ตอนที่ 552: ลองกระบี่? ทําไมไม่ให้ข้าลองเป็นเพื่อนเจ้าล่ะ?”

Crazy Leveling System

ตอนที่ 552: ลองกระบี่? ทําไมไม่ให้ข้าลองเป็นเพื่อนเจ้าล่ะ?”

 

เพียงพริบตา ทั่วทั้งห้องก็ตลบอบอวลไปด้วยพลังงานจนแน่นขนัด ปิดผนึกทางออกทุกทิศทางไม่สามารถหลบหนีออกไปได้ อย่างน้อยก็ด้วยระดับอย่างพวกเขา คงทําได้แค่เพียงตายอย่างไม่ยินยอมพร้อมใจอยู่ในนี้เท่านั้น เพราะคงไม่มีทางที่จะทําลายมหาค่ายกลนี้ออกไปได้ในระยะเวลาอันสั้น

 

เห็นได้ชัดว่ามหาค่ายกลนี้ได้มีการจัดเตรียมไว้อย่างเงียบๆ มาก่อนแล้วไม่อย่างนั้นคงไม่มีทางปรากฏขึ้นที่นี่ได้ในทันทีที่พวกเขาเข้ามา เพราะมันคงไม่อาจจัดเตรียมขึ้นอย่างเงียบๆ โดยที่ พวกเขาไม่รู้ได้หากว่าพวกเขายังอยู่

 

และเมื่อมีผู้เชี่ยวชาญระดับวิญญาณเที่ยงแท้สองคนโผล่ออกมาก็ทําให้พวกเขาเข้าใจได้ทันทีว่านี่คือกับดักที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้

 

“ในที่สุดก็กลับมากันได้สักที ให้พวกข้ารออยู่ตั้งนานสุดท้ายพวกเจ้าก็กลับมาจากข้างนอกจนได้” ผู้เชี่ยวชาญระดับวิญญาณเที่ยงแท้เดินเข้ามาก่อน ระดับของเขาไม่สูงนัก เพียงระดับวิญญาณเที่ยงแท้ขั้นที่ 3 เท่านั้น แต่กับพวกเขาแล้ว นี่ถือว่าแข็งแกร่งเกินพอ

 

อย่าว่าแต่ตอนนี้มีผู้เชี่ยวชาญระดับวิญญาณเที่ยงแท้อยู่ถึงสองคนเลย แค่คนเดียวก็บดขยี้พวกเขาได้อย่างเพียงพอแล้ว

 

“ใช่ ให้พวกข้าเสียเวลารออยู่ที่นี่ตั้งนาน ในที่สุดก็กลับกันมาได้สักที ไม่อย่างนั้นข้าคงจัดวางมหาค่ายกลนี้เสียเปล่าแล้ว” ผู้เชี่ยวชาญระดับวิญญาณเที่ยงแท้อีกคนยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย พร้อมกับสีหน้าที่ดูน่ากลัว

 

พวกเขาดูแล้วยังฉกรรจ์อยู่ จากรูปลักษณ์น่าจะอายุประมาณ 40 ปี แต่กลับมีระดับที่ แข็งแกร่งถึงขนาดนี้ นับว่ามีอนาคตที่สดใสเลยทีเดียว แต่ใครจะรู้ว่าคนพวกนี้กลับมาตามหา พวกเขานี่ทําให้สีหน้าของพวกเงินเหลียงเฉินจมลง นี่ต้องเป็นเรื่องไม่ดีอย่างแน่นอน

 

“ที่แท้ก็เป็นสหายเต๋าจิน ไม่ทราบว่าที่มานี้มีจุดประสงค์อะไร?” เริ่นเหลียงเฉินทําเป็นสงบพร้อมกับสายตาจับจ้องไปยังบุคคลตรงหน้าเขม็ง

 

และสองคนที่อยู่ตรงหน้าพวกเขานี้ก็คือ จินเฟิง และ จ้าวเฉวียน ซึ่งพวกเขาเคยเจอมาก่อน แต่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะมาหาเรื่องพวกเขา ทั้งที่ก่อนหน้าไม่เคยมีเรื่องกันมาก่อน

 

