พิงไปที่ขอบหน้าต่างของรถ สีหน้าของยู่ยี่เรียบเฉย มองรถที่ขับสวนไปมามากมายผ่านหน้าต่าง เธอนั่งเหม่อลอยเผลอไผลไร้สติ……
ที่คิดไม่ถึงก็คือ ในตอนที่เธอกลับมาถึงที่ห้อง หัสดินก็กลับมาถึงแล้ว และกำลังดื่มน้ำอยู่
เธอไม่ได้หันมองเขา เปลี่ยนรองเท้าแตะของตัวเอง วางกระเป๋าลงบนโซฟา เมื่อเห็นดังนั้น หัสดินก็ไม่ได้ดื่มน้ำต่อ ยืนขวางเธอเอาไว้“วันนี้คุณเป็นอะไร?”
ที่เขาพูดนั้นหมายถึงการกระทำ และพฤติกรรมในงานเลี้ยงของเธอ
เท้าของยู่ยี่ชะงักลงทันที มองดูเขาอย่างเมินเฉย“แล้วคุณล่ะ จูบมือของเรนนี่ไปหรือเปล่า?”
ดังนั้นในตอนนี้ เขากำลังตั้งคำถามกับเธออยู่งั้นเหรอ ? เขาคิดว่าพฤติกรรมของเธอในตอนนั้นทำเขาเสียหน้ามากใช่ไหม?
“ผมถามคุณก่อน คุณไม่คิดว่าควรตอบคำถามของผมก่อนเหรอ? ”ดวงตาที่เรียวงามของหัสดินหรี่เล็กลง
“คุณตอบคำถามของฉัน และฉันก็จะตอบคำถามของคุณเอง สรุปคือคุณได้จูบมือของเรนนี่หรือเปล่า ?”
“ไม่”มุมปากหัสดินกระตุก ขมวดคิ้ว และพูดอย่างไม่พอใจเล็กน้อยว่า“ ในสถานการณ์แบบนั้น ท่าทีของคุณควรจะโอนอ่อนกว่านั้นไหม”
เมื่อได้ยินคำตอบ ท่าทีของยู่ยี่ก็อ่อนลง ท้องของเธอก็ยังรู้สึกไม่ค่อยจะดีเท่าไร เดินไปที่ตู้กดน้ำ แล้วกดน้ำอุ่นแก้วหนึ่ง
จากนั้น เธอก็หันหน้ามาหาเขา“ คุณจะจูบมือของเรนนี่ จะให้ฉันมีอารมณ์ใจเย็นอยู่ได้ยังไง ?”
“พวกเขาได้บอกกฎของเกมก่อนหน้านั้นแล้ว ไม่มีใครคัดค้านก็เท่ากับยอมรับ และสุดท้าย พวกเขาก็ยอมถอยให้ด้วยแล้วไม่ใช่เหรอ ? การจูบหลังมือก็เป็นแค่การปฏิบัติทั่วไปในต่างประเทศเท่านั้น ไม่ใช่หรือไง ? ”
เป็นเพียงแค่การแสดงออกที่สุภาพเท่านั้น เธอไม่จำเป็นต้องทำลายบรรยากาศในตอนนั้นให้กลายเป็นจุดเยือกแข็งเลย
หลังจากที่เธอออกไปได้ไม่นาน เขาก็ตามออกมา เพื่อนคนอื่นๆในห้องต่างก็ทยอยกันแยกย้าย
งานเลี้ยงรุ่นนี้ หนึ่งปีมีครั้ง ทุกคนต่างก็ไม่ได้เจอกันนาน กับแค่เรื่องไร้สาระแบบนั้น ทำให้อารมณ์ของทุกคนหมดสนุกไป มันคุ้มเหรอ ? และจำเป็นขนาดนั้นไหม?
หลุบตาลงเล็กน้อย แล้วลืมตาขึ้น ยู่ยี่จ้องเขม็งมองเขาตรงๆ ในคำพูดยังมีการถากถางและเยาะเย้ยด้วยเล็กน้อย“เหอะ พวกเขายอมถอยเหรอ ? แล้วคุณได้ถามพวกเขาไหมว่ารู้เรื่องคุณเคยมีอะไรกับเรนนี่ในตอนที่เมาด้วยหรือเปล่า ?”
