กโยซึลวิ่งอยู่ท่ามกลางความมืด นางรู้แล้วว่าตัวเองต้องมุ่งหน้าไปที่ใด นี่เป็นครั้งแรกที่นางทำอะไรด้วยความมั่นใจหลังจากที่มาถึงมกกุกและเข้ามาเป็นหนึ่งในราชวงศ์ บนถนนภายในพระราชวังมีโคมไฟแขวนอยู่เป็นหย่อมๆ กโยซึลเหยียบย่ำแสงจากโคมไฟราวกับกำลังเดินข้ามสะพานหิน มุ่งหน้าไปยังพระราชวังกลาง
นานมากแล้วที่กโยซึลไม่ได้วิ่งแบบนี้ นางหอบหายใจ หัวใจเต้นตึกตักแสดงออกว่ามันยังมีตัวตนอยู่ ชายกระโปรงพลิ้วไหวไปมาอยู่ระหว่างขาที่สั่นระริก ไม่ว่าสิ่งใดก็ไม่อาจรั้งนางไว้ได้ กลับกันในตอนนี้นางกลับรู้สึกยินดีที่ได้พบกับความรู้สึกหนึ่ง เป็นความรู้สึกดีใจ ปลื้มปริ่ม กโยซึลดีใจมากที่ตัวเองสามารถพ่นลมหายใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความยินดีได้ ราวกับว่าตนหาเหตุผลที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้แล้ว
“เหตุใด”
กโยซึลเอ่ยออกมาสั้นๆ ขณะที่ตนกำลังหอบหายใจ เป็นคำถามที่แฝงความเสียดายต่อตัวเองที่แสนโง่เขลานัก
“เหตุใดถึงไม่ทำเช่นนี้ตั้งแต่แรก” ทำไมกันนะ มัวเกรงกลัวอะไรอยู่
“เหตุใดถึงเพิ่งมาคิดได้เอาตอนนี้”
ต้องเผชิญกับความกลัวด้วยตาตนเองเสียก่อนถึงจะลืมมันไปได้ ไม่มีสิ่งใดคลี่คลายสักอย่าง
กโยซึลลองหาหนทางที่ตนพอจะทำได้ทุกอย่างแล้ว ไปทุกที่ที่ตนสามารถไปได้ตั้งแต่ตำหนักบุกบีไปจนถึงตำหนังดงชอน พูดแย้งรวมทั้งโกหกเพื่อเขา ถึงแม้จะรู้ดีว่าตนกำลังเผชิญหน้ากับคนที่ตนไม่สามารถเอาชนะได้ แต่ก็ยังทำแม้กระทั่งอ้อนวอนเขา แต่ทุกอย่างกลับสูญเปล่า สถานการณ์ไม่ได้เปลี่ยนแปลงเลย ถึงกระนั้นในตอนนี้กโยซึลก็ยังกระทำการที่ถือว่าเป็นการอวดดีที่สุดที่ตนได้ทำในวันนี้
นั่นคือการไปพบกับเขาผู้นั้น
หลังจากที่เข้ามายังพระราชวังกลาง กโยซึลก็ลดความเร็วของฝีเท้าลง นางรู้เส้นทางมายังพระราชวังกลาง ทว่ากลับไม่รู้เส้นทางในนั้น นางรู้มาจากแม่นมที่ถูกส่งให้มาสอดแนมการไต่สวนคดีว่าศาลหลวงชั่วคราวถูกตั้งขึ้นที่กรมราชองครักษ์แห่งพระราชวังกลาง
“เช่นนั้นก็คงจะทรงประทับอยู่ที่คุกคุมขังในกรมราชองครักษ์”
กโยซึลไม่สามารถสอบถามใครได้ ไม่สามารถให้ใครรู้ได้ว่าพระชายาฮวางแทจามาถามหาฮวางเซจาที่ถูกขังอยู่ในยามมืดค่ำเช่นนี้ แต่กโยซึลก็หาได้เป็นกังวลไม่
“ถึงราชสำนักจะกว้างใหญ่ แต่เราก็ยังมีเวลาอีกมาก”
ยังเหลือเวลาอีกสิบชั่วโมงกว่าจะถึงรุ่งเช้า ก่อนอื่นต้องลองไปบริเวณที่จุดโคมไฟดูก่อน ช่วงเวลาที่สามารถเดินเตร็ดเตร่ไปทั่ววังดั่งกระรอกบินนั้นมีมากมายจนนับไม่ถ้วน กโยซึลพลันนึกถึงช่วงเวลาที่ตนอยู่ฮวากุก กโยซึลไม่ใช่องค์หญิงที่สำรวมนัก ทั่วทั้งวังจึงเต็มไปด้วยเสียงร้องเรียกที่แสนทรมานจากเหล่าข้ารับใช้ในวังที่ตามหาตัวกโยซึลกันให้วุ่น สำหรับกโยซึลแล้วนั้นการซ่อนตัวจากเหล่าข้ารับใช้ตามที่ต่างๆ ภายในวังง่ายเสียยิ่งกว่าการปลอกกล้วยเข้าปาก
หลังจากที่นางเดินวนรอบๆ กำแพงพระราชวัง กโยซึลก็เริ่มออกค้นหากรมราชองครักษ์ นางเอียงหูฟังเสียงฝีเท้าจากหัวมุม จากริมกำแพงอยู่เรื่อยๆ จนรอดจากสายตาของเหล่านางกำนัลไปได้ หลังจากเดินผ่านประตูไม่กี่ครั้งในที่สุดกโยซึลก็เจอกับป้ายที่เขียนว่า ‘กรมราชองครักษ์’
