เล่มที่ 17 เล่มที่ 17 ตอนที่ 493 กลับสู่สภาพเดิม น่าเกลียดกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

ในเวลานี้ หลิงเซียวจวิ้นจู่ชี้ปลายดาบอันแหลมคมไปทางซูจิ่นซี แต่เมื่อเข้าใกล้ซูจิ่นซี นางกลับไม่ใช้กระบวนท่าสังหาร ทว่าหันปลายดาบไปทางอื่น และเอนศีรษะเข้าหาซูจิ่นซี

“คนแซ่ซู พวกเราสองคนมาเจรจากัน การประลองในวันนี้ หากเจ้าให้ข้าเป็นผู้ชนะ ข้าจะถือเสียว่าติดค้างน้ำใจเจ้า เรื่องบางเรื่อง ข้าจะไม่ติดใจเอาความ เป็นเช่นไร? ”

ซูจิ่นซียกยิ้มเย็นชา “จวิ้นจู่ต้องการแก้แค้นให้พี่ฉีและพี่ชายของพระองค์มิใช่หรือ? เหตุใดจึงไม่คิดชำระแค้นนี้แล้วเล่า? ”

หลิงเซียวจวิ้นจู่ไม่ได้ตอบคำถามของซูจิ่นซีในทันที นางแย้มยิ้มเย็นชาและหยิบแผ่นหยกออกมาจากเอว

“คนแซ่ซู เจ้าดูสิว่าสิ่งนี้คืออันใด? ”

ซูจิ่นซีเหลือบไปมอง ทันใดนั้น สีหน้าของนางพลันแปรเปลี่ยน

นั่นเป็นป้ายหยกที่มีตัวอักษร ‘จง’ ไม่ใช่หรือ? มันไปอยู่ที่หลิงเซียวจวิ้นจู่ได้อย่างไร?

ซูจิ่นซีลูบคลำบริเวณเอวของตนด้วยความลนลาน หลิงเซียวจวิ้นจู่แย้มยิ้มอย่างลำพองใจ “ไม่ต้องหาแล้ว ไม่มีทางหาพบแน่นอน ป้ายหยกนี้หล่นมาจากตัวเจ้าตอนที่กำลังต่อสู้อยู่กับพี่ชายข้า และข้าเป็นคนเก็บมันขึ้นมาเอง”

แม้ป้ายหยกนี้ไม่ได้มีค่ามากนัก ทั้งซูจิ่นซีก็ไม่ได้ใส่ใจมันเท่าใด ทว่าประโยชน์ของมันนั้น

ยามนี้ ไม่อาจปล่อยให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่านางมีสถานะเป็นคนของสกุลจง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนในสำนักโอสถสกุลจง

หลิงเซียวจวิ้นจู่พลันเลิกคิ้ว “เจ้าคนแซ่ซู ป้ายหยกชิ้นนี้เป็นของท่านอาซีจือ เห็นได้ชัดว่าในตัวเจ้ามีป้ายหยกของท่านอา ทว่าตอนอยู่ที่หอโอสถสกุลจง เจ้ากลับพูดกับข้าเช่นนั้น ทั้งยังสอบถามสถานะของท่านอาซีจือและเรื่องราวในสกุลจง เจ้ามีเจตนาอันใดกันแน่? เจ้าเป็นใคร? ตอนนี้ท่านอาซีจืออยู่ที่ใด? การหายตัวไปของนางเกี่ยวข้องอันใดกับเจ้า? ”

หลิงเซียวจวิ้นจู่ถามติดต่อกันหลายคำถาม แม้นางจะใช้เสียงพูดไม่ดังมาก แต่ยากจะรับประกันได้ว่านางจะไม่เปิดเผยป้ายหยกนี้ให้ผู้อื่น

ซูจิ่นซีครุ่นคิด ทั้งยังพูดโน้มน้าว

“จวิ้นจู่คืนป้ายหยกนั้นให้กระหม่อมเถิด เกี่ยวกับรายละเอียดอื่นๆ หลังจากเสร็จสิ้นเรื่องในวันนี้ กระหม่อมจะตอบพระองค์ทุกคำถาม จนกว่าพระองค์จะพอพระทัย”

“ตกลง เจ้าคนแซ่ซู คำพูดนี้เจ้าพูดเองนะ! ”

ซูจิ่นซีพยักหน้าด้วยท่าทางมุ่งมั่น “พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมรับปาก! ”

“เช่นนั้น การประลองในวันนี้ เจ้าก็ให้ข้าเป็นผู้ชนะ”

ซูจิ่นซีวิเคราะห์ถึงผลได้ผลเสีย จากนั้นจึงตอบรับคำของนาง “กระหม่อมให้พระองค์ชนะ”

หลิงเซียวจวิ้นจู่เผยรอยยิ้มพึงพอใจ ก่อนจะยื่นป้ายหยกในมือออกไป

ซูจิ่นซียื่นมือไปรับ ทว่าขณะที่มือของนางสัมผัสป้ายหยก นางก็เหลือบไปเห็นรอยยิ้มเย็นชาของหลิงเซียวจวิ้นจู่ ซึ่งเป็นรอยยิ้มที่มีความนัยแอบแฝง

