บทที่ 408 ตื่นเต้นชะมัด

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

หลังจากสูบบุหรี่ไปแล้วหนึ่งมวล เย่เทียนก็ดับบุหรี่ด้วยรอยยิ้มกริ่ม ก่อนจะสกัดความรู้สึกเจ็บปวดของเจ็ดสังหารช้าๆ และเอาผ้าเน่าที่ยัดอยู่ในปากของเธอออกมา

เจ็ดสังหารในตอนนี้ถูกทรมานจนแทบไม่เหลือความเป็นคน ใบหน้าซีดราวกระดาษ ดวงตากลวงโบ๋ เหงื่อซึมท่วมตัว หายใจเข้าออกอึกใหญ่อย่างตะกละตะกลาม

แล้วมาดูที่แขนขาของเจ็ดสังหาร เส้นเอ็นได้ทะลุออกจากเลือดเนื้อแล้ว ชีวิตนี้คงต้องเป็นคนพิการแล้วล่ะ!

“นับถือๆ! สมกับเป็นคุณเจ็ดสังหารชื่อเสียงเกรียงไกร แม้กระทั่งนรกขุมที่สิบเก้ายังทนได้”

เย่เทียนปรบมือ เขายิ้มแย้มและหยิบมีดสั้นมาจากศพด้านข้างขึ้นมาเล่นและพูดอย่างหยอกล้อ “ในเมื่อเป็นแบบนี้ เรามาเปลี่ยนวิธีกันหน่อยมั้ย อย่างเช่นการแล่เนื้ออะไรแบบนั้น…..”

“ฉันพูดแล้ว! นายอยากรู้อะไรฉันจะบอกให้!”

เจ็ดสังหารสะดุ้งโหยง เธอพูดด้วยปากสั่นระริก “ขอเพียงนายทำให้มันจบไวๆ!”

แต่เดิมเธอคิดว่าตัวเองผ่านการฝึกฝนอย่างเข้มงวดมาแล้ว ไม่มีการทรมานใดๆที่ทำให้ตัวเองยอมเปิดปาก แต่ความเป็นจริงได้พิสูจน์แล้วว่าเธอประเมินตัวเองสูงไป

ดูคนตรงหน้าที่ยิ้มไร้เดียงสานี่สิ เขาเป็นปีศาจขนานแท้เลยล่ะ!

“ฉัน ฉันรู้เพียงว่าเขาอยู่ในเมืองเอก แต่ฉันไม่รู้ว่าอยู่ส่วนไหน”

“ให้ความร่วมมือฉันแต่แรกไม่ดีเหรอ? อย่างน้อยก็ไม่ต้องทรมานมากขนาดนี้ใช่มั้ยล่ะ?”

เย่เทียนส่ายหัว ขยับก้นให้นั่งสบายยิ่งขึ้น “ว่ามาสิ หยุ่นหมัวอยู่ที่ไหน”

เจ็ดสังหารปากสั่นระริก “ฉัน ฉันรู้เพียงว่าเขาอยู่ในเมืองเอก แต่ฉันไม่รู้ว่าอยู่ส่วนไหน”

“แค่นี้เหรอ?” หน้าตาเย่เทียนฉายแววไม่พอใจ

“ฉัน ฉันไม่ได้โกหกจริงๆนะ! หลังจากพวกเรามาที่นี่แล้วเขาให้ฉันมาที่เมืองเจียงหนัน ส่วนพวกเขาอยู่ที่เมืองเอกต่อ ฉันไม่รู้ตำแหน่งที่แน่ชัดของพวกเขาจริงๆ!”

เมื่อเห็นสีหน้าไม่พอใจของเย่เทียน เจ็ดสังหารลนลานขึ้นมา

แต่เย่เทียนกลับส่ายหัวด้วยรอยยิ้มบางๆ หยิบผ้าเน่ามาอุดปากเจ็ดสังหารอีกครั้ง หยิบมีดสั้นมาอย่างรวดเร็ว แล่เนื้อบางๆออกจากตัวเจ็ดสังหารอย่างรวดเร็ว

“อืออือ!” เจ็ดสังหารโหยหวนด้วยความเจ็บปวด หน้าตาบิดเบี้ยวเข้าด้วยกัน ดูน่ากลัวสุดๆ

เย่เทียนไม่สนใจเรื่องนี้เลยสักนิด เขาค่อยๆแล่เนื้อออกจากเอวของเจ็ดสังหารต่อไป

เขาแล่เนื้อออกมาเก้าชิ้นรวด จนกระดูกสีขาวโพลนเริ่มเผยให้เห็นลางๆเย่เทียนถึงยอมหยุด และดึงผ้าเน่าที่อุดปากเจ็ดสังหารออก

เจ็ดสังหารในตอนนี้ถูกทรมานจนแทบไม่เหลือลมหายใจเข้าออก คนทั้งคนนอนกองอยู่บนพื้นอย่างหมดท่า สายตาที่มองเย่เทียนเต็มไปด้วยความวิงวอน

“ฝีมือของฉันเป็นยังไง? แล่เธอสักหนึ่งพันทีไม่น่าจะเป็นปัญหานะ?”