และจินเฟิงนั้นยังเป็นนักสลักอาคมขั้นที่ 5 ซึ่งต่ํากว่าระดับฝึกตนอยู่หน่อย ซึ่งไม่ถือว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญนัก แต่ว่ามหาค่ายกลชั้น 5 ที่ถูกจัดเตรียมไว้นี้ ก็เพียงพอที่จะใช้กักตัวพวกเขาได้ชั่วคราว

 

แต่ต่อให้ไม่มีมหาค่ายกล แค่พวกเขาก็สามารถสังหารพวกเขาได้แล้ว ด้วยระดับที่เหนือกว่ากันขนาดนั้น การจะจัดการกับพวกเขาถือเป็นเรื่องที่ง่ายอย่างมาก

 

แต่ที่พวกเขากังวลก็คือพวกเขาจะหนีไปได้ หากเป็นอย่างนั้นมันจะทําให้จัดการได้ลําบาก เนื่องเพราะว่าเมืองก่วงหยุนนี้มีกฏอยู่นั่นก็คือห้ามแอบต่อสู้กัน ไม่อย่างนั้น หากว่าถูกพบเข้า จะไม่มีสิทธิ์ก้าวเท้าเข้ามาในเมืองก่วงหยุนได้อีกตลอดกาล!

 

ดังนั้น พวกเขาจึงได้เตรียมหาค่ายกลนี้เอาไว้ เพื่อจัดการเรื่องนี้ที่นี่อย่างเงียบๆ และจะได้จัดการกับพวกเขาโดยที่ต้องกังวลว่าจะมีคนนอกพบเข้า

 

“ก็ไม่มีอะไรมาก ตราบเท่าที่เจ้าส่งอุปกรณ์ระดับศักดิ์สิทธิ์ในมือมาก็พอ พวกเราก็แค่อยากจะยืมไปเล่นสักหน่อย” จินเฟิงยิ้ม พร้อมกับมองไปยังอุปกรณ์ระดับศักดิ์สิทธิ์ในมือหยางจื้อเหวิน พร้อมกับสายตาที่เต็มไปด้วยความโล

 

เริ่นเหลียงเฉินกับพวกสีหน้าจมลง ที่แท้ก็เพราะต้องการอุปกรณ์ระดับศักดิ์สิทธิ์ในมือพวกเขาก่อนหน้านี้ที่ล่าสัตว์อสูร คงจะถูกพวกนี้เห็นเข้าตอนนี้จึงได้มาลงมือ

 

ส่วนที่เรียกว่า “ยืม” อะไรนั่น แน่นอนว่าเป็นแค่คําพูดที่เชื่อไม่ได้เท่านั้น

 

“อุปกรณ์ระดับศักดิ์สิทธิ์นี้ พวกเราสามารถให้สหายเต๋าจินยืมไปเล่นได้” หลังจากเริ่นเหลียงเฉินลังเลสักพัก สุดท้ายก็ทําได้เพียงเลือกที่มอบให้กับอีกฝ่ายไป

 

พวกเขาไม่สามารถหนี้ได้ หากสู้กัน ถ้าเป็นคนเดียวยังพอแยกกันหนีได้ แต่ตอนนี้เมื่อต้องเผชิญหน้ากับทั้งสองคนที่เป็นผู้เชี่ยวชาญระดับวิญญาณเที่ยงแท้ จึงทําอย่างนั้นไม่ได้!

 

“ไม่ อย่างน้อยต้อง 3 ชิ้น พวกเราขาดอุปกรณ์ระดับศักดิ์สิทธิ์อยู่ 3 ชิ้นด้วยกัน” พวกเขายิ้มไม่กลัวว่าเริ่นเหลียงเฉินจะไม่รับปาก เพราะหากไม่ยอม ก็มีแต่ความตายเท่านั้นที่รออยู่!

 

“สหายเต๋าทั้งสองไม่คิดว่าคําขอนี้มันมากไปเหรอ? อย่างมากพวกเราก็ให้ได้แค่ 2 ต้องเหลือไว้ให้พวกเราบ้าง” เริ่นเหลียงเฉินเริ่มต่อรอง

 

“เจ้าจะให้ข้าถือมือเดียวหรือยังไง?” จินเฟิงพูดด้วยรอยยิ้มอึมครึม “น้อยไป 1 ชิ้นก็ไม่ได้ ไม่อย่างนั้น อย่าหวังว่าจะได้ออกจากห้องนี้ไป!”

