ตอนที่ 551: เรื่องด่วน

Crazy Leveling System

ตอนที่ 551: เรื่องด่วน

 

ประสิทธิภาพของสายเลือดราชวงศ์ฟินิกซ์ช่างน่าทึ่งนัก แต่นี่ก็ไม่ได้ต่างไปจากที่เขา คาดสักเท่าไหร่ นี่เป็นแก่นโลหิตที่สามารถสะกดวิญญาณร้ายเอาไว้ได้ แล้วประสิทธิ์ภาพจะอ่อนด้อยได้ยังไง?

 

“ประสิทธิภาพช่างดีจริงๆ ส่วนแก่นโลหิตราชวงศ์ฟีนิกซ์อีกอันเอาไว้ให้คนอื่นใช้แล้วกัน” เขายังไม่ต้องใช้มันชั่วคราว เพราะว่าเขาสามารถเพิ่มระดับให้กับด้วยค่าความคลั่ง

 

แก่นโลหิตหยดที่เหลือนี้ เขาตั้งใจจะมอบมันให้กับศิษย์ที่มีกายาธาตุไฟที่แข็งแกร่ง การมอบมันให้กับเขาไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

 

“เลื่อนระดับสายเลือดราชวงศ์ฟีนิกซ์!”

 

“ตั้ง หักค่าความคลั่ง 500,000 ท่านเลื่อนขั้นสายเลือดราชวงศ์ฟีนิกซ์สําเร็จ เปลวเพลิงนิรันดร์มีพลังเพิ่มขึ้น 3 เท่า ความเร็วเพิ่มขึ้น 7 เท่า! ระดับถัดไปต้องการค่าความคลั่ง 5 ล้าน”

 

ค่าความคลั่งที่สายเลือดราชวงศ์ฟีนิกซ์ต้องการนี้ สูงยิ่งกว่าสายเลือดเทพมังกรหลายเท่า แต่ประสิทธิภาพของมันก็นับว่าน่าทิ้งอย่างแท้จริง แต่นี้ไม่ได้หมายความว่าสายเลือดเทพมังกรจะอ่อนด้อย แต่เพราะว่าประสิทธิภาพมันต่างกัน ดังนั้นค่าความคลั่งที่ใช้จึงต่างกันด้วย

 

ค่าความคลั่ง 5 แสนถือว่าคุ้มมาก ตอนนี้การจะหาค่าความคลั่งนั้นง่ายกว่าแต่ก่อนมาก 

 

“อืม แต่นี่ก็ยังห่างจากค่าความคลั่ง 50 ล้านอยู่ตอนนี้ยังขาดอยู่เกือบ 30 ล้าน ตัวเลขนี้ช่างน่ากลัวจริงๆ”

 

อี้เทียนหยุนส่ายหัว เก็บสะสมมาตั้งนานยังได้แค่ 20 ล้าน หากคิดจะเลื่อนระดับโหมดคลั่งอีกครั้ง ยังต้องใช้เวลาอีกนาน

 

ในตอนนี้เขาให้ความสนใจในการเพิ่มระดับความสามารถอื่นก่อน เพราะมันง่ายที่จะเลื่อนระดับ ถึงยังไงค่าความคลั่ง 50 ล้านก็สามารถเลื่อนระดับความสามารถได้หลายอันซึ่งจะทําให้การใช้งานง่ายมากขึ้น และมีประสิทธิภาพที่มากขึ้นด้วย

 

หลังจากดูดกลืนแล้วเสร็จ เขาก็ออกจากห้องฝึกมาเพิ่งจะออกมา ผู้คุ้มกันที่อยู่ใกล้ๆ ก็รีบมาพูดกับเขาว่า “ท่านทูตศักดิ์สิทธิ์ ผู้อาวุโสคั่วให้ข้ารีบมาหาท่าน บอกว่ามีเรื่องสําคัญที่จะปรึกษา!”

 

“อืม” อี้เทียนหยุนรีบไปหาผู้อาวุโสลั่วอย่างรวดเร็ว ผู้อาวุโสลั่วจะไปอยู่ที่ไหนได้ หากไม่ใช่อยู่เป็นเพื่อนกับหลานสาวที่บ้านพักสุดหรู ตราบเท่าที่ไม่มีเรื่องใด เขาก็จะอยู่เล่นกับหลานสาวไม่ไปไหน

 

เมื่อเขามาถึง ผู้อาวุโสคั่วที่เห็นเขาก็พูดขึ้นว่า “ก่อนหน้านี้คนของเราได้รับรายงานว่า แดนศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิงได้ส่งคนไปยังโลกมนุษย์ แม้ว่าจะไม่รู้ว่าพวกมันจะไปทําอะไร แต่ขากลัวว่าอาจจะเกิดเรื่องที่ไม่ดีขึ้นกับเจ้า ดังนั้นจึงต้องบอกเจ้าถึงเรื่องนี้”

 

