ตอนที่ 361 แปดชั่วโมงเพียงพอสำหรับคุณไหม

ปาฏิหาริย์รัก เทพธิดาจำแลง

วันรุ่งขึ้นถังซีใช้เวลาทั้งวันที่โรงเรียนตามปกติ หลังจากนั้นเธอก็ไปหาเฉียวอวี่ซิน แล้วจึงไปสนามบิน เมื่อเธอมาถึงสนามบินฉู่หลิงกับคนอื่นๆ มารออยู่แล้ว ถังซีรีบเดินไปเข้าไปหาพวกเขาพร้อมกับกล่าวว่า “ขอโทษนะคะ ที่ฉันมาช้า” 

 

 

หลี่มั่นเหยียนรู้จากข่าวว่าถังซียังเรียนหนังสือในโรงเรียน เธอชื่นชมถังซีมากจึงกล่าวว่า “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ท่านประธานเซียว พวกเราก็เพิ่งมาถึงเหมือนกัน ขั้นตอนการเช็กอินเรียบร้อยแล้ว นี่ตั๋วเครื่องบินของคุณค่ะ” 

 

 

ถังซีรับตั๋วเครื่องบินมาดูและกล่าวขอบคุณ “ขอบใจนะ นี่ก็ได้เวลาแล้ว เราไปเข้าเครื่องสแกนกันเถอะ” 

 

 

“ไม่ต้องแล้ว” ทันใดนั้นจู่ๆ ฉู่หลิงก็กล่าวกับเธอ “ไปขอคืนค่าตั๋วเถอะ มีคนเตรียมเครื่องบินไว้ให้คุณแล้ว บนเครื่องคุณจะได้ปลดปล่อยจินตนาการ และออกแบบเซตเสื้อผ้าตามแนวคิดความมีอิสรเสรี” 

 

 

ถังซีเลิกคิ้ว เมื่อเห็นเซียวจิ่งรีบเดินมาหาเธอและกล่าวว่า “โหรวโหรว พี่ไม่ได้บอกเธอหรือว่าพี่จะไปฝรั่งเศสกับเธอด้วย ทำไมไม่รอพี่ พี่ไปรับที่โรงเรียน ถึงได้รู้ว่าเธอมาสนามบินแล้ว” 

 

 

ถังซีมองหน้าเซียวจิ่ง ดวงตาเธอมีแววประหลาดใจขณะกล่าวว่า “พี่จิ่ง ฉันไม่ใช่เด็กๆ นะ ฉันจัดการธุระของตัวเองได้ และ… ฉัน…” ทันใดนั้นเธอก็เห็นเฉียวเหลียงเดินเข้ามาหา เธอจ้องมองด้วยดวงตาเบิกกว้าง รีบเดินเข้าไปหาเขาถามว่า “คุณมาทำอะไรที่นี่ คุณไม่ต้องจัดการเรื่องงานของบริษัทคุณเหรอ” 

 

 

“ผมคงเอาแต่ห่วงคุณ ถ้าคุณไปฝรั่งเศสคนเดียว และ…” เฉียวเหลียงเหลือบมองถังซี และยิ้มขณะกล่าวว่า “เฉียวอินเตอร์แนชันนัลกรุปก็ต้องไปแสดงในแฟชั่นวีกด้วย เพราะฉะนั้นผมจึงต้องไปเหมือนกัน” 

 

 

“และผมด้วย” ถึงตอนนี้ลู่หลีก็ปรากฏตัวขึ้นเบื้องหลังเฉียวเหลียง และกล่าวว่า “งานของเราเกือบเสร็จแล้ว และเนื่องจากนี่เป็นการแสดงแฟชั่นโชว์ครั้งแรกของคุณ ผมคิดว่าผมควรไปดู เพราะผมเป็นคนในวงการแฟชั่น” 

 

 

แม้บริษัทของถังซีจะชื่อว่า ‘เดอะควีน’ แต่ก็ออกแบบเครื่องแต่งกายสำหรับผู้ชายด้วย 

 

 