สีหน้าของหัสดินก็ดูแย่ขึ้นมาเล็กน้อย มือสางไปที่เส้นผมอันหนา“ ต้องเอาเรื่องนี้มาพูดในตอนนี้ให้ได้เลยใช่ไหม?”
“ไม่ใช่ว่าฉันอยากพูดถึงมัน แต่เพราะคุณบังคับให้ฉันต้องพูด มานั่งดูสามีตัวเองจูบมือของผู้หญิงที่เคยมีอะไรกันในตอนเมา หัสดิน คุณคิดว่าฉันเป็นคนใจกว้างขนาดนั้นเลยเหรอ ?”
“แต่คุณก็ไม่จำเป็นต้องทำให้บรรยากาศมันแย่ขนาดนั้นไหม หรือยังไง?”
“หากคุณรู้จักปฏิเสธมันตั้งแต่ทีแรก เหตุการณ์ก็คงไม่มาลงเอยแบบนี้ และบรรยากาศก็คงไม่ถูกทำลาย หรือคุณไม่คิดที่จะปฏิเสธมันอยู่แต่แรก เพราะต้องการมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับเรนนี่อีกครั้ง ?”
ยู่ยี่รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย เธอในตอนนี้ไม่อยากได้ยินอะไรที่เกี่ยวกับงานเลี้ยงนั้นอีกแล้ว
แม้ว่า อารมณ์ของเธอจะอยู่เหนือการควบคุม คำพูดที่พูดออกมาก็มีการประชดประชันซ่อนอยู่ แต่มันก็เป็นความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้
“กฎของเกมมันถูกกำหนดไว้แล้ว ผมในตอนนั้นต่อให้จะพูดอะไรหรือจะหาข้ออ้างยังไง ก็ทำลายบรรยากาศอยู่ดี”
“อย่างนั้นแล้ว ภรรยาของคุณสำคัญกว่า หรืองานเลี้ยงรุ่นนั้นสำคัญกว่าล่ะ?”
หัสดินรู้สึกว่าไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องพูดเรื่องนี้กันต่อ เธอไม่ฟังอะไรเลย“ คืนนี้ผมจะไปนอนที่ห้องหนังสือ เราต่างสงบสติอารมณ์กันก่อนแล้วกัน ”
ยู่ยี่เองก็รู้สึกเหนื่อยเหมือนกัน ไม่อยากจะคุยกับเขาต่อ หากยังเป็นแบบนี้ต่อไปอีก ไม่พ้นต้องทะเลาะกันอย่างแน่นอน!
“ฉันไม่รู้สึกว่าตัวเองต้องสงบสติอะไรอีกอย่าง คุณอยากจะไปนอนที่ไหนก็เชิญตามสบาย……”
วางแก้วในมือลงบนโต๊ะกาแฟอย่างแรง เธอหันหลังแล้วเดินกลับไปที่ห้อง จากนั้นก็ปิดประตู
การแสดงออกที่ชัดเจน ทั้งสองก็เข้าสู่สภาวะของสงครามเย็น ต่างไม่มีใครยอมรับว่าเป็นความผิดของตัวเอง และคิดว่าอีกฝ่ายเป็นคนผิด
น้ำอุ่นในห้องน้ำ ยู่ยี่แช่ตัวอยู่ในอ่าง ปล่อยให้น้ำอุ่นไหลเวียนผ่านร่างกาย ขจัดความเหนื่อยล้าและอ่อนเพลีย
เขาคิดว่าเธอยังไม่ยอมโอนอ่อนให้อีกหรือยังไง ?
ในห้องที่มีแต่ควันโขมงอย่างนั้น เธอเป็นหญิงตั้งครรภ์จะทนดมกลิ่นแบบนั้นได้ยังไง เพราะไม่อยากจะทำลายความสนุกของทุกคน ดังนั้นก็จึงไม่ปริปากพูดอะไรสักคำ!
