เย่เทียนสูบบุหรี่อยู่ในมุมมืดด้วยใจตุ้มๆต่อมๆ กว่าจะสงบจิตสงบใจลงและแกล้งทำเป็นเดินกลับคฤหาสน์ด้วยความใจเย็น
แสงไฟจากห้องน้ำชั้นสองดับไปแล้ว คฤหาสน์ทั้งหลังตกอยู่ในความมืด
แกร๊ก!
แต่เย่เทียนเพิ่งจะปิดประตูใหญ่ด้วยความระมัดระวัง โคมไฟที่ตั้งอยู่ในห้องรับแขกก็พลันสว่างขึ้น
เย่เทียนใจหายวาบ รีบเลื่อนสายตาตาม คนที่เปิดโคมไฟนอกจากแซ่เจียแล้วจะมีใครอีก
แซ่เจียในตอนนี้สวมกระโปรงนอนตัวบาง เผยให้เห็นผิวขาวนวลปื้นใหญ่ ให้ความรู้สึกปกปิดเล็กน้อยอย่างยั่วยวน
“โอ้ว นี่มันดาราดังแซ่เจียนี่ ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะครับ?”
หลังจากประหลาดใจไปแป๊บหนึ่ง เย่เทียนก็ปรับอารมณ์อย่างรวดเร็ว และแกล้งทำเป็นทักทายแซ่เจียอย่างตกใจ
“ฉันกับประธานเฉินรู้สึกเหมือนสนิทกันมานาน บวกกับฉันไม่ค่อยชินกับการนอนโรงแรม คุณเฉินจึงให้ฉันมาพักที่บ้านสักสองสามคืน”
แซ่เจียมือกอดอก สีหน้าเคร่งเครียด เห็นได้ชัดว่าอารมณ์ไม่ดีเท่าไหร่
ตอนแรกเธอยังมองว่าเย่เทียนเป็นคนใช้ได้ แต่เธอคิดไม่ถึงเลยว่าเย่เทียนจะทำเรื่องชั้นต่ำอย่างถ้ำมองออกมาได้ อารมณ์ดีได้สิแปลก
“ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง”
เย่เทียนพยักหน้าอย่างถึงบางอ้อ รีบยิ้มแห้งๆเพื่อปกปิดความกระอักกระอ่วนในใจ “คุณเซ่ นี่ก็สายมากแล้ว รีบพักผ่อนเถอะครับ”
พูดจบ เย่เทียนที่มีความลับในใจก็หันหลังจะเดินไปที่ห้อง
“คุณเย่ เมื่อกี้คุณดูอยู่นานเท่าไหร่คะ?”
แต่ไม่รอให้เย่เทียนหันหลัง เสียงนิ่งๆของแซ่เจียก็ดังเข้าหูมาอีกครั้ง
เย่เทียนชะงักท่าที่กำลังจะหันหลังกึก หันกลับมาด้วยตัวแข็งๆ และหัวเราะแห้งๆ “เซ่ คุณเซ่ ทำไมผมฟังไม่รู้เรื่องล่ะว่าคุณกำลังพูดเรื่องอะไร เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ นี่ผมเพิ่งกลับมานะ”
“คุณเย่ เราอย่ามาพูดอ้อมค้อมกันเลยดีกว่า เมื่อกี้คุณแอบดูฉันอยู่ข้างนอกนานเท่าไหร่แล้ว?”
เมื่อเห็นเย่เทียนคิดจะแกล้งโง่เพื่อเอาตัวรอด แซ่เจียจึงพูดออกมาตรงๆ
“แอบดู? แอบดูอะไรครับ คุณเซ่ ผมไม่รู้จริงๆนะครับว่าคุณพูดเรื่องอะไรอยู่”
“คุณเซ่ วันนี้ผมทำธุระมาทั้งวันนี่ก็เหนื่อยแล้ว ผมกลับห้องไปพักผ่อนก่อนนะครับ คุณตามสบายเลย”
เย่เทียนจะยอมรับเรื่องแบบนี้ได้ยังไง เขากำชับอย่างเร่งรีบและเดินกลับห้องไปโดยไม่สนใจ
“ไอ้โรคจิตหยุดเดี๋ยวนี้นะ บังอาจมาแอบดูฉันอาบน้ำ เชื่อมั้ยว่าฉันจะไปเรียกประธานเฉินมาเดี๋ยวนี้ แล้วเปิดโปงโฉมหน้าอันน่ารังเกียจของคุณ!”
