บทที่ 208 ยากลืนวิญญาณ

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠)

บทที่ 208 ยากลืนวิญญาณ

ถ้าคนที่ถูกขังอยู่เป็นเหมือนพวกคนก่อนๆ เขาก็คงไม่สนใจว่าจะอยู่หรือตาย อย่างไรก็ตามดราก้อนมาสเตอร์สั่งให้พวกเขาพาตัวเธอกลับมา ถ้าเป็นตามที่ผู้หญิงคนนี้พูด งั้นเขาก็ปล่อยให้เธอตายไม่ได้จริงๆ

หลังจากที่ล็อกประตูแล้ว สมาชิกของทีมก็ไปหยิบกล่องยาและกลับมาอีกครั้ง อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้ตั้งใจที่จะช่วยเอากระสุนออกให้เธอ อย่างมากก็แค่ช่วยเธอห้ามเลือดแค่เพียงให้เธออยู่รอด

มือของเสี่ยวเข่อลี่ยังถูกใส่กุญแจมืออยู่และก่อนที่จะเข้ามาก็มีการตรวจร่างกายของเธอแล้ว ไม่มีอาวุธติดตัวเลย ดังนั้นสมาชิกของทีมจึงไม่ได้ระวังตัวอะไร

ขาของเสี่ยวเข่อลี่บาดเจ็บ ดังนั้นเธอจึงนั่งอยู่ที่พื้น มือข้างซ้ายที่บาดเจ็บถูกกุมไว้ด้วยมือขวาและเธอก็เอนตัวพิงกำแพงอยู่ ที่ใบหน้าสวยทรงเสน่ห์มีเหงื่อผุดพรายเล็กน้อย เดาว่าน่าจะเป็นเหงื่อเย็นๆที่ออกมาจากความเจ็บปวด อย่างไรก็ตามที่สีหน้าของเธอไม่แสดงความเจ็บปวดออกมาเลยและผมเปียกๆก็ยาวปรกลงมาซึ่งทำให้เธอดูโทรมไปมาก น่าเสียดายความสวยจริงๆ ที่หน้าอกก็ขึ้นลงเพราะการหายใจ

ช่างเป็นภาพที่สวยงามจริงๆ สมาชิกของดราก้อนพาวิลเลี่ยนไม่ได้สนใจเรื่องนี้ พวกเขาเคยฝึกกับสิ่งที่สาวงามกว่านี้มามากดังนั้นเรื่องแค่นี้จึงไม่ทำให้เขาไขว้เขวได้ สมาชิกของทีมเปิดกล่องยา หยิบผงห้ามเลือดออกมาและใส่ลงไปที่แผลของเสี่ยวเข่อลี่โดยไม่มีการฆ่าเชื้อ

ประกายเย็นชาแวบขึ้นมาในสายตาของเสี่ยวเข่อลี่แล้วเธอก็เผยรอยยิ้มทรงเสน่ห์ออกมา ด้วยมือข้างที่ไม่บาดเจ็บ เธอก็จับไปที่คางของสมาชิกทีม พวกเขาจ้องตากันและแวบประกายสีแดงก็แวบขึ้นมาในดวงตาของเสี่ยวเข่อลี่

วินาทีต่อมา

“นายชื่ออะไร?” เสี่ยวเข่อลี่ถามชายคนนั้นที่ถูกผู้คุมวิญญาณของเธอควบคุมไว้
ชายคนนั้นตอบ “มูฮัว!”

เสี่ยวเข่อลี่แวบประกายรอยยิ้มในสายตาและพูดต่อ “ดี ตอนนี้ช่วยฉันเอากระสุนออกที จัดการอย่าให้มีปัญหาล่ะ!” เธอสั่ง เธอไม่อยากที่จะเสียขา ช่างน่าเกลียดจริงๆ

“ครับ” สมาชิกทีมตอบแล้วหันไปหยิบเครื่องมือออกมาจากกล่องยาและเริ่มที่จะรักษาแผลถูกยิงของเสี่ยวเข่อลี่ ในฐานะสมาชิกของดราก้อนพาวิลเลี่ยน แผลถูกยิงเป็นเรื่องที่ธรรมดามากๆ ดังนั้นทุกคนจึงถูกฝึกมาให้รักษาบาดแผลแบบนี้ได้

ยากลืนวิญญาณเป็นวิธีลับของเธอ เธอใช้มันเพื่อล่อลวงฟางฉีฮัวจากในชีวิตที่แล้ว ไม่คิดเลยว่ามู่หรงเสวี่ยจะคว้าหัวใจของฟางฉีฮัวไว้ได้ เธอต้องลงแรงอย่างมากกว่าที่ทุกอย่างจะได้ผลกับฟางฉีฮัว ถึงแม้เธอจะไม่ได้ควบคุมได้ทั้งหมด แต่มันก็ยังมีผลอยู่ดี