 

สีหน้าของพวกเขาจมลงในทันที พวกเขาอยากจะรับปากหากต้องส่งอาวุธสองชิ้นเพื่อแลกกับชีวิต และเก็บชิ้นหนึ่งไว้ แต่ว่าหากต้องตายไปต่อให้มีอุปกรณ์ระดับศักดิ์สิทธิ์มากแค่ไหนก็ไม่ช่วยอะไร

 

แต่ตอนนี้คําขอของพวกเขากลับต้องการทั้งหมด เห็นได้ชัดว่าตั้งแต่เริ่ม พวกเขาวางแผนที่จะเอาอุปกรณ์ระดับศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดไป โดยที่ไม่คิดจะเหลือไว้ให้พวกเขาแม้แต่ชิ้นเดียว

 

พวกเขาพากันมองหน้ากัน แต่ละคนต่างก็มองเห็นร่องรอยแห่งการตัดสินใจของกันและกัน

 

เริ่นเหลียงเฉินพยักหน้าจากนั้นก็พูดกับพวกเขาว่า “ตกลง พวกเราขอมอบอุปกรณ์ระ ดับศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 3 ชิ้นนี้ให้กับเจ้า!”

 

แม้ว่าพวกเขาจะรักมันมาก แต่เพื่อที่จะรักษาชีวิตเอาไว้ จึงทําได้เพียงตัดใจ อุปกรณ์ระดับศักดิ์สิทธิ์เป็นได้เพียงของนอกกาย เพื่อที่จะรักษาชีวิตการทําอย่างนี้ก็คงจะดีกว่า อย่างมากก็แค่ทําให้พลังต่อสู้ลดลง แต่ที่รู้สึกเศร้าก็คือการที่ต้องมาถูกรังแกอย่างนี้ แต่นี่คงต้องโทษที่ระดับของพวกเขาต่ําเกินไป

 

พูดเสร็จ พวกเขาก็วางอุปกรณ์ระดับศักดิ์สิทธิ์ของตนลงข้างหน้าอุปกรณ์ระดับศักดิ์สิทธิ์ 3 ชิ้นนี้ถูกวางอยู่ตรงหน้าจินเฟิง พูดได้ว่าอุปกรณ์ระดับศักดิ์สิทธิ์ 3ชิ้นนี้เป็นของที่ล้ําค่าที่สุดของ พวกเขาอย่างอื่นไม่อาจเทียบกับอุปกรณ์ระดับศักดิ์สิทธิ์พวกนี้ได้เลย

 

ก่อนหน้านี้อี้เทียนหยุนมอบอุปกรณ์ระดับศักดิ์สิทธิ์พวกนี้เป็นของขวัญให้กับพวกเขา ทําให้พวกเขาพากันตื่นเต้นไม่น้อย แต่ไม่คิดว่าของล้ําค่าในมือตนนี้ สุดท้ายแล้วกลับไปต้องพาจินเฟิงเข้า

 

พวกเขาก็แค่ออกไปล่าสัตว์อสูรที่ด้านนอกธรรมดาเท่านั้น และพวกเขาก็รู้ดีว่าของล้ําค่าพวกนี้ ด้วยความสามารถของพวกเขา ไม่เหมาะที่จะเปิดเผยออกไป ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะล่าและ สังหารสัตว์อสูรในที่ที่ไม่มีคนอยู่

 

แต่ใครจะรู้ว่าจินเฟิงจะมาเห็นพวกเขาเข้า พร้อมกับถูกดึงดูดเข้ามาในทันที ทั้งอีกฝ่ายยังได้เตรียมมหาค่ายกลไว้ในห้องพักพวกเขารอให้พวกเขาเดินเข้ามาในกับดัก

 

จินเฟิงกับพวกตาเป็นประกาย พร้อมกับหยิบอุปกรณ์รับศักดิ์สิทธิ์สามชิ้นนี้ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว พร้อมกับลูบไล้พวกมันด้วยความหลงใหล

 

“เป็นของดีจริงๆ เป็นอุปกรณ์ระดับศักดิ์สิทธิ์ที่ดีมาก…” ในสายตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความดีใจจนล้นปรี่ แม้ว่าระดับของพวกเขาจะไม่ต่ํา แต่ทรัพยากรในมือกลับต่ํามาก

 

