บทที่ 25 ตัวแทน
การที่โหยวเทียนหย่างหนีออกมาได้เช่นนี้ทำให้เขามีความสุขมาก
มันเป็นความสุขและความตื่นเต้นจากการค้นพบพลังใหม่ที่เขาเพิ่งจะเคยมี
แม้ตอนนี้เขากำลังหนีเอาชีวิตรอด แต่ก็รู้สึกดีที่พลังในร่างได้รับการปลดปล่อย
และในขณะเดียวกันเขาก็ใช้พลังจำนวนมากไปกับการวิ่งหนี
เพื่ออิสรภาพและเพื่อโอกาสมีชีวิตรอดของเขาเอง
เขามัวแต่ตื่นเต้นยินดีจนไม่เห็นว่าตรงหน้าพลันมีคนปรากฏขึ้นขวางทางเขาไว้คนหนึ่ง
เมื่อเห็นท่าดาบซัดเข้ามาเขาจึงไม่ทันได้ตั้งตัว
เขาไม่มีเวลาชะลอฝีเท้า ได้แต่พุ่งเข้าไปเอาตัวกระแทกดาบเบื้องหน้า
วิ่งเข้าไปเอาตัวรับดาบที่กำลังเสือกเข้ามา โอบรับไอสังหารที่ส่งมาพร้อมกับท่าดาบนั้นเต็มที่
พริบตานั้นเอง ในหัวของโหยวเทียนหย่างพลันมีความคิดหนึ่งแล่นขึ้นมา
นี่ข้ากำลังจะตายงั้นหรือ ?
ตลกแล้ว ! ข้าเพิ่งจะปลุกสายเลือดให้ตื่นขึ้นได้ แล้วตอนนี้กลับจะถูกสังหารแล้วหรือ
เขาคิดยังไม่ทันจบ ก็เห็นว่าดาบนั้นหยุดอยู่กลางทาง
ท่าดาบหยุดชะงักลงราวกับมีใครมาหยุดมันไว้
จังหวะที่ชะงักไปนั้น โหยวเทียนหย่างจึงได้โอกาส
เขาพลันได้สติ
เมื่อดาบกำลังจะปะทะร่าง พลันมีคลื่นพลังมหาศาลระเบิดออกจากร่างโหยวเทียนหย่าง กล้ามเนื้อทุกมัดในร่างหดตัวลงพร้อมกัน ทำให้ผิวหนังแข็งดั่งเหล็กกล้า
ในเวลาเดียวกันนั้น ดาบก็แทงเข้าร่างโหยวเทียนหย่าง ทะลวงเข้าไปในเนื้อกายเขา
เคร้ง เคร้ง !
มันเป็นเสียงราวกับเหล็กถูกบดขยี้ก็มิปาน
ถัดมา คลื่นพลังรุนแรงก็ระเบิดอยู่ภายในร่างโหยวเทียนหย่าง
ตู้ม !
