“เจ้าเองก็เรียกข้าว่ายูอึลจินได้หรือไม่”
รูแฮรู้ดีว่าที่มกกุกหากเรียกเพศตรงข้ามเพียงแค่ชื่อ ไม่เอ่ยนามสกุลด้วยนั้นหมายความว่าอย่างไร และกโยซึลเองก็รู้ดีเช่นกันเพราะนางได้ฟังที่บีพาอันบอกไว้ก่อนหน้านี้แล้ว
มันคือการเรียกคนรู้ใจ
ในระหว่างที่ทั้งคู่จ้องมองกันโดยไร้ซึ่งคำพูดใด ในที่สุดกโยซึลก็พยักหน้าตอบรับไ เพียงเท่านั้นก็ทำให้รูแฮเบิกตากว้าง ลมหายใจกระตุก เต็มเปี่ยมไปด้วยความปีติยินดีอย่างไม่น่าเชื่อ
“จริงหรือ…”
แม้แต่จะพูดให้เป็นประโยคก็ไม่สามารถทำได้ ทั้งๆ ที่ตนพรั่งพรูคำอ้อนวอนไปมากมาย ทว่าในตอนนี้กลับนึกคำพูดใดไม่ออก กโยซึลที่เห็นปฏิกิริยาของรูแฮจึงเอ่ยออกมาอย่างช้าๆ ด้วยเสียงที่สั่นไหว
“เราไม่รู้จริงๆ ว่าควรต้องทำอย่างไรจึงจะเป็นสิ่งที่ถูกต้อง”
กโยซึลจ้องมองไปที่รูแฮด้วยแววตาที่เจือไปด้วยความเศร้าสร้อย ถึงแม้จะรู้ดีว่าการทำเช่นนี้เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง แต่ตนก็ไม่สามารถปฏิเสธเขาได้เลย กโยซึลทำได้เพียงพยักหน้าตอบตกลง ในขณะเดียวกันน้ำตาก็หลั่งไหลออกมา ร่วงลงบนหลังมือของรูแฮที่จับมือของนางไว้แน่นตามจังหวะการพยักหน้า
“แต่สิ่งที่เรามั่นใจก็คือ…”
น้ำตายังคงหลั่งไหลออกมาจากดวงตาของกโยซึล ภาพที่มองเห็นอยู่ตอนนี้คงจะน่าสงสารมาก รูแฮจึงยื่นมือออกไปกุมที่แก้มของนาง เขาสัมผัสได้ถึงความร้อนที่แผ่กระจายออกมา รูแฮรู้สึกราวกับว่าเขาสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่ร้อนรนของกโยซึลผ่านทางฝ่ามือของตน
“เราไม่สามารถปฏิเสธหัวใจตัวเองที่มีให้แก่…ให้แก่ท่านได้อีกต่อไปแล้ว”ไ
“ข้ารักเจ้า”
หลังจากที่กโยซึลพูดจบ รูแฮก็สารภาพออกไปในทันที เขาใช้มือลูบไล้คราบน้ำตาบนใบหน้าของ
กโยซึล สัมผัสเปียกชื้นช่างเหมือนกับหัวใจของนาง เหมือนกับหัวใจที่แสนน่าเวทนาที่ต้องคอยอดกลั้น ปิดบังความรู้สึกของตนจนในที่สุดมันก็ปะทุออกมา เพราะฉะนั้นเขาจึงอยากปลอบโยนนางว่าในตอนนี้ไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้นอีกแล้ว นางสามารถเปิดเผยความในใจของตัวเองออกมาได้อย่างเต็มที่
“รัก…”
ริมฝีปากแดงระเรื่อของกโยซึลขยับตามรูแฮ ไม่รู้ว่านางสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากฝ่ามือนั้นหรืออย่างไร ริมฝีปากแดงระเรื่อนั้นถึงได้ยกยิ้มขึ้น
ทำอย่างไรดี เหตุใดถึงได้น่าเอ็นดูเพียงนี้
ไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป รูแฮเองก็อดทนมาตลอดเช่นเดียวกันกับ จนในที่สุดทั้งคู่ก็ได้เผชิญหน้ากัน ได้เปิดเผยความในใจต่อกัน อีกทั้งกโยซึลยังตอบรับคำร้องขออ้อมๆ ของรูแฮอีกด้วย หากเป็นเช่นนี้แล้ว ตนก็สามารถเดินหน้าต่อไปได้อีกก้าวหนึ่งใช่หรือไม่ ตลอดยี่สิบปีที่ผ่านมา รูแฮไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าตัวเองจะซ่อนความปรารถนาอันแรงกล้าไว้ในใจได้ถึงเพียงนี้
ฝ่ามือที่ลูบไล้แก้มของกโยซึลเริ่มขยับช้าลง ปลายนิ้วที่เคยขยับไปตามคราบน้ำตาของกโยซึลนั้นในตอนนี้เริ่มสัมผัสกโยซึลโดยตรง พวงแก้มนุ่ม โครงหน้าที่ชัดเจน ริมฝีปากแดงดั่งกลีบดอกไม้ ปลายนิ้วที่เช็ดน้ำตาบนใบหน้าไปจนหมดลูบไล้ผิวเนื้อของกโยซึลอย่างอาวรณ์ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะกโยซึลเองก็รับรู้ได้ถึงความรู้สึกภายในใจของรูแฮหรืออย่างไร นางจึงเอียงแก้มเข้าหาฝ่ามือนั้นมากขึ้น และสัมผัสของ