ลางสังหรณ์บอกนางว่าแย่แล้ว อันตราย

ทว่าไม่ทันการณ์เสียแล้ว

หลิงเซียวจวิ้นจู่พลิกฝ่ามือกดจุดชีพจรบนมือของซูจิ่นซี ขณะเดียวกันก็กดจุดสำคัญบนข้อมือของซูจิ่นซี ทำให้ซูจิ่นซีไม่สามารถใช้พลังได้ และไม่สามารถเดินพลังภายในได้อีกด้วย

จากนั้น ร่างของซูจิ่นซีก็ซวนเซเข้าหาหลิงเซียวจวิ้นจู่ และพุ่งตกลงไปยังทะเลสาบปี้หูด้านล่างเวทีประลอง

ขณะที่อยู่กลางอากาศ ซูจิ่นซีไม่สามารถออกแรงได้ ทว่าการตอบสนองของนางก็ไม่ด้อย ช่วงเวลาที่นางพลาดท่า ซูจิ่นซียกเท้าถีบไปที่หน้าท้องของหลิงเซียวจวิ้นจู่อย่างแรง

ทว่าหลิงเซียวจวิ้นจู่กลับบีบข้อมือของซูจิ่นซีแน่น ไม่คลายมือแม้แต่น้อย

ทุกคนที่อยู่ในสวนดอกไม้ต่างตื่นตระหนกเมื่อเห็นซูจิ่นซีกับหลิงเซียวจวิ้นจู่ตกลงไปในทะเลสาบ เหล่าองครักษ์รีบกระโดดลงไปในน้ำ ไม่นานนักก็ช่วยซูจิ่นซีกับหลิงเซียวจวิ้นจู่ขึ้นมาได้ทันท่วงที

ตอนอยู่ที่สำนักแพทย์ของรัฐบาลจีน ซูจิ่นซีเคยฝึกพิเศษเรื่องการดำน้ำ หลังจากตกลงไปในทะเลสาบ นางจึงสำลักน้ำเข้าไปเล็กน้อย ส่วนอาการอื่นก็ไม่เป็นอันใดมาก

ทว่าหลิงเซียวจวิ้นจู่กลับสำลักน้ำอย่างหนัก ภายในท้องมีแต่น้ำในทะเลสาบ ทั้งนางยังกลืนปลาและกุ้งเข้าไปอีกด้วย หลังจากพาหลิงเซียวจวิ้นจู่ขึ้นมาบนฝั่ง ใบหน้าของนางพลันขาวซีด หมอหลวงทำการช่วยเหลืออยู่นาน ทว่านางยังไม่มีท่าทีว่าจะดีขึ้น

ตนเองว่ายน้ำไม่เป็นยังพอทำเนา ทว่ายังพาคนลงไปตายด้วย บ้าไปแล้ว นางเป็นคนบ้าที่ไร้หนทางรักษาแล้วจริงๆ !

ซูจิ่นซีสบถในใจอย่างรุนแรง พลางลุกขึ้นยืนเช็ดคราบน้ำบนใบหน้าและเสื้อผ้า พยายามหาจุดที่ปลอดคนเพื่อทำให้เสื้อผ้าของตนแห้งลงบ้าง

ทว่าขณะที่ซูจิ่นซีลุกขึ้นและเดินไปได้ไม่กี่ก้าว นางก็พบว่าผู้คนโดยรอบมองนางด้วยสายตาแปลกประหลาด

ซูจิ่นซีหยุดเดินเพื่อสำรวจตนเองอีกครั้ง ทว่าไม่เห็นสิ่งผิดปกติอันใดแม้แต่น้อย!

อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่าพวกเขายังมีท่าทางผิดปกติราวกับเห็นลิง พวกเขามองอันใดกัน?

ซูจิ่นซีครุ่นคิดอยู่นานแต่ก็นึกไม่ออกว่าเกิดอันใดขึ้น จึงตัดสินใจปล่อยเรื่องนี้ไปก่อน และหาสถานที่เพื่อจัดการเสื้อผ้าของตน เรื่องอื่นค่อยว่ากันภายหลัง

ดังนั้น ซูจิ่นซีจึงเดินต่อไปท่ามกลางสายตาจับจ้องของผู้คนจำนวนมาก

เมื่อเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ซูจิ่นซีก็ราวกับคิดอันใดขึ้นมาได้ นางหยุดเดินในทันทีและตรวจสอบลักษณะภายนอกตั้งแต่หัวจรดเท้า รวมถึงบริเวณที่นางสามารถมองเห็นได้ด้วยตา จากนั้นก็รีบหยิบกระจกบานเล็กออกมาส่องใบหน้าตนเอง!