“ส่งคนไปโลกมนุษย์ ไม่ใช่ว่าหมิงเฉินตายไปแล้วหรอกเหรอ?” เทียนหยุนขมวดคิ้ว ขณะที่ในใจรู้สึกหนักอึ้ง

 

ไม่คิดเลยว่าเพิ่งจะออกมา ก็ต้องมาได้ยินข่าวไม่ดีนี้แล้ว แม้ว่าจะไม่รู้ว่าพวกเขาจะไปโลกมนุษย์ทําอะไร แต่ยังไงก็ตาม การไปโลกมนุษย์ของพวกเขาก็ทําให้เขากังวลอยู่ดี

 

“อันนี้ข้าก็ไม่รู้ พวกเรารู้แค่ว่าพวกมันส่งคนไปโลกมนุษย์ และคนที่ส่งไปส่วนใหญ่ก็อยู่ในระดับผันแปรวิญญาณ ยิ่งกว่านั้น จากที่พวกเรารู้ มีผู้เชี่ยวชาญระดับวิญญาณเที่ยงแท้ 5 คนตามไปด้วย และผู้เชี่ยวชาญระดับราชาวิญญาณอีก 1 คน แต่เพราะเพิ่งเลื่อนระดับได้ไม่นาน จึงยังอยู่ที่ระดับราชาวิญญาณขั้นที่ 1”

 

“เพราะเลื่อนระดับได้ไม่นาน ดังนั้นพลังจึงไม่ได้ถูกจํากัดไว้เท่าไหร่สามารถไปยังโลกมนุษย์ได้อย่างง่ายดาย เจ้าต้องการให้พวกเราส่งผู้เชี่ยวชาญระดับวิญญาณเที่ยงแท้สักหลายไปสนับสนุนหรือเปล่า?”

 

สีหน้าผู้อาวุโสลั่วจริงจัง เขาไม่รู้ว่าอี้เทียนหยุนมีขุมอํานาจไหนอยู่ในโลกมนุษย์ แต่ในฐานะเพื่อน เขาต้องช่วยเหลืออีกฝ่ายอย่างแน่นอน

 

ที่เขาไม่ส่งผู้เชี่ยวชาญระดับราชาวิญญาณไป ไม่ใช่เพราะไม่อยากส่ง แต่เพราะส่งไปไม่ได้! ดังนั้นจึงได้แต่ส่งผู้เชี่ยวชาญระดับวิญญาณเที่ยงแท้ไปแทน

 

“ไม่ต้อง ข้ากลับไปแค่คนเดียวก็พอ” อี้เทียนหยุนพูดอย่างจริงจัง

 

“เจ้ากลับไปคนเดียว เจ้าสามารถกลับไปได้เหรอ?” ผู้อาวุโสลั่วตกใจ พลังของอี้เทียนหยุนแข็งแกร่งมาก หรือว่าจะสามารถกลับจากทางเดิมได้?

 

“จะยังไงก็ช่าง ข้าจําเป็นต้องรีบกลับไป เพื่อจัดการกับพวกมัน! ก็ได้แต่หวังว่าพวกมันจะทําอะไรที่ไม่ดี หากว่ามาหาเรื่องขุมอํานาจของข้าแล้วล่ะก็ ข้าจะลบพวกมันทิ้งให้หมด!” สายตาอี้เทียนหยุนเย็นชา จากนั้นก็มองไปยังผู้อาวุโสลั่วแล้วพูดว่า “ไม่ทราบว่าพวกมันไปกันนานเท่าไหร่แล้ว?”

 

“ขาวนี้ถูกส่งมาเมื่อสองวันก่อน ยังไม่นานเท่าไหร่นัก” ผู้อาวุโสลั่วพูด

 

อี้เทียนหยุนเพิ่งจะปิดห้องฝึกฝนแค่ไม่กี่วัน ใครจะคิดว่าหมิงเฉินก็ตายไปแล้ว แดนศักดิ์สิทธิ์ยังจะส่งคนไปทําอะไรอีก? อาจจะเป็นไปได้ว่า เพื่อปกครองโลกมนุษย์ ก่อนหน้านี้ให้หมิงเฉินจัดการแค่คนเดียว แต่ตอนนี้คนก็ได้ตายไปแล้ว ดังนั้นจึงได้เปลี่ยนให้คนอื่นไปทําแทน

 

“สองวันก่อน ตอนนี้ข้าต้องรีบกลับแล้ว!” อี้เทียนหยุนไม่พูดมาก

 

“ท่านพ่อ ท่านจะไปแล้วเหรอ?” เหยียนเอ๋อกอดขาเขาไว้ไม่อยากให้เขาไป

 

“โอ้ ใช่แล้ว ข้าต้องกลับไปจัดการเรื่องบางเรื่อง เจ้าอยู่ที่นี่ก็เป็นเด็กดีนะ เล่นกับท่านตาของเจ้าไปก่อน” เทียนหยุนบอก “ไว้ข้าจะรีบกลับมา เหยียนเอ๋อเจ้าไม่ต้องกังวล”