จนโหยวเทียนหย่างร่างกระเด็นไปไกล
แต่เมื่อร่างกระเด็นลอยไป เขาก็อ้าปากคำรามลั่น คลื่นพลังหนึ่งพุ่งออกจากปาก ปะทะเข้ากับเฝิงซีหั่วที่พลันร้องเสียงเจ็บปวดออกมา
เขากระอักเลือดอึกหนึ่งแล้วล่าถอยไป
แต่ในตอนที่กำลังถอยนั้น ประตูบานหนึ่งในบ้านแถบนั้นก็ถูกทำลาย พร้อมกับดาบที่เสือกเข้าแทงช่วงท้องเฝิงซีหั่ว
การโจมตีครั้งนี้ทั้งเร็วทั้งโหดเหี้ยมจนเฝิงซีหั่วคล้ายกับไม่อาจหลบทัน แต่เขากลับร้องเสียงประหลาดออกมา ก่อนร่างจะบิดเป็นท่าพิกล จากนั้นก็เหินขึ้นด้านบนไปทันใด
ดาบหั่นภูผาไล่ตามเขาไปด้านบน อย่างไรก็ต้องได้เลือดมาล้างดาบ
เฝิงซีหั่วหลบได้อีกครั้ง เขาก้าวเท้ากลางอากาศหลายครา ส่งผลให้ดาบหั่นภูผาที่เกือบแยกร่างเขาเป็นสองส่วนเฉียดร่างเขาไปเพียงนิด ทว่าพริบตาต่อมาก็มีเปลวเพลิงสีดำล้อมกายเฝิงซีหั่วไว้แล้วค่อย ๆ บีบเข้ามา
เฝิงซีหั่วเปลี่ยนทิศอย่างรวดเร็วเป็นครั้งที่สาม ครั้งนี้เขาพุ่งลงพื้นไป เปลวดำเผาผมเขาไปเล็กน้อย แต่ไม่ถูกตัวเขา
เมื่อร่วงลงมาแล้วเขาก็กลิ้งตัวไปทันที จากนั้นชักดาบออกมา ตวัดมันคราหนึ่งใส่คู่ต่อสู้ พร้อมกับที่ถอยลงไปด้วย
แม้จะเป็นท่วงท่าเรียบง่าย แต่ก็เป็นท่าที่เขาภูมิใจมาก ตอนนี้เขาใช้วิชามากมายติด ๆ กันเช่นนี้ เขาจึงไม่อาจเรียกใช้พวกมันได้อีกสักระยะหนึ่ง ดังนั้นเขาตวัดดาบครานี้ออกไป ไม่ใช่เพื่อหมายโจมตีร้ายแรง แต่เพื่อบีบให้ศัตรูถอยไปต่างหาก
หากแต่จุดแข็งของการลอบโจมตี นั่นคือการที่สามารถเตรียมพร้อมมาได้แล้วนั่นเอง
สามารถตระเตรียมทุกอย่างไว้ล่วงหน้าได้เป็นอย่างดี !
ซูเฉินพุ่งเข้าใส่ไม่หยุดฝีเท้า ทำให้ดาบของเฝิงซีหั่วปะทะเข้าร่างทันที
ดาบสลายจันทร์ทำลายผู้พิทักษ์แห่งเม็ก เจาะผ่านเกราะหนักลึกลับ แต่มาหยุดลงตรงชุดคลุมเส้นใยปะการังและเกราะรบเหล็กกล้า
ปลายดาบหั่นภูผาตวัดลงมาอีกครั้ง
ทว่าเฝิงซีหั่วยังมีอุบายซ่อนอยู่อีก
แสงสีแดงเปล่งออกจากร่าง สกัดดาบหั่นภูผาไว้ได้ แม้มันจะสามารถใช้ปกป้องการโจมตีได้เพียงครั้งหนึ่ง แต่เฝิงซีหั่วก็ยังสามารถรั้งมันไว้เพื่อรับอีกหนึ่งกระบวนท่าได้
จากนั้นเฝิงซีหั่วถอยไปอีกครั้ง
เขารวดเร็วจนไม่น่าเชื่อ ซูเฉินก้าวได้หนึ่งก้าว แต่เขากลับก้าวไปสามก้าวแล้ว
ระยะห่างระหว่างทั้งสองจึงเริ่มไกลขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
หากแต่ชั่วอึดใจต่อมา ซูเฉินก็เบิกตากว้างแล้วปล่อยแสงสว่างจ้าออกมา เฝิงซีหั่วชะงักค้างไปในทันใด
ซูเฉินฉวยจังหวะนี้พุ่งเข้าไปอีกครั้ง เงื้อดาบหั่นภูผาลงมาอีกครา
ฟ้าว !