ถังซีรู้สึกยินดีมาก ลู่หลีกล่าวว่า “ผมสงสัยมานานแล้วว่าทำไมรสนิยมการแต่งตัวของเฉียวเหลียงถึงดีขึ้น ตอนนี้ผมรู้เหตุผลแล้ว เสื้อผ้าของเขาออกแบบโดยคุณ ดังนั้นผมจะขอให้เดอะควีนออกแบบเสื้อผ้าทั้งหมดของผมในอนาคต ถ้าหากแฟชั่นโชว์ของคุณประสบความสำเร็จในงานแฟชั่นวีกครั้งนี้” 

 

 

“แน่นอนค่ะ ขอบคุณมากนะคะ ที่สนับสนุนเรา” ถังซียินดีมากที่ได้ยินคำพูดของเขา และกล่าวด้วยความขอบคุณ ฉู่หลิงมองดูคนทั้งสองแล้วก้าวออกมาข้างหน้า ถามอย่างไม่สบอารมณ์ “นี่พวกคุณจะไปกันได้หรือยัง” 

 

 

“เครื่องบินกำลังจะขึ้นแล้ว ไปกันเถอะ” ลู่หลีแสดงสัญญาณให้ถังซีเริ่มออกเดิน ด้วยท่าทางของสุภาพบุรุษทุกกระเบียดนิ้ว ถังซีคล้องแขนเฉียวเหลียงเดินไปเข้าเครื่องสแกนเพื่อป้องกันความปลอดภัยของสนามบิน ขณะที่ใครคนหนึ่งในกลุ่มไปจัดการเรื่องคืนตั๋วเครื่องบิน 

 

 

ระหว่างทางเดินไปขึ้นเครื่องบิน ลู่หลีคอยมองจิ้นหัน จนจิ้นหันรู้สึกได้และนิ่วหน้า ก่อนจะหันกลับมามองและถามอย่างเย็นชา “เฮ้ มีอะไรเหรอครับ” 

 

 

ลู่หลีเลิกคิ้ว ส่ายศีรษะด้วยรอยยิ้ม “ไม่มีอะไร” 

 

 

จิ้นหันเหลือบมองลู่หลี แล้วพาหลี่มั่นเหยียนเดินไปที่ประตูผู้โดยสารขาออก ขณะดินนำหน้าจิ้นหันกับหลี่มั่นเหยียนถังซีได้ยินการสนทนาของทั้งสองฝ่าย เธอหันกลับไปมองคู่หนุ่มสาวแล้วเดินต่อไป ถังซีเองก็มีเครื่องบินส่วนตัว และเคยนั่งเครื่องบินส่วนตัวของเฉียวเหลียง แต่เธอต้องแปลกใจกับเครื่องบินลำนี้ ซึ่งมีขนาดใหญ่มากและมีความสะดวกสบายพร้อมทุกอย่าง นอกจากห้องนอนแล้วยังมีห้องประชุมอีกหลายห้อง ถังซีมองเฉียวเหลียงอย่างประหลาดใจ จากนั้นก็หันไปมองลู่หลี ลู่หลีเดินเข้ามาหาด้วยรอยยิ้มและถามถังซี “ชอบเครื่องบินลำนี้ไหม คุณเซียว พอใจไหมกับทุกสิ่งทุกอย่างในนี้” 

 

 

ถังซีส่ายหน้าด้วยความตื่นตาตื่นใจ พร้อมกับอุทาน “พระเจ้า เครื่องบินลำนี้… พี่ลู่คะ… มีลำเดียวในโลกหรือเปล่า” 

 

 

“ใช่ครับ รุ่นนี้ยังไม่มีขาย ถึงแม้จะเริ่มผลิตขึ้นแล้วตั้งแต่สองปีก่อน แต่มีเพียงผู้บริหารของเราเท่านั้นที่มีเครื่องบินรุ่นนี้ใช้กัน” 

 

 

ถังซียิ้ม ลู่หลีป้องปากกระซิบกับถังซีว่า “แฟนคุณก็มีลำหนึ่งเหมือนกัน แต่เขายังไม่อยากนำออกมาใช้” 

 

 

ถังซียิ้มอีก เมื่อเห็นเช่นนี้จิ้นหันก็รู้สึกประหลาดใจ เขารู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ดูคุ้นหน้า แต่เขานึกไม่ออกว่าเป็นใคร ผู้ชายคนนี้ดูเหมือนจะรวยมาก… แต่ทำไมถึงมองเขาด้วยสายตาแบบนั้น 

 

 