วันนี้ตอนที่เธออยู่ในที่โกดัง เธออยากที่จะใช้วิชาผู้คุมวิญญาณกับผู้ชายคนนั้นแต่ก็มีคนมากเกินไป เธอจึงไม่ได้ใช้เพราะกลัวว่าคนอื่นจะเห็นถึงความผิดปกติ จนเธอเกือบที่จะต้องตาย

แต่เมื่อคิดได้ว่าผู้ชายคนนั้นจะกลับมาเพื่อถามคำถามกับเธอ เธอก็มีความสุขมาก แล้วนี่จะไม่ใช่โอกาสของเธอได้ยังไง?!! เธอตั้งตารอที่จะได้เห็นท่าทางของมู่หรงเสวี่ยที่ถูกทิ้งจริงๆซึ่งคงจะเป็นความสุขที่สุดในชีวิตของเธอเลยล่ะ

เสี่ยวเข่อลี่หัวเราะอย่างบ้าคลั่งเสียงดังไปทั่วห้องใต้ดินซึ่งทำให้เหล่าผู้คุมต้องขมวดคิ้ว

หลังจากที่ทำแผลเสร็จ เสี่ยวเข่อลี่ก็ออกคำสั่งอีกครั้ง นั่นคือให้ช่วยส่งข้อความผ่านไปให้พ่อของเธอ

หลังจากที่ได้ฟังคำสั่งแล้ว สมาชิกมูฮัวก็เดินออกไปและท่าทางของเขาก็เป็นเหมือนกับก่อนหน้านี้ นี่เป็นเพราะอำนาจยากลืนวิญญาณของเสี่ยวเข่อลี่

ที่อีกฝั่ง คนทั้งสองที่กลับมาที่ห้องของฮวงฟูอี้ก็ได้เผชิญหน้ากัน ไม่นานมู่หรงก็เป็นคนเปิดปากออกมาก่อน “อี้ พาฉันไปเจอคุณปู่คุณย่าทีสิ”

เธอเป็นห่วงมากและอยากที่จะรู้เรื่องความปลอดภัยของคุณปู่คุณย่าของเธอ
ในเมื่อตอนนี้มู่หรงเสวี่ยเป็นหมอมังกร เธอจึงผ่านได้เพียงแค่บางบริเวณเท่านั้น พวกเขาส่วนใหญ่จะผ่านเข้าไปไม่ได้ การ์ดของดราก้อนพาวิลเลี่ยนจะยิ่งเข้มงวดขึ้นเรื่อยๆซึ่งเป็นการป้องกันศัตรูภายนอก

เมื่อเธอได้เห็นคุณปู่คุณย่าของเธอ มู่หรงเสวี่ยก็รีบวิ่งเข้าหาคุณย่าของเธอทันที คุณย่ากอดเธอแน่นพร้อมกับพูดว่า “ดีจริงที่หลานของย่าไม่เป็นอะไร…”

วันนี้คุณปู่คุณย่าของมู่หรงหวาดกลัวอย่างมาก พวกท่านกำลังดูทีวีกันอย่างผ่อนคลายแล้วอยู่ดีๆก็มีกลุ่มคนบุกเข้ามาในคฤหาสน์

ในตอนนั้น คุณปู่ลุกขึ้นมาขวางคุณย่าไว้และท่าทางของเขาก็ไม่หวาดกลัวสมาชิกของดราก้อนพาวิลเลี่ยนเลย “พวกแกจะทำอะไร?”

ทีมดราก้อนพาวิลเลี่ยนถูกสั่งมาแล้วว่าต้องปฏิบัติกับพวกเขาอย่างให้เกียรติ ดังนั้นหนึ่งในหัวหน้าทีมจึงทำความเคารพเข้าอย่างให้เกียรติก่อนแล้วจึงพูดออกมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “คุณมู่หรงขอให้พวกเรามารับพวกท่านทั้งสอง มีเวลาไม่มาก พวกท่านช่วยมากับเราด้วยครับ!”

