“นาย นายเป็นใครกันแน่ ทำไมนายถึงรู้เรื่องของพวกเราแก๊งS.P.Lดีขนาดนี้?”
พอมองเย่เทียนที่ยืนอยู่กลางกองเลือดทว่าใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มพิศวงแล้ว เจ็ดสังหารอดผวาขึ้นมาไม่ได้ และกรีดร้องออกมาด้วยท่าทางที่แทบจะคลุ้มคลั่ง
แต่เนื่องจากฟันของเธอโดนต่อยร่วงไปหมดแล้ว เวลาพูดจึงออกเสียงได้ไม่ดี ฟังแล้วไม่ค่อยชัดและจับใจความไม่ค่อยได้
“ฉัน?”
เย่เทียนผงะ ก่อนจะชี้ตัวเองด้วยรอยยิ้มกว้าง “ฉันชื่อเย่เทียนไง ก่อนหน้านี้พวกเธอสืบเรื่องฉันอยู่ไม่ใช่เหรอ ทำไมตอนนี้ถึงลืมล่ะ”
“นาย!”
เจ็ดสังหารชะงัก โดนสวนจนไม่รู้จะพูดอะไรดี
สืบ?
สืบบ้าสืบบออะไรกัน!
เรื่องอื่นไม่เท่าไหร่ แต่เรื่องที่เย่เทียนเป็นผู้แข็งแกร่งระดับดิน ต่อให้เธอใจกล้ากว่านี้อีกสิบเท่าก็ไม่กล้าโง่ไปหาเรื่องถึงที่แบบนี้หรอก!
“เอาล่ะๆ อย่ามัวพูดเรื่องไร้สาระอยู่เลย พูดเรื่องที่ฉันอยากฟังหน่อย”
เย่เทียนก้มตัวลงมา พูดด้วยรังศีข่มขู่สุดขีด “อย่าหาว่าฉันไม่เตือนนะ เธออย่าโกหกจะดีกว่า”
“แม้ฉันจะเกลียดการทรมานให้ได้คำสารภาพมามาก แต่ถ้าถึงเวลาที่จำเป็นจริงๆฉันก็ไม่ถือหรอก”
“ถุย!”
เจ็ดสังหารมองเย่เทียนด้วยสายตาเคียดแค้น อ้าปากถุยน้ำลายใส่
ยังดีที่เย่เทียนระวังท่าทีของเจ็ดสังหารอยู่ เขาเอียงหัวเล็กน้อยและน้ำลายได้เฉียดผ่านปิ่นปักผม
“สถานการณ์แบบนี้เธอยังกล้าถุยน้ำลายใส่ฉันอีก ฉันไม่รู้จะบอกว่าเธอกล้าหาญหรือไร้สมองดี”
นัยน์ตาเย่เทียนฉายแววเย็นเยียบ เขายื่นมือออกไปฉับพลันด้วยความเร็วแสง จิ้มรัวบนตัวเจ็ดสังหาร ก่อนจะใช้สองนิ้วบีบประตูชีพจรบนแขนของเจ็ดสังหารอย่างเรียบง่าย
“เชื่อว่าด้วยประสบการณ์ของเธอ คงจะรู้ดีว่านี่คืออะไรสินะ”
สีหน้าเจ็ดสังหารซีดเผือดถึงขีดสุด
นรกขุมที่สิบเก้า!
นี่คือวิชาที่เย่เทียนที่ใช้อยู่ตอนนี้ เป็นการลงโทษสุดโหดเหี้ยมที่ใช้จัดการกับนักฆ่าโดยเฉพาะ!
เป็นที่รู้กันทั่วว่าผู้ที่เป็นนักฆ่าได้ส่วนใหญ่แล้วมีจิตใจแข็งแกร่ง ได้รับการฝึกฝนมาอย่างโหดเหี้ยม ต่อให้พลาดท่าโดนจับได้ แต่คิดจะแงะปากพวกเขาก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
ภายใต้การผลักดันจากผู้ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ ใช้เวลาไปหลายสิบปีจนในที่สุดก็คิดค้นนรกขุมที่สิบเก้าขึ้นมาได้ ความเจ็บปวดเป็นสิบเท่าของการคลอดลูก
“ฉันให้โอกาสเธอครั้งสุดท้าย หยุ่นหมัวอยู่ที่ไหนกันแน่”
เย่เทียนยิ้มบางๆและให้โอกาสครั้งสุดท้าย
“นาย….”