แซ่เจียเห็นเย่เทียนยังคิดจะแกล้งโง่อีก เธอกัดฟันกรอด ลุกพรึ่บขึ้นจากโซฟา
“คุณเซ่ ตอนนี้สังคมเรามีกฎหมายนะครับ ข้าวจะกินมั่วๆได้ แต่จะพูดจามั่วๆไม่ได้นะครับ!”
“คุณบอกว่าผมแอบดูคุณ คุณมีหลักฐานมั้ยครับ ไม่อย่างนั้นผมฟ้องคุณข้อหาหมิ่นประมาทได้นะครับ”
เย่เทียนขมวดคิ้วเป็นปมทันที เขามองแซ่เจียตั้งแต่หัวจรดเท้า และมีแผนในใจทันที เขาหัวเราะอย่างมีเล่ห์เหลี่ยมและขู่กลับ
“อีกอย่าง ต่อให้ผมแอบดูคุณแล้วยังไง คุณไปปลุกหวั่นชิงแล้วยังไง?”
“คุณเป็นถึงดาราดังมีโรงแรมห้าดาวดีๆดันไม่ไปอยู่ จะมาอยู่ที่บ้านผมให้ได้ ผมสงสัยอย่างมากว่าคุณคิดไม่ซื่อกับผม!”
“ถึงเวลานั้นดูซิว่าภรรยาถูกต้องตามกฎหมายของผมจะเชื่อผมที่เป็นสามีหรือจะเชื่อดาราดังที่เพิ่งรู้จักได้ไม่กี่วันอย่างคุณ”
เมื่อเขาพูดแบบนี้ออกไป แซ่เจียชะงักลมหายใจไปชั่วขณะ แทบจะกระอักเลือดออกมา เธอโกรธจนสั่นไปทั้งตัว มือเรียวชี้ไปที่เย่เทียน ไม่รู้จะเถียงอะไรดี
แต่เล็กจนโต เธอไม่เคยเจอคนที่หน้าด้านไร้ยางอายขนาดนี้มาก่อน
ทั้งที่เป็นคนโรคจิตแท้ๆ แต่ดันหาเรื่องกลับว่าตัวเองให้ท่าเขา? นี่เขาหน้าด้านขนาดนี้ได้ยังไง? ไม่ฉี่แล้วชะโงกดูเงาตัวเองหน่อยล่ะว่าสารรูปเป็นยังไง!
เย่เทียนเห็นการเปลี่ยนแปลงของสีหน้าแซ่เจียทั้งหมด เขาเลิกคิ้วอย่างมีแผนร้ายก่อนจะยิ้มอย่างเป็นมิตร
“คุณเซ่ ไม่พูดถึงฐานะดาราดังของคุณ ระหว่างเราสองคนไม่ต่างกันมากหรอกครับ”
“ไม่พูดเรื่องที่ผมไม่ได้แอบดูคุณ ต่อให้ผมแอบดูแล้วยังไงครับ? เนื้อหนังคุณหายไปเหรอครับ?”
“นาย….นายมันสารเลว”
แซ่เจียโดนเย่เทียนผู้ปากกล้าสวยจนไม่รู้จะเถียงยังไง ได้แต่ด่าเย่เทียนอย่างเกรี้ยวกราด
“คุณเซ่ ไม่มีอะไรจะพูดแล้วใช่มั้ยครับ ถ้าคุณไม่มีอะไรจะพูดแล้วผมกลับห้องก่อนนะครับ”
แต่เย่เทียนหน้าด้านดั่งกระดาษทราย เขาสนใจที่ไหน
“เดี๋ยวก่อน!”
