ตอนที่ 553: ลําแสงกระบี่

Crazy Leveling System

ตอนที่ 553: ลําแสงกระบี่

 

ในห้องที่มีค่ายกลผนึกอยู่ อยู่ๆ ก็ได้มีคนโผล่ขึ้นมาทําให้ผู้คนพากันตกใจ และเมื่อพวกเริ่นเหลียงเฉินเห็นคนผู้นั้น ก็พากันแสดงสีหน้าดีใจออกมาในทันที

 

“ลูกพี่!”

 

พวกเขาพากันตะโกนออกมาอย่างดีใจ หินที่ถ่วงอยู่ในใจพลันหายไปในทันที ขอแค่อี้เทียนหยุนกลับมา ทุกอย่างก็จะไม่มีปัญหา

 

อี้เทียนหยุนพยักหน้า เขาเพิ่งจะมาถึงเมืองก่วงหยุน ก็ได้รีบค้นหาทันทีว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน และก็ค้นพบอย่างรวดเร็วจากนั้น เขาก็ได้ทําการเทเลพอร์ทเข้ามาโดยที่ไม่ได้ทําลายมหาค่ายกลเพื่อที่จะไม่ให้พวกมันหลบหนีไปได้!

 

“เจ้าเป็นใคร เข้ามาที่นี่ได้ยังไง?!”

 

ในใจพวกเขาพากันแตกตื่น อี้เทียนหยุนเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ ทําไมพวกเขาไม่เห็นรู้ตัวเลยอยู่ๆ ก็ปรากฏขึ้น เล่นเอาพวกเขาตกใจซะยกใหญ่ และที่สําคัญคือมหาค่ายกลรอบๆ ไม่ได้ถูกทําลาย แล้วเขาเข้ามาได้ยังไง?

 

“เรื่องนี้เจ้าไม่จําเป็นต้องรู้ เจ้ารู้แค่ว่าข้ามาลองกระบี่เป็นเพื่อนเจ้าแค่นั้นก็พอ” อี้เทียนหยุนเผยรอยยิ้มคลุมเครือออกมา พร้อมกับจับกระบี่ระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูงในมือแน่น แล้วเดินเข้าไปหาพวกเขาที่ละก้าว

 

“อุปกรณ์ระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูง!?” พวกเขาพากันสูดหายใจเฮือก ในสายตาเต็มไปด้วยประกายแห่งความโล?

 

อุปกรณ์ระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูงล้ําค่ายิ่งกว่าอุปกรณ์ระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นต่ํามาก ต่อให้เป็นอุปกรณ์ระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นต่ํา 20 ชิ้น ก็ไม่อาจเทียบกับอุปกรณ์ระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูงชิ้นเดียวได้!

 

“แม้จะไม่รู้ว่าเจ้าเข้ามาได้ยังไง แต่ในเมื่อเจ้าเข้ามามอบสมบัติด้วยตัวเอง พวกเขาก็คงได้แต่ขอบใจ” พวกเขาพากันยิ้ม ไม่รู้เลยว่าตอนนี้กําลังเผชิญหน้ากับตัวตนแบบไหน

 

จากนั้น ร่างของพวกเขาก็กระพริบวาบ พร้อมกับเข้าไปล้อมอี้เทียนหยุนไว้อย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะพูดด้วยรอยยิ้มชั่วร้ายว่า “เมื่อกี้นี้พวกมันเรียกเจ้าว่าลูกพึ่งั้นสินะ? ดูเหมือนว่าเจ้าจะเป็นลูกพี่พวกมันล่ะสิ ไม่คิดเลยว่าพวกมันจะยังมีพวกอยู่อีก ยังไงก็ตาม หากว่าเจ้ายอมมอบอุปกรณ์ระดับศักดิ์สิทธิ์ในมือมา พวกเราขอรับประกันเลยว่าจะปล่อยเจ้าไปไม่อย่างนั้น…”

 

และตอนนี้เอง ก็ได้มีลําแสงกระบี่พุ่งออกมา พวกเขาไม่ทันได้รู้ตัว ลําแสงกระบี่ก็ได้พุ่งผ่านไปทําให้พวกเขาไม่ทันได้เห็น และเมื่อมองไปที่อี้เทียนหยุน พวกเขาก็พบว่ามือของเขาไม่ได้มีการเคลื่อนไหวอะไร ยังคงถือกระบี่เดินเข้ามาเหมือนเดิม

 

“เมื่อกี้นี้มันอะไรกัน?” พวกเขาพากันขมวดคิ้ว แต่ก็ไม่สามารถสัมผัสได้ถึงความผิดปกติอะไร

 

แต่จากนั้นสักพัก พวกเขาก็รู้สึกเจ็บที่แขน จากนั้นก็มีเลือดฉีดพุ่งออกมาไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่แขนของพวกเขาเกิดแผลฉกรรจ์ขึ้นจนไม่สามารถยกขึ้นได้

 

“อ้ากกก…”

 

พวกเขาพากันร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด ก่อนที่จะเอามือกุมแขนแล้วรีบถอยออกไปพยายามห้ามเลือดอย่างรวดเร็ว แต่ว่าในสายตาของพวกเขาตอนนี้กลับมากไปด้วยความตื่นกลัว เพราะไม่รู้ว่าอี้เทียนหยุนลงมือตั้งแต่เมื่อไหร่ พวกเขาเห็นเพียงลําแสงกระบี่พุ่งผ่านพวกเขาไปเบาๆ จากนั้นก็ปรากฏแผลขึ้นที่แขนของพวกเขา!