ถึงแม้ท่าทางของอีกฝ่ายจะสุภาพแต่คุณปู่ก็ยังไม่เชื่อพวกเขาในทันที

“เสี่ยวเสวี่ยขอให้พวกนายมางั้นเหรอ?! ทำไมเสี่ยวเสวี่ยถึงไม่โทรมาบอกพวกเขาเองล่ะ?” จู่ๆคุณปู่ก็นึกอะไรขึ้นมาได้และรีบโทรหามู่หรงเสวี่ยทันที พอโทรไม่ติดเขาก็พยายามโทรกลับไปเรื่อยๆแต่ก็ยังติดต่อไม่ได้ เมื่อเขาโทรไปที่บ้านก็พบว่ามู่หรงทั้งสามคนไม่อยู่ที่บ้าน แล้วสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป

“เกิดอะไรขึ้นกับตระกูลมู่หรงงั้นเหรอ?” คุณปู่ถามออกมาอย่างเป็นกังวล

“ท่านจะรู้เมื่อไปถึงครับ” สมาชิกของทีมดราก้อนพาวิลเลี่ยนตอบเพราะพวกเขาไม่ควรที่จะพูดอะไรมากกว่านี้ หน้าที่ของพวกเขาก็คือการคุ้มครองคนทั้งสองให้กลับไปที่ดราก้อนพาวิลเลี่ยน อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเขาเจอทั้งสองแล้วก็รู้สึกโล่งอกเล้กน้อย

สุดท้ายแล้วคุณปู่คุณย่าของมู่หรงก็ยอมที่จะจะตายพวกเขาไป ก่อนที่จะได้เจอมู่หรงเสวี่ย พวกท่านเป็นกังวลอย่างมาก ตอนที่การ์ดบอกพวกท่านอยากสุภาพว่าให้พวกท่านพักผ่อนตามสบาย พวกท่านจะพักได้ยังไงล่ะ? พวกท่านได้แต่เดินไปมาอยู่ในห้อง ท่านกลัวว่าจะถูกหลอกแต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้กักขังอะไรพวกท่านเลย คนพวกนี้จัดอาหารให้พวกท่านอย่างดีแล้วยังมีเครื่องอำนวยความสะดวกและความบันเทิงอื่นๆอีกมากมาย ตรงกันข้ามเลยคนพวกนี้ปฏิบัติกับพวกท่านราวกับลูกค้าวีไอพี

จนกระทั่งตอนนี้ที่ได้เจอมู่หรงเสวี่ย พวกท่านก็อดไม่ได้ที่จะน้ำตาซึม

หลังจากที่กอดเธออยู่นาน มู่หรงเสวี่ยก็ปล่อยมือจากคุณย่า

“หนูมู่หรง มันเกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ?” คุณปู่ถามมู่หรงเสวี่ย แน่นอนว่าไม่ได้ลืมฮวงฟูอี้ที่ยืนอยู่ด้วย

มู่หรงเสวี่ยดึงมือคุณปู่คุณย่าไปนั่งที่อีกฝั่ง แล้วจึงพูดออกมาช้าๆ “ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้วค่ะ เป็นฝีมือของเสี่ยวเข่อลี่ลูกพี่ลูกน้องหนู เธอจับตัวคุณพ่อกับคุณแม่ไป…หนูเลยต้องรีบไปช่วยพวกท่านแล้วให้อี้ไปรับคุณปู่คุณย่ามาแทน…” เธอค่อยๆอธิบายถึงเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ แน่นอนว่าเธอข้ามเรื่องที่อันตรายตรงกลางไป เพียงแค่พูดออกไปว่าฮวงฟูอี้มาช่วยเธอไว้ได้ทันเวลาและพวกเธอก็ออกมาได้ ส่วนเรื่องมิติลับ เธอกังวลว่าคุณปู่คุณย่าจะแก่เกินไปแล้วจึงไม่อยากที่จะพูดออกไปเพื่อทำให้พวกท่านกังวลไปมากกว่านี้

“อะไรนะ?! เด็กคนนั้น กล้าดียังไง?” คุณปู่รีบลุกขึ้นทันทีด้วยความโกรธ

มู่หรงรีบไปดึงคุณปู่กลับมาและพูดว่า “คุณปู่คะ ไม่ต้องห่วงนะคะ หนูจะจัดการเรื่องนี้อย่างดีค่ะ!”