หากว่า ในคืนนี้ผู้หญิงที่ถูกจับคู่ให้ต้องร่วมเล่นเกมกับเขา หรือจะให้พูดตรงๆก็คือคนที่ถูกเลือกไม่ใช่เรนนี่ ผู้หญิงสักคนที่จะต้องทักทายกันแบบแก้มแนบแก้มและจูบที่หลังมือ เธอก็คงจะยินยอม แม้ในใจจะไม่สบายใจ หรือหึงหวงบ้างก็ตาม
กฎของเกมไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ และทุกคนต่างก็ยอมลงให้เธอ คนอย่างยู่ยี่จะดูไม่ออกมันเลยหรือยังไง ?
ก็เพราะอีกคนคือเรนนี่ ดังนั้น เธอก็จึงทนไม่ได้ และรับไม่ได้จริงๆ !
เช้าวันรุ่งขึ้น แม่บ้านมาแต่เช้า กลับเห็นหัสดินเดินออกมาจากห้องหนังสือ สวมใส่ชุดนอน ท่าทีเหมือนคนที่เพิ่งจะตื่น
เธอรีบทำอาหารเช้าอย่างรวดเร็ว หัสดินไม่ได้กิน และไม่พูดอะไรสักคำ เดินออกจากห้องไป
ในใจของเขา ยังคงรู้สึกว่ายู่ยี่นั้นไร้เหตุผล และยังทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ เธอเป็นคนผิดแท้ๆ แต่กลับไม่ยอมรับความผิดของตัวเอง
ตอนที่ยู่ยี่ตื่นนอนก็เป็นเวลาสิบโมงแล้ว แม่บ้านบอกเธอว่าหัสดินออกไปทำงาน และไม่ได้กินมื้อเช้าไปด้วย
ไม่มีปฏิกิริยาอะไร ยู่ยี่ตอบกลับเสียงเรียบ จากนั้นก็นั่งลงที่โต๊ะแล้วกินข้าวต้ม กับขนมปังอีกนิดหน่อย
แม่บ้านมองออกทันที“ พวกคุณทะเลาะกันเหรอ?”
ตอบกลับไปคำหนึ่ง แม่บ้านเองก็เห็นว่าเธออารมณ์ไม่ค่อยจะดีเท่าไรก็จึงไม่ได้ถามอะไรต่อ เริ่มทำงานของตัวเองไปจัดเก็บที่ห้องนอน
หลังจากที่ทานอาหารเช้าเสร็จไปไม่นานเท่าไร ร้านซักแห้งก็โทรมา บอกว่าเสื้อผ้าที่ส่งซักเสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้จัดส่งไปที่ไหน
เพราะเธอไปอาเจียนใส่เขา หากให้ทางร้านเป็นคนส่งคืน ต้องทำให้คนอื่นรู้สึกว่าเธอไม่มีความจริงใจให้เลย
ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ เธอก็จึงตอบกลับไปว่า ให้ฝากไว้ที่ร้านก่อนแล้วเธอจะแวะเข้าไปเอาเอง
หลังจากที่บอกกล่าวกับแม่บ้านแล้ว เธอก็จึงออกจากบ้านไป แวะไปที่ร้านซักแห้งก่อน เสื้อซักเสร็จเรียบร้อยแล้ว อีกทั้งยังพับเก็บไว้อย่างดี มีรอยยับอยู่บ้างเล็กน้อย
ขมวดคิ้ว เธอให้พนักงานของร้านรีดให้ด้วย เพราะเธอคิดว่า ผู้ชายแบบนั้นคงไม่ใส่เสื้อผ้าที่มีรอยยับเป็นแน่
ไปตามที่อยู่ที่เขาได้บอกเธอเอาไว้เมื่อวาน เธอไปที่วิลล่าเกสร วิวของวิลล่าเกสรนั้นสวยมาก ด้านซ้ายเป็นทะเล ราคาบ้านแถวนั้นก็ย่อมต้องสูงแน่นอน
เดินไปถึงห้องเลข302 ขาที่ก้าวอยู่ก็หยุดลง มันคือวิลล่าส่วนตัว และยังเป็นห้องที่เห็นวิวของทะเลด้วย
ยกมือขึ้น เธอกดไปที่กริ่งประตูเบาๆ รออยู่ชั่วครู่ก็ไม่มีใครมาเปิดประตูให้ ในใจคิด หรือจะไม่มีใครอยู่ ?