กโยซึลก็ยิ่งทำให้รูแฮยิ่งร้อนรุ่ม เมื่อกโยซึลเอียงแก้มเข้าหาฝ่ามือตน รูแฮจึงลูบริมฝีปากของนางด้วยนิ้วหัวแม่มือในที่สุด ปากของรูแฮอ้าออกเล็กน้อย เขาต้องการเข้าไปใกล้นางให้มากขึ้นจึงขยับตัวชิดกรงขัง และในตอนนั้นเอง
“แต่” กโยซึลวางมือของตนลงบนฝ่ามือที่จับแก้มตนอยู่แล้วจ้องมองไปที่รูแฮ “การเอ่ยเรียกกันด้วยนามแท้ของเรานั้นมิอันตรายไปหน่อยหรือ”
“อันตรายอย่างนั้นหรือ…”
“เพราะในครั้งนั้นก็ถูกจับได้เพราะเราเรียกท่านว่ายูอึลจิน”
ที่มกกุกการที่หญิงชายจะเรียกกันเพียงชื่อนั้นทั้งคู่ต้องเป็นสามีภรรยากัน เพราะเป็นธรรมเนียมที่ปฏิบัติกันมานาน หากใครได้ยินชายหญิงคู่ใดเรียกกันและกันเพียงชื่อนั้นย่อมคาดเดาได้ว่าทั้งคู่เป็นสามีภรรยากัน ด้วยเหตุนี้จึงถือว่าไม่ปลอดภัยยิ่งนักต่อความสัมพันธ์ลับๆ นี้ รูแฮรับรู้ได้ถึงความกังวลของ
กโยซึลได้ในทันที ทว่าการเรียกนางว่า ‘พระชายา’ เช่นผู้อื่นนั้นเหมือนเป็นการตอกย้ำถึงสถานะของทั้งคู่อยู่ตลอดจึงทำให้ตนรู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างยิ่ง รูแฮอยากจะเข้าใกล้กโยซึลในฐานะที่ตนคือรูแฮ แล้วก็อยากให้กโยซึลทำเช่นนั้นกับตนเช่นกัน และในตอนนั้นเขาก็คิดหาหนทางออก
“เช่นนั้นเอาอย่างนี้ดีหรือไม่ เราเรียกกันด้วยชื่อเล่นดีหรือไม่ ภายในราชวงศ์เองก็เรียกกันอย่างเปิดเผย มีเพียงแค่เราสองคนที่รู้ถึงความหมาย”
ขณะที่รูแฮอธิบายหนทางที่ตนคิดได้อย่างกระตือรือร้น กโยซึลก็เอาแต่จดจ่ออยู่กับคำๆ หนึ่ง นางเอ่ยคำนั้นออกมาเบาๆ
“เรา…”
“ชื่นชอบคำว่าเราอย่างนั้นหรือ”
กโยซึลพยักหน้าแดงฉาดของตน นางมักจะหวั่นไหวกับคำพูดและการกระทำที่ถึงแม้จะไม่ได้มีอะไรพิเศษของรูแฮอยู่เสมอ และรูแฮเองก็คิดว่าท่าทีเช่นนี้ของกโยซึลช่างงดงามจนทำให้ใจของตนสั่นไหว
“เรา จากนี้ไปเราคือเรา”
มือที่สัมผัสกันอยู่ในตอนนี้เกี่ยวประสานกัน เพิ่งจะตระหนักได้ว่าไม่ว่าอย่างไรก็ต้องยอมรับมัน ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เช่นเดียวกับลำดับขั้นตอนที่ถูกกำหนดไว้แล้ว การกระทำของทั้งคู่นั้นเป็นไปอย่างธรรมชาติมากขึ้นหลังจากที่ได้เปิดเผยความในใจต่อกันและกัน ทั้งสองจ้องมองกันอย่างรักใคร่จนทำให้วันเวลาที่ทั้งคู่ทำเป็นมองไม่เห็นความรู้สึกภายในใจของตนกลายเป็นเรื่องน่าขบขัน
“หากมีผู้ใดมาได้ยินก็สามารถบ่ายเบี่ยงได้ว่าข้ากำลังเอ่ยเรียกพระชายาฮวางแทจา”
“ดียิ่ง รูแฮ”
“กโยซึล”
กโยซึลและรูแฮเอ่ยเรียกซึ่งกันและกันอย่างรักใคร่ แค่เพียงเรียกชื่อของอีกฝ่ายก็ทำให้ใจเต้น ริมฝีปากแย้มยิ้มออกมาได้ แค่เพียงเอ่ยเรียกก็รู้สึกอบอุ่นและทำให้มีรอยยิ้ม
“กโยซึลของข้า”
รูแฮขยับเข้าไปใกล้กรงขังมากขึ้น กรงขังไม้นี้มีช่องว่างค่อนข้างกว้างเพียงพอที่รูแฮสามารถยืนแขนทั้งสองลอดผ่านได้ และใบหน้าของกโยซึลเองก็สามารถลอดผ่านได้เช่นเดียวกัน รูแฮเอื้อมแขนออกไปดึง
กโยซึลเข้ามากอด กโยซึลยินยอมเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนนั้นแต่โดยดี หากไม่มีกรงขังกั้นไว้นางคงเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของรูแฮโดยสมบูรณ์ กรงขังที่ขวางกั้นอยู่นี้ช่างทำให้พวกเขาดูน่าขันยิ่งนัก รูแฮรู้สึกเสียใจยิ่งที่ตนถูกขังอยู่อย่างนี้ ทว่ากรงขังนี้ก็หาได้ขัดขวางเขาได้ไม่ รูแฮค่อยๆ สานต่อความตั้งใจก่อนหน้านี้ที่ถูกหยุดไว้ด้วยคำถามของกโยซึล