คมดาบพลาดไปเพียงนิดเท่านั้น
ร่างของเฝิงซีหั่วสลายไปกลายเป็นจุดแสงนับล้าน ในเวลาเดียวกันนั้น เงาร่างอีกหนึ่งก็กระโจนขึ้น ข้ามกำแพงไปยังตรอกอีกฝั่ง คือเฝิงซีหั่วนั่นเอง
คนผู้นี้มีวิชาหลบหนีมากมายจนไม่น่าเชื่อ กระทั่งตกอยู่ในสถานการณ์เมื่อครู่ยังหลบหนีไปได้
เมื่อเห็นว่าเฝิงซีหั่วใกล้จะหนีออกจากตรอกไปได้ ภาพร่างซูเฉินก็ดูเลือนรางจนหายไป สักพักก็มาปรากฏตัวขึ้นอยู่ข้าง ๆ เฝิงซีหั่ว ก่อนจะออกท่าดาบอีกครั้ง
ครั้งนี้เฝิงซีหั่วไม่อาจมีทางหลบได้อีก
“อ๊ากกกก !”
สิ้นเสียงร้องลั่น แขนข้างหนึ่งก็กระเด็นไป
หยาดเลือดสาดกระเซ็นไปทั่ว
เฝิงซีหั่วไม่ชะลอฝีเท้า แต่กลับเร่งความเร็วขึ้น ราวกับความเจ็บปวดยิ่งทำให้พลังเขาพุ่งพรวดขึ้นมา
“ข้าจะจำเจ้าไว้ !” เขาร้องลั่นพลางสับฝีเท้าวิ่งออกจากตรอก ก่อนจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย
“ไม่ต้องจำข้าหรอก” ซูเฉินเงื้อดาบหั่นภูผาขึ้น ตัวดาบพลันขยายใหญ่ขึ้นแล้วทะลวงผ่านกำแพงใกล้ ๆ เข้าไป “เพราะเจ้าจะตายแล้ว”
ฉัวะ !
ศีรษะกับร่างของเฝิงซีหั่วถูกแยกออกเป็นสองส่วน ร่างกายท่อนล่างก้าวไปด้านหน้าสองก้าว ก่อนจะล้มลงกับพื้น
ซูเฉินเอื้อมมือไปผลักกำแพงเล็กน้อย มันก็ถล่มลงมา
ก่อนเขาจะเดินข้ามซากกำแพงมา
“เจ้า…… รู้ได้อย่างไร…… ว่า…… ข้า……” เฝิงซีหั่วสำลักเลือดพลางเค้นคำออกมา
ซูเฉินตอบ “เจ้าไม่น่าเอ่ยคำออกมา หูข้าดีมาก พอเจ้าพูด ข้าก็รู้ว่าเจ้ายังไปไหนไม่ไกล แต่พอออกจากตรอกไปได้ เจ้ากลับวิ่งสวนทางเดิมแล้วยืนหลบอยู่อีกฝั่งของกำแพงแทน มีทางนี้เท่านั้นที่เจ้าจะสามารถหายตัวไปหลังออกจากตรอกได้ในทันที…… อย่าลืมว่าข้าก็ใช้กลยุทธ์เดียวกันกับเจ้า”
“ข้า…… นี่มัน…… ประมาท…… เกินไป !” ศีรษะเฝิงซีหั่วห้อยลง ก่อนจะสิ้นใจลงในที่สุด
ซูเฉินจ้องศพก่อนเอ่ยขึ้น “ถึงจะวิ่งสุดฝีเท้า ข้าก็ไม่ปล่อยเจ้าไปอยู่แล้ว”
เขามีเรือเหาะจักรพรรดิมังกรวารีหลากอยู่ มีหรือจะปล่อยให้เฝิงซีหั่วหนีไปได้ ?