หน้าตาเจ็ดสังหารฉายแววสับสน เห็นได้ชัดว่ากำลังต่อสู้กับใจตัวเอง
น่าเสียดายที่เย่เทียนไม่ให้เวลาเธอได้ไตร่ตรอง เมื่อเห็นว่าเธอไม่ได้ให้คำตอบที่ตัวเองอยากได้ ก็คลายประตูชีพจรของเจ็ดสังหารทันที
ฟึ่บ!
มือเย่เทียนเพิ่งจะคลายออก เส้นเอ็นหลายเส้นบนแขนขาวจั๊วของเจ็ดสังหารก็ปูดขึ้นมา บิดเบี้ยวขึ้นลงอยู่ท่ามกลางเนื้อเยื่ออย่างเห็นได้ชัด ราวกับพร้อมจะทะลุออกมาได้ทุกเมื่อ
ความเจ็บปวดที่ลึกไปถึงดวงวิญญาณเช่นนี้ ต่อให้เจ็ดสังหารเป็นนักฆ่าหญิงที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างโหดเหี้ยมยังทนไม่ไหว เหงื่อเม็ดโตผุดออกมาเต็มหน้าผากในบัดดล เงยหน้าหวังจะกรีดร้องออกมา
แต่เย่เทียนชิงกระชากผ้าเน่ามาก่อนผืนหนึ่งเพื่ออุดปากเธออย่างแข็งกร้าว
“ร้องทำไม เมื่อกี้ยังศักดิ์ศรีสูงส่งอยู่เลยไม่ใช่เหรอ?”
แพร่ด!
แทบจะวินาทีเดียวกับที่เย่เทียนหยุดพูด ในที่สุดเอ็นบนแขนเจ็ดสังหารก็สลัดพันธนาการของเนื้อเยื่อหลุด และโดดเด่นออกมาด้วยความโชกเลือด
“อืออือ!” เม็ดเหงื่อเท่าถั่วผุดพราวออกจากหน้าผากของเจ็ดสังหาร ใบหน้าที่ตอนแรกนั้นงดงามบัดนี้บิดเบี้ยวไปหมด นัยน์ตาสีครามเบิกกว้างประหนึ่งพร้อมจะเด้งออกจากเบ้าตาทุกเมื่อ
เธออยากกรีดร้อง อยากระบายความเจ็บปวดที่ได้รับออกมาให้หมด
แต่เธอร้องไม่ออก
ไม่พูดเรื่องที่ปากเธอโดนอุดไว้ แม้แต่กล้ามเนื้อบนหน้าก็ชาไปหมดแล้ว
แป๊ะ!
เมื่อเห็นเอ็นของเจ็ดสังหารทะลุออกจากแขนและทำท่าจะลามไปที่ไหล่ เย่เทียนรีบจิ้มจุดชีพจรตรงไหล่ของเจ็ดสังหาร สยบเส้นเอ็นของเธอไว้ชั่วคราว
“เป็นไง สบายตัวมั้ย ตอนนี้บอกฉันได้หรือยังว่าไอ้หยุ่นหมัวอยู่ที่ไหน?”
เย่เทียนพูดด้วยรอยยิ้มบางๆ “มิฉะนั้น เธอยังมีแขนอีกข้างและขาสองข้าง…..”
“อืออือ!” เจ็ดสังหารมองเย่เทียนด้วยสีหน้าเจ็บปวด นัยน์ตาฉายแววสิ้นหวัง
“ดูความจำฉันสิ”
เย่เทียนรู้ตัว รีบผ้าเน่าที่อุดปากเจ็ดสังหารอยู่ออก และจิ้มจุดบนตัวเจ็ดสังหารเบาๆอย่างรู้ใจ
“ตอนนี้ฉันสกัดจุดความเจ็บปวดของเธอไว้ชั่วคราวแล้ว จะพูดก็รีบพูด ฉันเกลียดการฟังคำพูดไร้สาระที่สุด”
ฟู่วฟู่ว!
เจ็ดสังหารหอบหายใจยกใหญ่ เธอมองใบหน้าสุภาพของเย่เทียนแล้วตัวสั่นอย่างอดไม่ได้
เจ้านี่มันปีศาจชัดๆ!