 

เริ่นเหลียงเฉินกับพวกพากันกลั้นหายใจ เพราะพวกเขาก็ไม่เห็นว่าอี้เทียนหยุนลงมือไปตอนไหนเหมือนกัน ไม่คิดว่าแค่ไม่เห็นแค่ไม่กี่วัน ระดับของเขาจะเพิ่มขึ้นมาถึงขนาดนี้ ขนาดผู้เชี่ยวชาญระดับวิญญาณเที่ยงแท้สองคน ก็ยังถูกเขาจัดการได้ง่ายๆ โดยที่อีกฝ่ายไม่เห็นถึงการโจมตีของเขาแม้แต่น้อย

 

“ข้าว่าข้าช้ามากแล้วนะ แต่ไม่คิดว่าพวกเจ้าจะหลบกันไม่ได้เข้ามา มาฝึกกันต่อ” เทียนหยุนยิ้ม แต่ใบหน้ายิ้มนี้เมื่ออยู่ต่อหน้าพวกเขา กลับดูดเหมือนกับรอยยิ้มของปีศาจ

 

“ฆ่ามัน!”

 

จินเฟิงกับพวกคํารามด้วยความโกรธ ในตอนนี้ทําได้เพียงแค่ลงมือร่วมกันเท่านั้น พร้อมกับรีบใช้มือข้างที่ไม่บาดเจ็บหยิบอาวุธขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะแยกเป็นสองฝั่งขณะที่ระเบิดพลังที่ แข็งแกร่งที่สุดของตนออกมา กลิ่นอายอันทรงพลังของผู้เชียวชาญระดับวิญญาณเที่ยงแท้ทั้งสอง ตลบอบอวลไปทั่วห้อง จนทําให้มหาค่ายกลทั่วทั้งห้องเกิดการสั่นสะเทือน

 

ลําแสงกระบี่เปล่งประกายลงมาจากท้องฟ้า ก่อนที่จะกลายเป็นร่างแหปกคลุมลงมา บรรดาของใช้ที่สัมผัสกับร่างแหกระบี่นี้ ต่างก็ถูกทําให้เป็นผุยผง หากว่าที่นี่ไม่ได้มีมหาค่ายกลคอยระงับไว้ล่ะก็ ลําแสงกระบี่นี้คงจะถูกยิ่งขึ้นไปถึงบนฟ้า พร้อมกับระเบิดโรงเตี้ยมนี้ทิ้งในทันที

 

นี่เป็นเพราะพวกเขาสะกดพลังเอาไว้ให้อยู่แต่ในนี้ เพราะหากว่าทําลายมหาค่ายกลนี้ไป มันจะทําให้พวกเขาถูกพบได้

 

อี้เทียนหยุนมองพวกเขาอย่างเย็นชา ก่อนที่จะตวัดกระบี่ออกไปอย่างรวดเร็ว และก็เหมือนก่อนหน้า ลําแสงกระบี่กระพริบวาบออกไป พวกเขาพากันอ้าปากข้างพร้อมกับความรู้สึกเบาโหวงที่แขนข้างหนึ่ง ก่อนที่จะพบว่าแขนของพวกเขาเหมือนกับตัวต่อของเล่น หลุดร่วงลงจากไหล่ตกลงพื้นในทันที

 

“ฉวะ!”

 

เลือดฉีดพุ่งออกมาจากช่องว่างที่ถูกตัดอย่างน่ากลัว จนย้อมพื้นเป็นสีแดงไปหย่อมใหญ่ พร้อมๆ กับความรู้สึกเจ็บที่รุนแรงส่งมาทําให้พวกเขาพากันร้องด้วยความโหยหวน แต่ที่มากไปกว่านั้นก็คือความตกใจ และหวาดกลัว ที่ฝังลึกลงไปในใจ!

 

หากว่าก่อนหน้านี้เป็นเพราะพวกเขาประมาท แต่คราวนี้พวกเขาล้วนแต่ระวังตัวกันอย่างเต็มที่ แต่ใครจะคิดว่าเพียงพริบตา แขนก็ต้องมาถูกตัดออกไป ทั้งพวกเขายังรู้อีกว่า ตอนนี้อี้เทียนหยุนยังออมมือไว้อยู่ ไม่อย่างนั้น กระบี่ที่ตวัดออกมานี้ คงจะแทงเข้าที่หัวใจของพวกเขาไปนานแล้ว

 

“เจ้า แท้จริงแล้วเจ้ามาจากแดนศักดิ์สิทธิ์ไหนกันแน่!” พวกเขามีสีหน้าแตกตื่น หวาดกลัวโดยสมบูรณ์

 