“พ่อแม่ของหลานอยู่ที่ไหน?” คุณย่าเองก็ถามออกมาอย่างเป็นกังวล ถ้าทุกอย่างเป็นอย่างที่พูด ถ้าสามีภรรยามู่หรงปลอดภัยแล้ว งั้นพวกเขาก็น่าที่จะไปเยี่ยมได้สิ

มู่หรงเสวี่ยพูดออกมาพร้อมรอยยิ้ม “คุณพ่อคุณแม่อ่อนเพลียมากเลยหลับไปแล้วค่ะ พรุ่งนี้หนูจะบอกให้พวกท่านมาเยี่ยมคุณปู่คุณย่านะคะ คุณปู่กับคุณย่าก็พักที่นี่ไปชั่วคราวก่อนนะคะ…” เธอพูดออกมาพร้อมความรู้สึกผิดเล็กๆ คุณปู่คุณย่าของเธอไม่ชอบสถานที่แบบนี้มากที่สุด พวกท่ายเคยชินกับการปลูกต้นไม้และตกปลา

“หลานจับเด็กคนนั้นได้หรือเปล่า?! ได้ถามไหมว่าทำไมไปทำไม?” คุณปู่ถาม

มู่หรงเสวี่ยขมวดคิ้วและพูดออกมา “ไม่ซับซ้อนค่ะ มีองค์กรอยู่เบื้องหลังเสี่ยวเข่อลี่…เอาอย่างงี้นะคะ เมื่อเรื่องนี้จบ คุณปู่คุณย่าค่อยย้ายออกไปจากที่นี้ โอเคไหมคะ?” น้ำเสียงพูดออกมาอย่างขอร้อง

คุณปู่พูดออกมาด้วยเสียงดัง “นี่ปู่กับย่าดูเหมือนคนโง่หรือไง?! ทำไมหลานต้องปิดบังพวกเราด้วย ไม่ต้องห่วงนะ พวกเราจะไม่ออกไปจากที่นี่…แต่หลานก็ต้องระวังตัวให้มากขึ้นด้วย…” ในสายตาของพวกท่านมีความเป็นห่วงอยู่มากมาย

มู่หรงเสวี่ยจับมือฮวงฟูอี้และเดินเข้าไปหาผู้เฒ่าทั้งสอง เธอพูดออกมาอย่างอ่อนหวาน “คุณปู่คุณย่าคะ นี่คือฮวงฟูอี้ แฟนของหนู ต่อไปเขาจะปกป้องหนูค่ะ”

จู่ๆฮวงฟูอี้ก็ถูกแนะนำตัว เขาตกใจอยู่หน่อยๆ หลังจากนั้นสักพัก เขาก็ทำความเคารพแปลกๆกับผู้เฒ่าทั้งสอง แล้วจึงพูดออกมาด้วยความนับถือ “คุณปู่คุณย่า ผมฮวงฟูอี้ ต่อไปช่วยชี้แนะผมด้วยนะครับ” ในหัวใจเกิดความรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก

สายตาของคุณปู่คุณย่ามองสำรวจฮวงฟูอี้ เวลาผ่านไปนานจนฮวงฟูอี้เริ่มสงสัยตัวเองว่าเขาท่าทางดูไม่ดีหรือเปล่า คุณปู่ก็เริ่มพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ต่อไปก็ฝากดูแลมู่หรงด้วยนะ!”

“…”
หลังจากที่ออกมาจากห้องคุณปู่คุณย่า มู่หรงเสวี่ยและฮวงฟูอี้ก็กลับไปที่ห้อง มู่หรงเสวี่ยรู้ว่าฮวงฟูอี้มีคำถามมากมาย อันที่จริงเธอไม่ได้ตั้งใจที่จะปิดบังอะไรอีกแล้ว มันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะปิดบังเขา มู่หรงเสวี่ยรู้เรื่องนี้ดี

“อี้ ฉันมีบางอย่างที่จะคุยกับนาย…” มู่หรงเสวี่ยจับมือของฮวงฟูอี้และดึงเขาไปที่โซฟาและนั่งลง

ดวงตาดำเข้มของฮวงฟูอี้จ้องมาที่เธออย่างใกล้ชิด “พูดมาเลย!” วันนี้มีเรื่องน่าแปลกใจมากมายแต่ในหัวใจเขาก็มีเรื่องกังวลมากมายด้วยเช่นกัน

“ฉันจะหายตัวไปตอนไหนก็ได้และก็ไม่มีใครหาเจอด้วย…” มู่หรงเสวี่ยพูด
ฮวงฟูอี้จับมือเธอแน่นและถามออกมา “เธอหมายความว่าไง?”

“ฉันมีพื้นที่มิติลับที่ไม่ได้อยู่ในโลกนี้ของตัวเอง ถ้าฉันเข้าไป นายก็จะหาไม่เจอ นั่นคือสิ่งที่ฉันหมายถึง ครั้งที่แล้วที่อะพาร์ตเมนต์ในจังหวัดเอก็เหมือนกัน และครั้งนี้ก็ด้วย…” มู่หรงเสวี่ยพูดเสียงเบาโดยไม่พลาดปฏิกิริยาของฮวงฟูอี้เลย