เห็นว่าเย่เทียนจะไป แซ่เจียรีบส่งเสียงเรียกหยุดเขาเอาไว้
“ทำไมครับ? หรือคุณเซ่ยั่วผมไม่สำเร็จ คิดจะฝืนใจผมเหรอครับ”
เย่เทียนได้ใจ และหันไปมองแซ่เจีย
แซ่เจียพูดอย่างโกรธแค้น “คุณเลิกหน้าด้านสักทีได้มั้ย”
“ธรรมดาครับ ก็แค่ที่สามของโลก”
เย่เทียนไม่อับอายเลยสักนิด และตรงกันข้าม หน้าตาเขาเบิกบานสุดๆ
แซ่เจียเซ็งสุดๆ ไม่เคยเห็นคนที่หน้าด้านเท่าเย่เทียนมาก่อน แต่เธอกลับทำอะไรเย่เทียนไม่ได้เลย
ถ้าพูดเรื่องฝีปาก เธอไม่ใช่คู่มือของเย่เทียนเลยสักนิด ถ้าพูดเรื่องกำลัง เธอเป็นแค่ผู้หญิงอ่อนแอ จะสู้เย่เทียนได้ยังไง
“ช่างเถอะครับ ปกติผมจะอาบน้ำก่อนนอน ถ้าคุณทนโมโหไม่ไหวจริงๆ ผมไม่ถือสาให้คุณมาชื่นชมตอนผมอาบน้ำหรอกครับ”
เย่เทียนคลี่ยิ้มเผยให้เห็นฟันขาว คิดไม่ถึงว่าแหย่ผู้หญิงคนนี้จะสนุกขนาดนี้
แซ่เจียโกรธจนแก้มป่อง เธอพูดอย่างโมโห “ไสหัวไปซะ คุณไสหัวไปเลย!”
เย่เทียนยักไหล่ หัวเราะร้ายๆและหันหลังไป เขากำลังจะกลับห้อง เสียงโกรธเกรี้ยวของแซ่เจียดังขึ้นข้างหูอีกครั้ง
“ไอ้โรคจิตเดนตาย อย่าหาว่าฉันไม่เตือนนะ เรื่องคืนนี้คุณเหยียบไว้เลยนะ ถ้ามีคนอื่นรู้ฉันไม่ปล่อยคุณไว้แน่”
แซ่เจียสูดหายใจเข้าลึก พยายามปรับอารมณ์ตัวเองและขู่เย่เทียนด้วยท่าทีจริงจัง
พูดจบ แซ่เจียก็ถลึงตาใส่เย่เทียนอย่างดุร้าย ก่อนจะเดินขึ้นไปข้างบนอย่างฉุนเฉียว
เย่เทียนเห็นท่า ใจที่ตุ้มๆต่อมๆถึงได้วางลง
เห็นเมื่อกี้ท่าทีเขาแข็งกร้าวขนาดนั้น ความจริงแล้วก็หวั่นใจอยู่มาก กลัวเหลือเกินว่าแซ่เจียจะไปปลุกเฉินหวั่นชิง แล้วเล่าทุกอย่างให้เธอฟังหมด
ยังไงซะถึงตัวเองจะเปลี่ยนไปมากในหลายเดือนมานี้ แต่ไม่ว่ายังไงก็เคยมีอดีตอันเลวร้ายมาก่อนหน้า เดี๋ยวเฉินหวั่นชิงจะมองว่าตัวเองเป็นหมาที่เลิกกินขี้ไม่ได้
เย่เทียนมองเงาบางของแซ่เจียที่เดินจากไป เย่เทียนอดนึกถึงภาพเมื่อกี้ในห้องน้ำขึ้นมาในหัวไม่ได้ แล้วต้องพึมพำออกมา
“ดาราดังก็คือดาราดัง หุ่นไม่ได้ดีธรรมดาเลยนะ”
กริ๊งกริ๊ง!
ขณะนั้น มือถือของเย่เทียนดังขึ้นมา พอคลำออกมาดูก็เห็นว่าเป็นสายจากตี๋ต้าจื้อ
“คุณชายเย่ ผมอยู่ที่เมืองเจียงหนันแล้วครับ ตอนนี้ให้ผมไปไหนครับ”
“นี่ก็สายมากแล้ว นายไปหาโรงแรมอยู่ก่อนเถอะ”
“พรุ่งนี้เช้าไปรายงานตัวที่บริษัทแซ่เฉิน ฉันจะจัดการหาสถานะที่เหมาะสมกับนาย หลังจากนี้หน้าที่ของนายคือคุ้มกันผู้บริหารแห่งบริษัทแซ่เฉิน!”
หลังจากวางสายไปแล้ว นัยน์ตาเย่เทียนเปล่งประกายเย็นยะเยือก ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการมาถึงของตี๋ต้าจื้อทำให้เขาหายห่วงเรื่องความปลอดภัยของเฉินหวั่นชิง ไปจัดการปัญหาด้านเมืองเอกได้แล้ว!