หากแต่ความสามารถในการเอาตัวรอดจากสถานการณ์หมิ่นเหม่ของคนผู้นี้ล้ำลึกนัก ไม่แปลกที่เยว่หลงซาและคนอื่น ๆ ไม่อาจทำอะไรเขาได้
เขาหันไปอีกด้าน เห็นโหยวเทียนหย่างยังนอนนิ่งอยู่บนพื้น
ซูเฉินวิ่งเข้าไปตรวจดูอาการอีกฝ่าย ยืนยันแล้วว่าโหยวเทียนหย่างยังไม่ตาย แม้จะเกือบถึงชีวิตก็ตาม
ซูเฉินหัวเราะ “โชคดีที่เจ้ามาพบข้าเข้า แต่เจ้าก็โชคร้ายเช่นกัน”
เขาหยิบยาขวดหนึ่งขึ้นมาแล้วกรอกใส่ปากโหยวเทียนหย่าง
หลังจากนั้นเขาก็ยืนคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหยิบดาบขึ้นมายัดใส่มืออีกฝ่าย เสร็จแล้วก็ทำการเคลื่อนย้ายร่างเฝิงซีหั่วไปอีกด้าน ทำให้เหมือนกับทั้งสองคนสู้กันจนตายไปข้างหนึ่ง เสร็จสิ้นแล้วเขาก็หมุนตัวเดินจากไป
และเพราะว่ารีบนัก เขาจึงทำพลาดไปหลายจุด แต่จูเซียนเหยาและคนอื่น ๆ ก็ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ คงจะไม่สังเกตเห็นกระมัง
ซูเฉินเพิ่งจะจากไป ยามที่จูเซียนเหยาวิ่งเข้ามา
เมื่อเห็นโหยวเทียนหย่างนอนอยู่บนพื้น นางก็ร้องขึ้น “เทียนหย่าง !”
นางวิ่งเข้าไปช้อนร่างเขาขึ้นมากอดแน่น
“นายน้อย !” ปาเลี่ยหยวนร้องลั่นแล้วพุ่งเข้ามา “ใครเป็นคนทำนายน้อยกัน ? บอกข้า !”
โชคร้ายที่โหยวเทียนหย่างหมดสติอยู่ เขาจะตอบได้หรือ ?
จูเซียนเหยาผลักเขาออกไป “หากเจ้าเขย่าร่างเขาเช่นนั้นก็ตายกันพอดี ! จิ่งเหวิน รีบพาเขากลับ ตอนนี้มีแค่ผู้เฒ่าเหยี่ยเท่านั้นที่จะช่วยเขาได้”
จ้าวจิ่งเหวินเดินเข้ามาอุ้มร่างโหยวเทียนหย่างขึ้น
“รู้หรือไม่ว่าฝีมือใคร ?” ข่าเล่อถามพลางเดินเข้ามา
“เรายังไม่มั่นใจ” จูเซียนเหยาเหลือบมองเฝิงซีหั่ว แต่เคราะห์ร้ายที่ซูเฉินทุบหน้าเขาเสียเยิน ทำให้ไม่อาจรู้ตัวตนคนได้ “น่าจะเกี่ยวกับกลุ่มคนที่คิดลอบสังหารข้าเมื่อก่อนหน้า”
ข่าเล่อเอ่ยเสียงทะมึน “ไม่ว่าพวกมันจะมาจากที่ใด ก็ต้องชดใช้ที่กล้ามาก่อเรื่องในอาณาเขตของเผ่าเกล็ดทรายเช่นนี้ ให้เป็นหน้าที่ข้าเองคุณหนู ข้าจะหาตัวคนบัดซบที่ลงมือเอง”
“เช่นนั้นก็ตามแต่ท่าน”
จูเซียนเหยามองโหยวเทียนหย่างด้วยใบหน้าที่ระบายไปด้วยความเป็นกังวล
หากก่อนหน้านางเคยสงสัยโหยวเทียนหย่าง ตอนนี้ความสงสัยนั้นก็มลายหายไปสิ้น อันเนื่องจากพลังจากสายเลือดที่ยังหลงเหลือให้สัมผัสได้ของเขานั่นเอง
ตอนนี้นางสนใจเพียงว่าจะช่วยชีวิตเขาได้หรือไม่เท่านั้น