เย่เทียนเช็ดคราบเลือดที่มือกับเสื้อผ้าของศพด้านข้างอย่างไม่คิดอะไร เธอแยงชิ้นเนื้อขึ้นมาหนึ่งชิ้นด้วยหน้าตาไร้เดียงสา

“ฉัน ฉันไม่รู้จริงๆว่าผู้นำอยู่ที่ไหน”

เจ็ดสังหารเจ็บปวดจนน้ำหูน้ำตาไหล บอกอย่างร้อนรน “นายทำลายแก๊งมังกรไป ผู้นำบอกแค่ว่าจะสนับสนุนอิทธิพลท้องถิ่นขึ้นมาใหม่ ส่วนเจาะจงที่ไหนนั้นฉันไม่รู้!”

พูดหนึ่งประโยคเป็นการทรยศ พูดสองประโยคก็เป็นการทรยศเช่นกัน ในเมื่อเลือกที่จะเปิดปากแล้ว ย่อมไม่ตืดและยอมพูดให้มากๆ เธอขอเพียงหลุดพ้นได้ในเร็ววัน

“สนับสนุนอิทธิพลท้องถิ่นขึ้นมาใหม่เหรอ?”

เย่เทียนอดพึมพำไม่ได้ นัยน์ตาสีนิลหรี่ลงเล็กน้อย มองเจ็ดสังหารอย่างพิจารณา

นัยน์ตาของเธอไร้จุดโฟกัสไปนานแล้ว พอจะเห็นแววสิ้นหวังในสายตาได้ลางๆ ท่าทางหมดอาลัยตายอยาก

แต่สีหน้าละเอียดอ่อนเช่นนี้เสแสร้งไม่ได้หรอก

คำตอบนี้ออกจากเกินที่เขาคาดหมายไปสักหน่อย

ตามสิ่งที่เขาคิดเอาไว้ คนของแก๊งS.P.Lน่าจะซ่อนตัวอยู่ในเมืองเจียงหนันกันหมดสิ แต่แท้จริงแล้วกลับไปซ่อนตัวกันในเมืองเอก และต้องการสนับสนุนอิทธิพลท้องถิ่นขึ้นมาใหม่

สิ่งนี้ทำให้เย่เทียนจำต้องยอมล้มข้อสันนิษฐานก่อนหน้าทิ้ง กลุ่มที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังบริษัทแซ่เจิ้งแห่งเมืองเอกไม่แน่อาจจะไม่ใช่พรรคชิงเฉิง แต่เป็นแก๊งS.P.Lเดนตายนี่

คิดมาถึงตรงนี้เย่เทียนขมวดคิ้วเป็นปมอีกครั้งจนกลายเป็นรูปตัว ‘ชวน’

เย่เทียนถามคำถามสำคัญอีกสี่ห้าข้อกับเจ็ดสังหาร แต่ก็ไม่ได้รับข้อมูลที่มีประโยชน์ เมื่อเห็นว่าเธอหมดประโยชน์อย่างสิ้นเชิงแล้ว ถึงปลดปล่อยเธอจากความเจ็บปวด ส่งเธอไปรวมตัวกับหมาป่าโลภ

แน่นอนว่าเย่เทียนยังวางเพลิงใหญ่โต เผาหอวั่งไห่ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานจนไม่เหลือซาก ทำลายหลักฐานที่ชี้ตัวได้อย่างสมบูรณ์ ก่อนจะขับรถออกจากหอวั่งไห่

เขากลับไปที่คฤหาสน์ได้อย่างราบรื่น ระหว่างทางเย่เทียนไม่ลืมที่จะโทรศัพท์หาพวกหลิวชิงว่าหยางซิงได้รับโทษทัณ์แล้ว พวกเขาไม่ต้องหลบอยู่ในมุมมืดอีกแล้ว

แต่เขาเพิ่งเดินมาถึงหน้าประตูบ้าน กลับพบว่าห้องน้ำของชั้นสองมีแสงลางๆ แม้จะไม่สว่างมาก แต่ภายใต้ค่ำคืนอันมืดมนนี้ถือว่าเป็นแสงสว่างนำทางอย่างไม่ต้องสงสัย

ที่สำคัญที่สุดคือ บางทีคนในห้องน้ำเห็นว่าเป็นชั้นสอง จึงไม่ได้ปิดหน้าต่าง!