การส่องกระจกในครานี้ ทำให้ซูจิ่นซีตกใจใบหน้าตนเองอย่างมาก

ซูจิ่นซีเคยพูดไว้แล้ว นางทะลุมิติมาในช่วงเวลาที่เทคโนโลยีล้าสมัยมาก กระทั่งของที่มีไว้สำหรับแปลงโฉมก็ดูเหมือนของปลอม ทั้งยังไม่มีชนิดที่กันน้ำได้อีกด้วย

ใบหน้าของนางเปรอะเปื้อนไปด้วยขี้ผึ้งและคราบปูน สันจมูกปลอมหล่นหายไปหลังจากตกน้ำ การแปลงโฉมเป็นผู้อื่นไม่สมบูรณ์อีกต่อไป

น้ำขิงที่นางตั้งใจทา เวลานี้ถูกชะล้างจนหมดสิ้น เผยให้เห็นผิวพรรณขาวนวล ฟันขาว คิ้วหนา ดวงตากลมโต ใบหน้ารูปไข่ และริมฝีปากรูปกระจับ ยามนี้ นางกลับมาอยู่ในสภาพเดิมแล้ว

บัดซบ ทุกวันนี้ก็น่าเกลียดมากพออยู่แล้ว!

ซูจิ่นซีสาปแช่งผู้ร้ายอย่างหลิงเซียวจวิ้นจู่อยู่ในใจ

อย่างไรก็ตาม เรื่องที่สำคัญกว่านั้นก็คือ เสื้อผ้าสีฟ้าบางเบาที่นางสวมใส่ หลังจากเปียกน้ำก็ไม่มีจุดใดที่เห็นเป็นเนื้อผ้าทั้งยังสูญเสียคุณสมบัติในการปิดกั้นแสง ยามนี้เสื้อผ้าของนางแนบชิดร่างกายจนเห็นส่วนเว้าส่วนนูน เผยให้เห็นสัดส่วนบนเรือนร่างของนาง

เมื่อยืนอยู่ต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก นางก็ไม่ต่างอันใดกับทิวทัศน์อันงดงามที่ให้ผู้อื่นเชยชม

มิน่าเล่า ทุกคนถึงได้มองนางด้วยแววตาผิดปกติ

บัดซบ ซูจิ่นซีสบถในใจ พลางยกสองมือปกปิดเนินอกและรีบวิ่งไปทางด้านหลังกลุ่มคน

“หลบทางด้วย หลบทางด้วย มองอันใด ทุกคนห้ามมอง รีบไปดูหลิงเซียวจวิ้นจู่เถิด นางจมน้ำ ไม่ใช่ข้า! ”

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าซูจิ่นซีจะหลบหนีอย่างไร แววตาแปลกประหลาดนั้นก็จับจ้องนางอย่างไม่ยอมลดละ ยิ่งไปกว่านั้น การแสดงออกของแม่ทัพบางท่านยังดูจริงจังและกล้าหาญมากยิ่งขึ้น

จากนั้น เสียงวิพากษ์วิจารณ์ก็เริ่มดังขึ้นอย่างอุกอาจ

“ที่แท้ ท่านหมอซูก็เป็นสตรี! ”

“ว้าว นางเป็นสตรีที่มีรูปร่างอรชรงดงามจริงๆ ! ”

“เป็นเช่นนั้นจริงๆ ! ไม่เช่นนั้น ฉีอ๋องคงไม่ชุบเลี้ยงนางไว้ภายในจวนและให้แต่งกายเป็นชายกระมัง? ฉีอ๋องคงเกรงว่า หากผู้อื่นเห็นรูปร่างของนางแล้ว จะทำให้เกิดจิตใจฝักใฝ่! ”

“ใช่ อย่างไรข้าก็รู้สึกว่าฉีอ๋องไม่ใช่คนประเภทชอบตัดแขนเสื้อ ที่แท้เขาก็ซุกซ่อนสนมไว้เชยชมเพียงผู้เดียว”

“จุ๊ จุ๊ จุ๊… งดงามเช่นนี้… ทรวดทรงเช่นนี้… หญิงงามระดับนี้… ฉีอ๋องของเราจะทนไหวหรือ? ”

แม้จะเป็นฉีอ๋องผู้สูงศักดิ์ ทว่ายังถูกคนที่มีจิตใจคิดร้ายวิจารณ์ในทางที่ไม่ดี

ไม่ต้องพูดถึงผู้อื่น แม้แต่ซูจิ่นซียังอับอายจนหูและใบหน้าแดงก่ำ

ดั่งคำสุภาษิตที่ว่า หากพบเรื่องที่เลวร้ายพร้อมกัน จงเลือกเรื่องที่ส่งผลร้ายน้อยกว่า

สถานการณ์ในตอนนี้ ซูจิ่นซีตกเป็นรองอยู่มาก นางไม่ต้องการอยู่ที่นี่อีกต่อไป นางต้องการเพียงหาวิธีออกไปจากที่แห่งนี้อย่างรวดเร็วที่สุด

โดยไม่ได้คาดคิด ขณะนั้นเอง เสื้อสีดำสนิทตัวหนึ่งพลันตกลงมาปกคลุมร่างของนาง ดั่งฝนที่ตกได้ทันเวลา

เสื้อคลุมนั้นปกปิดความอับอายของนาง และปกปิดร่างกายของนางที่แทบเปลือยเปล่า