“ไม่ได้มาจากแดนศักดิ์สิทธิ์ไหนเท่านั้น ก็แค่เจ้ามาสร้างปัญหาให้น้องชายของข้า ว่าไงไม่อยากจะลองกระบี่ต่อแล้วเหรอ? ข้ายินดีเล่นเป็นเพื่อนพวกเจ้าได้นะ ไม่มีกําหนดเวลา พวกเจ้าเล่นได้จนกว่าจะพอใจเลย” อี้เทียนหยุนเผยรอยิ้มคลุมเครือออกมา กระบี่เทพเทียนหมิงในมือของเขาไม่มีรอยเลือดอยู่แม้แต่น้อย ยังคงดูสะอาดสะอ้านเหมือนไม่ได้ทําอะไร

 

“ไม่ พะ พวกเราก็แค่ล้อพวกเขาเล่น ดะ ได้โปรดผู้อาวุโสปล่อยพวกเราไปเถอะ…” พวกเขามีสีหน้าเจ็บปวด ไม่คิดว่าคราวนี้จะมาเตะถูกแผ่นเหล็กเข้า ยิ่งกว่านั้น ยังเป็นแผ่นเหล็กกล้าอีกด้วย!

 

“ชะ ใช่แล้ว พะ พวกเราแค่ล้อเล่น พวกเราแค่ต้องการฝึกกระบี่จริงๆ ไม่ได้คิดจะทําให้ พวกเขาบาดเจ็บแม้แต่น้อย ที่เอาอาวุธของพวกเขามา ก็เพราะ….พวกเราไม่มีอุปกรณ์ระดับศักดิ์สิทธิ์ใช้ ดังนั้นจึงได้ยืมมาเล่นดูไม่ได้มีเจตนาร้ายใดใดเลยจริงๆ” จ้าวเฉวียนฝืนยิ้มในตอนนี้ เลือดของเขาหยุดไหลแล้ว แต่แขนก็ได้ขาดไปแล้วเช่นกัน

 

สีหน้าของพวกเขาซีดขาว ไม่รู้ว่าเพราะหวาดกลัว หรืออาการบาดเจ็บกันแน่

 

“วางใจเถอะ ข้าก็แค่ลองกระบี่เหมือนกัน แต่เพราะว่าควบคุมพลังได้ไม่ค่อยดี ดังนั้นจึงต้องขอโทษด้วย” อี้เทียนหยุนยิ้ม ขณะที่กระบี่เทพเทียนหมิงในมือขยับเล็กน้อย

 

พร้อมกับลําแสงที่ปรากฏออกมาอีกครั้ง อึดใจต่อมาขาของพวกเขาก็ถูกตัดออกอย่างไม่คาดคิด!

 

สร้างความหวาดกลัวจนฝังลึกลงไปในใจพวกเขา! ฝีมือสังหารที่ไร้เทียมทานนี้ ทําให้ร่างของพวกเขาล้มลงในทันที

 

“นายท่าน พวกเราผิดไปแล้ว พวกเราผิดไปแล้วจริงๆ! พวกเราจะไม่ทําเรื่องไม่ดีแบบนี้อีก ได้โปรดปล่อยพวกเราไปเถอะ!”

 

พวกเขาพากันร้องโหยหวนไม่หยุดร้องขอความเมตตาออกมา ตอนนี้พวกเขาไม่สามารถหนีไปไหนได้แล้ว ทําได้เพียงใช้มือข้างที่เหลืออยู่ พยายามยันร่างตัวเองไปพิงที่กําแพง หวังที่จะหลบอี้เทียนหยุนที่ไล่ตามมา

 

“ข้าก็แค่ลองกระบี่” อี้เทียนหยุนแสดงรอยยิ้มคลุมเครือออกมา แต่ว่าดูแล้วให้ความรู้สึกชั่วร้ายอย่างมาก

 

พวกเขาพากันตกใจจนตาโต ส่วนลึกของแววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวอย่างลึกล้ํา นี่เป็นรอยยิ้มที่น่ากลัวที่สุดที่พวกเขาเคยเห็นมาตลอดทั้งชีวิต และก็เป็นการลองกระบีที่น่ากลัวที่สุดเช่นกัน!

 

ในใจของพวกเขาตอนนี้รู้สึกผิดจนล้ําไส้เขียวคล้ํา ไม่คิดว่าแค่มาขโมยอุปกรณ์ระดับศักดิ์สิทธิ์ 3 ชิ้น จะเป็นเหตุให้ต้องทิ้งชีวิตเอาไว้ที่นี่ พวกเขาแค่อยากจะก่อการเงียบๆ เริ่นเหลียงเฉินกับพวกมีระดับที่ไม่สูงนัก แต่ว่ากลับมีอุปกรณ์ระดับศักดิ์สิทธิ์ใช้ เป็นไปได้ว่าอาจจะมีเบื้องหลังที่ไม่ธรรมดา

 

ดังนั้น พวกเขาจึงไม่มีทางที่จะปล่อยพวกเขาไป แต่ใครจะรู้ว่าจะเป็นการดึงดูดศัตรูที่แข็งแกร่งมา ยิ่งกว่านั้นยังเป็นศัตรูที่แข็งแกร่งมากอีกด้วย!