึ้นกะทันหัน ลูกน้องหลายคนรวมถึงหยางซิงหลบไม่ได้เลย กระสุนตะกั่วพุ่งทะลุร่างกายของพวกเขาในบัดดล ถูกย้อมเป็นสีแดงและฝังลึกเข้าไปในกำแพง

เสียงโหยหวนมาไวแต่ไปไวกว่า แค่ไม่กี่วินาทีก็ชะงักงัน ลูกน้องอ่อนด๋อยรวมถึงหยางซิงล้มลงที่พื้นและไม่อาจลุกได้อีก

คนที่โชคดีหน่อยหลังจากโดนเข้าจุดสำคัญถึงชีวิตก็ได้ลงไปดื่มชากับยมบาลในทันที แต่คนที่โชคไม่ดียังต้องทนรับความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นจากกระสุนปืน ดูจากสภาพที่หายใจออกมากกว่าหายใจเข้าแล้ว จะลงไปตอนไหนเป็นแค่เรื่องของเวลา

เย่เทียนไม่เคยเห็นหยางซิงเป็นตัวอันตรายตั้งแต่แรก แค่มดปลวกที่ไม่ได้เป็นนักบู๊ด้วยซ้ำ นิสัยอย่างเย่เทียนจะเก็บมาใส่ใจได้ยังไง

“อัปมงคลชะมัด ไม่รู้เหรอว่าฉันเป็นคนมีเมียแล้ว เลือดกระเซ็นมาโดนขาฉันด้วย กลับไปแล้วฉันจะอธิบายยังไงเนี่ย”

จมูกเขาได้กลิ่นคาวเลือดที่เริ่มแผ่ซ่านออกมา เย่เทียนเมินเฉยต่อศพที่เกลื่อนพื้น และตบๆขากางเกงที่มีคาบเลือดกระเด็นมาโดนสองสามหยดอย่างรังเกียจ

เมื่อสะบัดคาบเลือดที่ขากางเกงออกไปได้แล้ว เย่เทียนถึงเบนสายตากลับมาที่เจ็ดสังหาร เขาทำท่าราวกับเพิ่งทำเรื่องเล็กน้อยลงไป เย่เทียนลากเก้าอี้มาตัวหนึ่งด้วยรอยยิ้มกว้าง และนั่งลงต่อหน้าเจ็ดสังหารด้วยท่าทีสบายๆ

“เอาล่ะๆ นี่ก็สายมากแล้ว”

“พวกเรารีบตกลงกันแล้วรีบแยกย้ายดีกว่า เมียฉันยังรอฉันอยู่ที่บ้าน”

ใบหน้างดงามของเจ็ดสังหารซีดเผือด ชีวิตที่ทำภารกิจมาหลายปีทำให้เธอรู้ดีว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น

แต่เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เธอโดนหักแขนสองข้างไม่เท่าไหร่ แม้แต่ฟันที่ซ่อนยาพิษไว้ยังโดนต่อยร่วง จะฆ่าตัวตายเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย!

กัดฟัน? โหม่งกำแพง?

อย่าล้อเล่นหน่อยเลย เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้แข็งแกร่งที่แท้จริง มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยล่ะ

แม้จะพูดเช่นนั้น แต่เจ็ดสังหารก็ยังหลับตาอย่างดื้อรั้น ไม่อยากเห็นท่าทางทะเล้นของเย่เทียน และยิ่งไม่อยากได้ยินเสียงของเขา

“ที่จริงฉันไม่ได้อยากบาดหมางกับแก๊งS.P.Lของพวกเธอเลย แต่พวกเธอดันอยากได้ยาปฏิชีวนะที่บริษัทแซ่เฉินคิดค้น”

“ยังไงซะบริษัทแซ่เฉินก็เป็นบริษัทของเมียฉัน ฉันที่เป็นสามีถ้าปล่อยให้พวกเธอทำลายไปต่อหน้าต่อตา ฉันจะเอาหน้าที่ไหนไปเจอเมียฉันล่ะ?”

ถึงเจ็ดสังหารไม่อยากฟัง ไม่ได้หมายความว่าเย่เทียนจะไม่พูด เขาว่าต่อไปกับตัวเอง

“ฉันรู้ว่าสมาชิกแก๊งS.P.Lของเธอมากันหมด บอกมาซิ หยุ่นหมัวผู้นำของเธอไปซ่อนตัวอยู่ที่ไหน”

เจ็ดสังหารได้ยินแล้วตาที่หลับอยู่อดลืมขึ้นไม่ได้ ร่างของเธอสะดุ้งอย่างควบคุมไม่ได้

แก๊งS.P.Lบอกกับคนนอกว่าพวกเขามีผู้แข็งแกร่งระดับดินอยู่ด้วย แต่น้อยคนนักที่รู้ชื่อหยุ่นหมัว เทียบกันแล้วชื่อเสียงของพวกเขาสามหัวหน้าแก๊งยังจะโด่งดังกว่า

เย่เทียนเป็นแค่คุณชายตกอับไม่ใช่เหรอ? ทำไมเขาถึงรู้ว่าสมาชิกแก๊งS.P.Lเคลื่อนพลมากันหมด? แล้วเขารู้ชื่อของผู้นำได้ยังไง?

คิดมาถึงตรงนี้ เจ็ดสังหารเงยหน้าอย่างอดไม่ได้ ตาคู่สวยมองตรงไปที่เย่เทียนพร้อมกับพึมพำ “นายเป็นใครกันแน่?!”