“แหมๆ ไม่คิดว่าเพิ่งกลับมาก็มีเรื่องสนุกๆให้ดูแล้ว!”

เย่เทียนแอบพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะหัวเราะอย่างร้ายกาจและเดินย่องเข้าไป

ผู้ชายน่ะ ยังไงก็มีความหื่นอยู่บ้าง แม้ว่าเฉินหวั่นชิงกับเขาจะได้ชื่อว่าเป็นสามีภรรยา แต่ก็ยังไม่มีความเป็นสามีภรรยาที่แท้จริงไม่ใช่เหรอ?

เมื่อเห็นสายน้ำที่ไหลออกมาตามท่อระบายน้ำไม่หยุด สมองของเย่เทียนอดจินตนาการภาพร่างกายอวบอิ่มของเฉินหวั่นชิงที่กำลังอาบน้ำอยู่ไม่ได้ อะดรีนาลีนพลุ่งพล่านขึ้นเรื่อยๆ

ยังไงก็เป็นการกระทำที่ไม่สง่าผ่าเผยนัก เย่เทียนมองซ้ายมองขวาอย่างหวั่นๆเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครสนใจ ก่อนจะกระโดดเบาๆเกี่ยวตัวกับต้นไม้ เพ่งสายตาเข้าไปในหน้าต่าง

เมื่อเห็นร่างเรียบเนียนร่างหนึ่งปรากฏสู่สายตา เย่เทียนก็ต้องตาค้าง อ้าปากเล็กน้อยด้วยความตะลึง

ไม่มีเหตุผลอื่น คนที่อยู่ในห้องน้ำไม่ใช่เฉินหวั่นชิง แต่เป็นดาราดังอย่างแซ่เจีย!

เอื๊อก!

แม้ว่าเย่เทียนจะไม่รู้ว่าทำไมแซ่เจียถึงมาอยู่ที่บ้าน แต่เขาก็ยังกลืนน้ำลายด้วยสัญชาตญาณ สมกับเป็นดาราดังระดับประเทศ หุ่นนี่ไม่ได้ดีธรรมดาเลยนะ!

ส่วนที่ต้องนูนก็นูน ส่วนที่ต้องเด้งก็เด้ง ไม่มีเนื้อส่วนเกินเลยสักนิด มิน่าล่ะถึงเป็นคนที่ผู้ชายนับพันนับหมื่นยกย่องให้เป็นเทพธิดา

แซ่เจียในห้องน้ำเหมือนได้ยินเสียงบางอย่าง เธอขมวดคิ้วและหยุดสิ่งที่ทำอยู่ หยิบผ้าเช็ดตัวบนราวมาคลุมหุ่นอรชรของตัวเองด้วยความระแวง

เย่เทียนใจหาย พึมพำกับตัวเองว่าแย่แล้ว ตอนนี้เขาแขวนตัวอยู่บนกิ่งไม้นะ ถ้าแซ่เจียมองออกมานอกหน้าต่างต้องเห็นเขาแน่ๆ

ตอนที่เย่เทียนกำลังจะไป กิ่งไม้ที่เขาแขวนตัวอยู่กลัวส่งเสียงดังกร๊อบกะทันหัน มันรับน้ำหนักของเย่เทียนไม่ไหวและร่วงลงไปที่พื้น

เวรเอ๊ย นี่มันเกิดอะไรขึ้น? หรือตัวเองต้องลดความอ้วนแล้วเหรอ?

เสียงดังขนาดนี้ไม่มีทางตบตาแซ่เจียที่อยู่ในห้องน้ำได้หรอก

ด้วยความลนลาน เย่เทียนตั้งตัวไม่ทัน เขาล้มลงไปกองกับพื้นก่อนจะคลานขึ้นมาอย่างรีบร้อนโดยไม่สนความเจ็บปวด และวิ่งสับออกไปซ่อนตัวในที่ไกลๆ

ถ้าเฉินหวั่นชิงรู้ว่าตัวเองทำเรื่องชั้นต่ำขนาดนี้ ต้องมีผลกระทบต่อภาพพจน์ตัวเองในใจเธอแน่นอน วันที่ได้ร่วมหลับนอนคงจะไกลพ้นจนไม่รู้ว่าเมื่อไหร่

ถึงแม้คนในห้องน้ำจะไม่ใช่เฉินหวั่นชิง แต่ถ้าให้เลือกใหม่อีกครั้ง เย่เทียนก็จะทำตัวชั้นต่ำโดยไม่ลังเล

มันตื่นเต้นชะมัดเลยโว้ย!