ขณะนั่งอยู่บนเครื่องบินทันใดนั้นความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นในสมองถังซี เธอออกแบบเสื้อแจ็กเกตหนัง ประดับด้วยหมุดโลหะ ผู้สวมใส่จะดูมีพลังและมีความมั่นใจ จากนั้นเธอก็ออกแบบกางเกงยีน ให้ต่างออกไปจากกางเกงยีนโดยทั่วไป เป็นชุดที่ดูพิเศษและน่าสนใจ ถังซีวางปากกาลงบนโต๊ะ ส่งภาพสเก็ตช์ให้ลู่หลีดูและถามว่า “พี่ลู่ว่าชุดนี้เป็นยังไงคะ” 

 

 

ลู่หลีดูภาพสเก็ตช์งานออกแบบแล้วมองหน้าเฉียวเหลียงด้วยสายตาตื่นตะลึง ก่อนจะกล่าวว่า “เฮ้ แฟนคุณนี่มีพรสวรรค์ในการออกแบบจริงๆ นะ ผมไม่อยากเชื่อเลยว่าแค่ออกแบบอย่างไม่ตั้งใจจะยอดเยี่ยมมากขนาดนี้ ถึงแม้สีสองสีนี้จะดูไม่เข้ากัน… หรือพูดตามตรง เรามักจะไม่ใส่สองสีนี้ด้วยกัน… แต่กลับดูกลมกลืนกันมากเลยในแบบที่เธอดีไซน์!” 

 

 

ถังซีรู้สึกโล่งอกที่ได้ยินคำพูดของเขา เธอกล่าวว่า “เอาละค่ะ ถ้าอย่างนั้นเรามาทำเสื้อผ้าห้าชุดนี้ก่อนเป็นอันดับแรก เปิดตัวออกสู่ตลาดแบบรุ่นที่ผลิตจำกัด” 

 

 

ฉู่หลิงขมวดคิ้วตอนที่เห็นถังซีสเก็ตช์ภาพ และตอนนี้เมื่อเห็นผลงานที่เธอออกแบบเสร็จแล้ว เขาก็ถามว่า “คุณยังมีอารมณ์จะออกแบบอีกไหม” 

 

 

ถังซีไม่เข้าใจว่าเขาหมายความว่าอย่างไร เธอมองเขาด้วยสายตาประหลาดใจ และกะพริบตาปริบๆ “ฮึ… ทำไมเหรอคะ” 

 

 

“ผมหมายความว่าคุณสามารถออกแบบเครื่องแต่งกายผู้ชายเพิ่มอีกได้ไหม” ฉู่หลิงหยิบภาพสเก็ตช์จากมือลู่หลีและกล่าวว่า “ดูเหมือนคุณจะมีพรสวรรค์ในการออกแบบเครื่องแต่งกายชายมากกว่านะ เสื้อผ้าผู้ชายที่คุณออกแบบมา ดีกว่าแบบเสื้อผ้าผู้หญิงของคุณ เสื้อผ้าพวกนี้ดูมีจิตวิญญาณ!” 

 

 

ถังซีรู้สึกเหมือนกำลังเดินอยู่บนอากาศ จากการได้รับคำชมของฉู่หลิง 

 

 

“ได้สิ ฉันกำลังมีอารมณ์อยากออกแบบ ให้เวลาฉันหน่อยก็แล้วกัน” ถังซีกล่าว “ถ้าคุณคิดว่าเครื่องแต่งกายชายที่ฉันออกแบบใช้ได้ ฉันขอเพิ่มเข้าไปในคอลเลคชั่นที่เราจะแสดงได้ไหม” 

 

 

“ได้เลย ผมจะเป็นนายแบบให้คุณเอง” ฉู่หลิงมองหน้าถังซีอย่างจริงจัง กล่าวว่า “เครื่องแต่งกายชายที่คุณออกแบบเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในโชว์ ถ้าเราอยากสร้างความประทับใจ” 

 

 

“ตกลง!” ถังซีกล่าวด้วยท่าทางครุ่นคิด “ฉันมีเวลาเท่าไร” 

 

 

“ใช้เวลาแปดชั่วโมงจากเมือง A ไปปารีสนี่แหละ แปดชั่วโมงเพียงพอไหมสำหรับคุณ”