ฆ่าคนไปตั้งเยอะไม่ว่า ยังใช้วิธีสุดอำมหิตเพื่อบีบบังคับให้เธอสารภาพ แต่สีหน้าเขากลับเรียบนิ่ง ราวกับกำลังทำเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น
“ฉัน ฉันไม่รู้อะไรเลย”
เจ็ดสังหารรู้ดีแก่ใจว่าไม่ว่าตัวเองจะพูดหรือไม่ เย่เทียนก็ไม่มีทางปล่อยตัวเองไปหรอก
“ว้าว! ถึงเธอจะเป็นผู้หญิง แต่ฉันต้องยอมรับเลยนะว่าเธอแกร่งกว่าผู้ชายบางจำพวกอีก ทำให้ฉันต้องมองเธอเสียใหม่เลยนะ”
เย่เทียนชมด้วยรอยยิ้มกว้าง และยัดผ้าเน่าที่เพิ่งหยิบออกมาเข้าปากเจ็ดสังหารอีกครั้ง
ขณะที่พูด มือของเย่เทียนจิ้มลงบนตัวเจ็ดสังหารอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกับที่ล็อคชีพจรตามจุดสำคัญต่างๆของเธอ นรกขุมที่สิบเก้า ดำเนินต่อไปบนแขนขาที่เหลือ
“อื๊อ?!”
ผ่านไปไม่ถึงสามวิ เจ็ดสังหารที่อุตส่าห์มีช่วงให้เว้นหายใจก็ต้องตัวตึงอีกครั้ง ร่างกายอ้อนแอ้นนั้นสั่นไหวอย่างรุนแรง
เมื่อกี้แค่แขนข้างเดียว บวกกับไหล่ของเธอโดนเย่เทียนหักไปนานแล้ว ไม่ได้ลิ้มรสความเจ็บปวดของนรกขุมที่สิบเก้าอย่างครบถ้วน ยังพอทนไหวอยู่บ้าง
แต่ตอนนี้แขนขาที่เหลือดำเนินไปพร้อมๆกัน โดยเฉพาะความทรมานที่ขาสองข้าง เธอแทบอยากจะตัดขาทิ้งไปซะเดี๋ยวนี้
“คุณเจ็ดสังหาร ฉันไม่รู้ว่าเธอรู้เรื่องนี้มั้ย ฉันเป็นปรมาจารย์ปรุงยาด้วยนะ ต่อให้แขนขาเธอชีพจรขาดสะบั้น ฉันก็รับประกันได้ว่าเธอจะยังมีชีวิตต่อไปได้อีกหนึ่งเดือน”
“ในระยะเวลาหนึ่งเดือนนี้ ฉันจะเล่นสนุกกับเธอให้เต็มที่ รับรองว่าไม่ซ้ำอย่างเลยล่ะ!”
เย่เทียนยิ้มกริ่มและเดินกลับไปนั่งบนเก้าอี้ หยิบบุหรี่ออกมาจุดหนึ่งมวลด้วยท่าทีสบายใจเฉิบ
สีหน้าเจ็ดสังหารฉายแววหวาดกลัวถึงสุดขีด เธออยากเอ่ยปากร้องขอความเมตตา แต่ความเจ็บปวดที่ลึกเข้าไปในวิญญาณส่งมาตามแขนขาไม่หยุด จนแค่เธอจะอ้าปากยังเป็นปัญหา ได้แต่มองเย่เทียนอย่างวิงวอน
แต่เย่เทียนกลับเมินเฉยต่อสายตาขอความช่วยเหลือของเธอ เขานั่งตัวตรงอยู่บนเก้าอี้ด้วยท่าทางสบาย สูบบุหรี่อย่างเชื่องช้า
ปีศาจ!
เจ้าหมอนี่เป็นปีศาจชัดๆ!
เจ็ดสังหารสาปแช่งในใจอย่างบ้าคลั่ง แต่ความเจ็บปวดที่ส่งผ่านแขนขามาประหนึ่งสายน้ำ คลื่นระลอกแล้วระลอกเล่าที่รุนแรงกว่าเก่าซัดมา จนเธอไม่สามารถแม้แต่จะส่งเสียงอื้ออึงได้ ทำได้เพียงอดทนรับนรกขุมที่สิบเก้าที่ผู้คนนับไม่ถ้วนได้ยินเข้าแล้วต้องหวาดกลัว
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้จักคำว่าตายเสียยังจะดีกว่ามีชีวิตอยู่…