“ที่นี่…”
หัวใจของกโยซึลเต้นรัวอีกครั้ง
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะกำลังมีการไต่สวนหรืออย่างไรถึงได้มีเวรยามคอยเฝ้าอยู่ กโยซึลไม่ได้รีบเร่งเข้าไป เพียงแอบมองอยู่อย่างนั้นเพื่อคอยเวลา หากรีบร้อนเดินเข้าไปอาจจะถูกเหล่าทหารที่ความรู้สึกไวกว่าตนจับได้ก็เป็นได้ ทั้งหมดนี้เป็นความชำนาญจากประสบการณ์เมื่อครั้งยังเป็นองค์หญิงแก่นแก้ว หลังจากที่รอเพียงหนึ่งชั่วโมง ทหารองครักษ์ก็ทำการเปลี่ยนเวรยาม กโยซึลใช้ช่องว่างนี้รีบนำตัวเองเข้าไปภายในกรมราชองครักษ์โดยเร็ว การหาเส้นทางไปยังคุกนั้นง่ายกว่าการซ่อนตัวในกรมราชองครักษ์เสียอีก
เนื่องจากเป็นคุกในพระราชวังกลาง ผู้ที่ถูกคุมขังย่อมต้องกระทำความผิดเกี่ยวกับราชวงศ์ ดังนั้นคุกแห่งนี้จึงทั้งเข้มงวด ทั้งมืด และเย็นชื้น อีกทั้งยังต้องเดินลึกลงไปเป็นอย่างมาก กโยซึลค่อยๆ ก้าวเดินอย่างเชื่องช้า พร้อมกับระมัดระวังทหารยามไปด้วย โชคดีที่ภายในคุกไม่มีทหารองครักษ์อยู่ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเห็นแก่รูแฮ หรือเป็นเพราะเหล่าทหารองครักษ์มั่นใจในการรักษาความปลอดภัยของพวกเขากันแน่ ภายในคุกที่อยู่ในสุดของคุกใต้ดินแห่งนี้ กโยซึลเห็นเงาที่คุ้นเคยถูกคุมขังอยู่เพียงลำพัง เขาสวมชุดตัวในสีขาว พร้อมกับปล่อยผมยาวสยายไร้ซังทูกวัน เป็นสภาพที่ไม่น่าดูของนักโทษอย่างไม่ผิดเพี้ยน
“เหตุใดถึง…”
กโยซึลยืนทำท่าจะร้องไห้อยู่ด้านหน้ากรงขังที่ทำจากไม้หนา หลังจากที่ได้ยินเสียงแผ่วเบาของหญิงสาว นักโทษที่ถูกคุมขังอยู่สะดุ้งเล็กน้อยพร้อมกับหันหน้าไปทางเสียงนั้น ถึงแม้ว่าเขาจะปล่อยผมและสวมเพียงชุดตัวในสีขาวที่ราบเรียบ ทว่าก็ไม่อาจปกปิดใบหน้าที่งดงามของรูแฮได้ เมื่อดวงตาสีน้ำตาลเข้มเห็นกโยซึลก็เผยความตกใจ
“พระชายา”
รูแฮร้องเรียกกโยซึลด้วยน้ำเสียงอัดอั้นราวกับไม่อยากจะเชื่อ ทันทีที่กโยซึลเห็นใบหน้าของรูแฮ นางก็ร้องไห้โฮออกมาทันที กโยซึลยกมือขึ้นปิดปากตนพร้อมกับเดินเข้าไปใกล้กรงขังไม้ และรูแฮที่อยู่ภายในคุกเองก็เดินเข้ามาใกล้เช่นเดียวกัน
“พระชายาทรงมาที่นี่ได้อย่างไรกัน…” แววตาดีใจที่แสดงออกมาเพียงชั่วครู่เปลี่ยนเป็นหม่นแสงลง
“ที่นี่มิใช่ที่ที่พระองค์ควรเสด็จมานะขอรับ”
“แล้วก็หาใช่ที่ที่องค์ฮวางเซจาควรประทับอยู่เช่นกันเพคะ”
กโยซึลส่ายหน้าพร้อมพูดแบบเดียวกันกับรูแฮ และก่อนที่รูแฮจะได้พูดอะไรออกมาอีก กโยซึลก็เปิดเผยความในใจที่ยากจะอดกลั้นไว้ของตนออกมา
“เรารักท่าน” น้ำเสียงเศร้าหมองของกโยซึลเอ่ยคำหวานดั่งน้ำผึ้งออกมา ได้ยินดังนั้นรูแฮทำเพียงแค่มองตรงไปที่กโยซึลราวกับไม่เชื่อหูตนเอง
อดกลั้นมานานเหลือเกิน
อ้อมค้อมมานานเหลือเกิน
กินเวลานานเหลือเกิน
กว่าที่จะพูดคำนี้ออกมา กว่าที่จะเปิดเผยความในใจของตนออกมา กโยซึลผ่านอะไรมามากเหลือเกิน จนทันทีที่พบหน้ารูแฮจึงไม่อาจอดกลั้นไว้ได้อีกต่อไป
ทั้งอารมณ์ของตน ทั้งน้ำตา
กโยซึลยื่นมือเข้าไปภายในกรงขัง มือที่สั่นระริกของรูแฮจับมือของนางไว้ ระหว่างกรงขังไม้หนานี้ ทั้งกโยซึลและรูแฮต่างเขยิบเข้าไปให้ใกล้กันมากที่สุด