 

“อืม…” คราวนี้เหยียนเอ๋อไม่ได้ซื้อเขาไม่ให้ไปอีก แต่เข้าใจเรื่องราวบ้างเล็กน้อย ดังนั้นจึงไม่รั้งเขาเอาไว้

 

“ไว้ครั้งหน้าข้ากลับมา ข้าจะเอาของอร่อยมาให้นะ” อี้เทียนหยุนลูบหัวน้อยๆ ของเธอ จากนั้นก็ตบไปที่ฟินิกซ์น้ําแข็งที่อยู่ใกล้ๆ แล้วพูดว่า “ไปกันเถอะ สหาย!”

 

ฟินิกซ์น้ําแข็งร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น ในที่สุดก็ได้ไปจากที่นี่สักที แล้วจะไม่ให้มันตื่นเต้นได้ยังไง?

 

“ผู้อาวุโสลั่ว ช่วยข้าบอกกับหัวหน้าเผ่าด้วยแล้วกัน ดูเหมือนว่าข้าต้องไปจากที่นี่ชั่วคราวก่อน” เมื่ออี้เทียนหยุนขึ้นไปนั่งบนหลังฟีนิกซ์น้ําแข็ง เขาก็หันไปพูดกับผู้อาวุโสลั่ว

 

“วางใจเถอะ เจ้าจะเป็นทูตศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าฟินิกซ์เราตลอดกาล ข้าจะรอเจ้ากลับมา!” ผู้อาวุโสวมองเขาแล้วตอบออกไป

 

อี้เทียนหยุนพยักหน้า สุดท้ายหลังจากที่มองไปที่เหยียนเอ๋อ เขาก็สูดหายใจลึก พร้อมกับขี่นิกซ์น้ําแข็งจากไป บินไปยังเมืองก่วงหยุน

 

เริ่นเหลียงเฉินกับพวกยังรอเขาอยู่ที่นั่น ดังนั้นจึงต้องพาพวกเขากลับไปพร้อมกัน

 

ขณะเดียวกัน ที่ห้องพักในโรงเตี้ยมเมืองก่วงหยุน เริ่นเหลียงเฉินกับพวกที่เพิ่งกลับมาจากข้างนอก บนใบหน้าก็ประดับไว้ด้วยรอยยิ้มพอใจ

 

“สมแล้วที่เป็นโลกวิญญาณ สัตว์อสูรที่อยู่ชายขอบป่ามายานั้นดีจริงๆ คราวนี้พวกเราเก็บเกี่ยวกันได้มากจริงๆ มีอุปกรณ์ระดับศักดิ์สิทธิ์อยู่ ทําให้เรื่องมันง่ายขึ้นมาก สามารถสังหารสัตว์อสูรได้อย่างง่ายดาย ราวกับผ่าแตงโมขึ้นจานก็ไม่ปาน!” หยางจื้อเหวินพูดด้วยรอยยิ้มมีความสุขพร้อมกับเช็ดถูอุปกรณ์ระดับศักดิ์สิทธิ์ในมืออย่างทะนุถนอมไม่คิดจะวางมันลง

 

เหลิงหูกับพวกก็มีอาวุธดีๆ เช่นกัน ทําให้การล่าของพวกเขาเป็นได้ด้วยความผ่อนคลายอย่างมาก

 

พวกเขาอาศัยอยู่ที่นี่เป็นเวลานาน จะให้ไม่ออกจากห้องไปไหนเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นจึงเลือกที่จะพากันไปฝึก กว่าจะมาถึงโลกวิญญาณไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้นจึงต้องฝึกฝนให้ดี แบบนี้ถึงจะเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตนได้

 

“ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ลูกพี่จะกลับมา นี่ก็ผ่านไปเกือบเดือนแล้ว…” พวกเขาพากันส่ายหัว แต่ไม่ได้มีสีหน้ารีบร้อนอะไรยังคงเลือกที่จะรออี้เทียนหยุนกลับมาอยู่ที่นี่

 

“วิ่งงงง!”

 

และในขณะที่พวกเขากําลังทําความสะอาดอาวุธอยู่นั้น อยู่ในห้องก็พลันปรากฏค่ายกลขึ้นทําการผนึกห้องเอาไว้ ไม่ให้ใครหนีออกไปได้! และตอนนี้เอง ก็ได้มีร่างสองร่างปรากฏขึ้น เป็นผู้เชี่ยวชาญระดับวิญญาณเที่ยงแท้สองคนอย่างไม่คาดคิด!”

 

เริ่นเหลียงเฉินกับพวกพากันมองไปในทันที พร้อมกับทําสีหน้าเคร่งเครียดทันใดนั้นพวกเขาก็รู้แล้วว่า พวกตนได้ติดกับดักเข้าให้แล้ว!