ผู้เชี่ยวชาญระดับวิญญาณเที่ยงแท้ในโลกมนุษย์ สามารถมีอุปกรณ์ระดับศักดิ์สิทธิ์เป็นเรื่องธรรมดา แต่กับที่นี้นั้นไม่ใช่ แม้จะพูดไม่ได้ว่ามีผู้เชี่ยวชาญระดับวิญญาณเที่ยงแท้อยู่เต็มหัวมุมถนน แต่อย่างน้อย ก็ไม่ได้ดูสูงศักดิ์เหมือนดั่งที่โลกมนุษย์

 

“ตอนนี้ปล่อยพวกเราไปได้หรือยัง?” เริ่นเหลียงเฉินกับพวกมีสีหน้าเย็นชา พร้อมกับมองไปที่พวกเขาด้วยสีหน้าเกลียดชัง แต่ก็ทําอะไรไม่ได้

 

“ฮี่ฮี่ แล้วพวกเจ้าคิดว่าไงล่ะ?” จินเฟิงหยิบกระบี่เชียนที่ขโมยมาเคาะลงที่มือของตน พร้อมกับนัยน์ตาที่เต็มไปด้วยความดุร้าย “อาวุธ แม้ว่าจะได้มาแล้ว แต่ข้าก็อยากจะทดลองกับเจ้า ดูว่ากระบี่เซียนนี้คมแค่ไหน ดูว่าประสิทธิภาพแข็งแกร่งหรือไม่?”

 

“เจ้าคิดจะกลับคําพูด!” เริ่นเหลียงเฉินกับพวกสีหน้าเย็นชา สุดท้ายแล้วคําพูดของพวกเขาก็เชื่อไม่ได้เลยจริงๆ แต่ถึงยังไงหากไม่รับปากก็ต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย

 

แต่ไม่คิดว่าแม้จะรับปาก สุดท้ายก็ยังต้องมาตายอยู่ดี!

 

“กลับคําพูดอะไรกัน พูดซะหยาบคายเชียว ข้าก็แค่อยากจะลองกระบีก็เท่านั้น อยากจะรู้ว่าเจ้าจะหลบการโจมตีของข้าได้หรือเปล่า” จินเฟิงยิ้มอย่างโฉดชั่ว

 

“ใช่แล้ว พวกเราจะลองกระบี่กัน ส่วนพวกเจ้าก็เชิญหลบกันได้ตามสบาย รับรองว่าพวกเราจะไม่ทําให้พวกเจ้าบาดเจ็บอย่างแน่นอน” จ้าวเฉวียนยิ้มอย่างโฉดชั่วไม่ต่างกัน จะให้ปล่อยพวกเขาไป นี่เป็นเรื่องที่เป็นไม่ได้ ต่อให้จะยอมมอบทุกสิ่งมา แต่พวกเขาก็ต้องกําจัดพยานรู้เห็นให้หมด!

 

คําพูดนี้ไม่ว่าใครก็ไม่มีทางเชื่อ เห็นได้ชัดว่าพวกนี้ต้องการกําจัดพวกเขาก็แค่ไม่พูดออกมาตรงๆ เท่านั้น

 

“ตั้งค่ายกล!” เริ่นเหลียงเฉินกับพวกสีหน้าเย็นชา พร้อมกับตั้งแนวรบอย่างรวดเร็ว เพื่อเตรียมรับมือฝ่ายตรงข้าม แม้ว่าสุดท้ายแล้วจะไม่มีความหมายอะไร แต่อย่างน้อยก็ยังได้ดิ้นรนไม่ใช่ไม่ทําอะไรเลย

 

“ดูเหมือนว่าพวกเราจะไม่มีชีวิตอยู่รอจนถึงตอนที่ลูกพี่กลับมา…”

 

“ใช่ ดูเหมือนว่าพวกเราจะผิดนัดซะแล้ว”

 

นัยน์ตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความเสียใจ ไม่คิดว่าเทียนหยุนจากไป พวกเขาจะมีชีวิตอยู่ไม่ถึงวันที่เขากลับมา

 

“ลองกระบี่? ทําไมไม่ให้ข้าลองเป็นเพื่อนเจ้าล่ะ?”

 

ในตอนนี้เอง อยู่ๆ ก็มีเสียงของปีศาจดังขึ้นมาในห้อง พร้อมๆ กับร่างของเด็กหนุ่มคนหนึ่งปรากฏตัวที่มุมห้อง ขณะที่ในมือถือกระบีไว้แน่น!